เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา - ตอนที่ 159 สะเทือนท้องพระโรง (2)/ตอนที่ 160 สะเทือนท้องพระโรง (1)
- Home
- เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา
- ตอนที่ 159 สะเทือนท้องพระโรง (2)/ตอนที่ 160 สะเทือนท้องพระโรง (1)
ตอนที่ 159 สะเทือนท้องพระโรง (2)
“น่าหลานฉางเฉียน เจ้าหุบปาก!” ถานหลินตวาดเสียงดังด้วยความโกรธ “วันนี้ ต้องให้องค์หญิงมาอธิบายกับข้า! ไม่เช่นนั้นพวกข้าทั้งหมดจะลาออกกลับบ้านเกิด ให้แคว้นหลิวอวิ๋นแห่งนี้ไร้คนปกครอง!”
เฟิงเทียนอวี้จ้องมองพวกถานหลินด้วยสายตาเย็นชา หมัดของเขากำแน่น เส้นเลือดที่ขมับเต้นอย่างแรง แม้แต่หายใจยังลำบากกว่าเดิมหลายส่วน
ลำคอของเขามีรสหวานของเลือด กลิ่นเลือดตีขึ้นมาถึงลำคอ ดูเหมือนว่ามีแต่ต้องพ่นเลือดออกมาถึงจะสบายตัว
แต่สุดท้ายเขาก็ทนเก็บเอาไว้
ที่นี่คือท้องพระโรง เขาจะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าร่างกายเขาไม่สู้ดีนัก!
ไม่ได้เด็ดขาด!
“พอ…” ในที่สุดเฟิงเทียนอวี้ก็ทนไม่ไหว กำลังจะลุกขึ้นระเบิดอารมณ์โกรธเกรี้ยว
และในตอนนั้นเอง เสียงใสที่คุ้นเคยก็ดังเข้ามาจากด้านนอกท้องพระโรง ชั่วพริบตา ทั้งท้องพระโรงกลับไปเงียบสงบดังเดิม
“เมื่อครู่ผู้ใดอยากให้ข้าอธิบาย?”
…
ท้องพระโรงที่เงียบสงบลง ขุนนางบุ๊นบู๊นับร้อยต่างก็หันหน้ากลับไปด้านหลัง มองไปยังประตูท้องพระโรง หญิงสาวยืนอยู่ภายใต้แสงยามเช้า
มุมปากของนางยกยิ้มเย็น ด้านหลังนาง มีหญิงสาวสวมชุดทหารสีฟ้าอมเขียวนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามา เพียงชั่วพริบตาก็ล้อมขุนนางในท้องพระโรงไว้จนหมด ยืนอยู่ด้านข้างราวกับเทพแห่งขุนเขาก็ไม่ปาน
“นี่มัน…กองทัพเลือดเหล็ก?”
ใจของขุนนางทั้งหลายสั่นสะท้าน
องค์หญิงไม่ได้ตัดความสัมพันธ์กับกองทัพเลือดเหล็กไปแล้วหรือ เหตุใด…นางยังสั่งการคนในกองทัพเลือดเหล็กได้?
สีหน้าถานหลินย่ำแย่หนักกว่าเก่า เขากวาดสายตามองพวกถังจือ ดวงตาแฝงด้วยความเหยียดหยามอย่างชัดเจน
พวกกลุ่มคนไร้ประโยชน์ ก่อนหน้านี้เฟิงหรูชิงปฏิบัติต่อพวกนางเช่นนั้นแล้ว พวกนางก็ยังทำงานให้เฟิงหรูชิงอีก หากเปลี่ยนเป็นเขาล่ะก็ จะร่วมกันบีบบังคับเฟิงเทียนอวี้ให้ลงโทษเฟิงหรูชิง แม้ว่าจะเป็นการสนับสนุนเฟิงหรูซวง ก็ยังดีกว่าเจ้าไร้ประโยชน์นี่ร้อยเท่า
แต่นี่ยังไม่พอ…
หลังจากกองทัพเลือดเหล็กก้าวเข้ามาในท้องพระโรง จู่ๆ ก็มีเสียงหมาป่าหอนดังขึ้น สั่นจนแผ่นดินสะเทือน และทำให้จิตใจของทุกคนแตกตื่นขึ้นมาโดยพลัน
ในพระราชวัง…เหตุใดจึงมีหมาป่า?
“พวกเจ้า…พวกเจ้าดูนั่น ไม่ได้มีแค่หมาป่า ยังมีหมีด้วย! พวกนั้นล้วนแล้วแต่เป็นสัตว์วิเศษระดับสามทั้งนั้น!”
ขุนนางที่เรียบร้อยท่านหนึ่งหลังจากได้เห็นฝูงสัตว์วิเศษบุกเข้ามาก็ตกใจจนขาอ่อน ตัวเขาสั่นไปทั้งตัวรีบร้องบอก “แม่ทัพน่าหลาน ท่านเป็นขุนพล ยังไม่รีบไปหยุดฝูงสัตว์วิเศษนั่นอีก?”
น่าหลานฉางเฉียนกล่าวพร้อมรอยยิ้มเย็น “พวกเจ้าเพิ่งจะประชดว่าพวกข้าดีแต่ใช้กำลังแก้ไขปัญหามิใช่หรือ? เก่งจริง เจ้าก็อาศัยสติปัญญาของพวกเจ้าทำให้ฝูงสัตว์วิเศษเหล่านั้นยอมจำนนสิ”
บรรดาขุนนางหน้าถอดสีกันเป็นแถบ
นั่นสัตว์วิเศษเชียวนะ ไม่มีความเป็นมนุษย์แม้แต่น้อย ต่อให้คิดกลอุบายใดๆ ต่อหน้าพวกเขาแล้ว มันก็เหมือนเด็กน้อยเล่นสร้างบ้าน จะมีประโยชน์อันใด?
น่าหลานฉางเฉียนในเวลานี้ไม่แม้แต่จะมองพวกเขาสักนิด และไม่ยอมไปสกัดกั้นฝูงสัตว์วิเศษนั่นด้วย ปล่อยให้บรรดาสัตว์วิเศษเหล่านั้นพุ่งชนพังประตูเข้ามา…
แต่ว่า เพียงไม่นาน…ทุกคนก็เห็นว่าด้านหลังบรรดาสัตว์วิเศษมี…ขันทีตามมาด้วยอีกหนึ่งคน?
“หลินกงกง?” ถานหลินชะงักไป “เหตุใดท่านจึงช่วยเหล่าสัตว์วิเศษเหล่านี้ก่อความโกลาหล? หรือท่านอยากจะก่อกบฎหรือ?”
หน้าหลินกงกงแดงขึ้นทันที
เขาไปที่จวนองค์หญิง เดิมก็ตกใจไม่น้อยแล้ว ตอนนี้ถานหลินยังกล้าใส่ร้ายเขาเยี่ยงนี้อีก!
“ราชครูถาน ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? ข้าเป็นขันที ไม่มีลูกหลานสืบทอด จะก่อกบฏไปเพื่ออะไร? สัตว์วิเศษเหล่านี้องค์หญิงให้ข้าไปรับมา ส่วนจะทำอะไรนั้น ท่านต้องทูลถามองค์หญิงเอาแล้วกัน”
……………………………………….
ตอนที่ 160 สะเทือนท้องพระโรง (1)
ไม่รู้อะไรทั้งสิ้น เพื่อไปรับเหล่าสัตว์วิเศษเหล่านี้เขาเตรียมรถม้าไว้ให้เสร็จสรรพ เขานึกว่าองค์หญิงจะเลี้ยงสัตว์วิเศษไว้ในกรง ใครจะรู้ว่า…จะเลี้ยงเหล่าสัตว์วิเศษแบบปล่อยเช่นนี้เล่า
ทันทีที่เขาเข้าไปในจวนองค์หญิงก็ถูกสัตว์วิเศษล้อมเอาไว้ ถ้าหลิวลี่ไม่ออกมา เขาไม่ถูกสัตว์วิเศษกินก็คงตกใจกลัวจนฉี่ราดไปแล้ว
ที่สำคัญกว่านั้น เขายังเห็น…ตัวมิ้งค์ไฟสีม่วงตัวนั้นกำลังใช้หางกวาดทำความสะอาดจวน?
อ้อ ยังมีลิงสี่แขนตัวนั้นอีก ถือไม้พายมาเรียกสัตว์วิเศษตัวอื่นๆ ไปกินอาหาร…
เจ้าเคยเห็นสัตว์วิเศษกวาดลานหรือไม่
เจ้าเคยเห็นสัตว์วิเศษ…ผัดผัดทำกับข้าวได้หรือไม่
แต่วันนี้ เขาเห็นหมดแล้ว! จนถึงตอนนี้เขายังตกตะลึงไม่หาย…
“องค์หญิง นี่ท่านหมายความว่าอย่างไรกันแน่”
ในที่สุดถานหลินก็หายจากอาการตกใจ หันหน้าไปมองเฟิงหรูชิง เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันถาม
เขาได้ยินมานานแล้วว่าตอนเฟิงหรูชิงกลับมานางพาเอาฝูงสัตว์วิเศษมาด้วย แต่สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น วันนี้ได้เห็นกับตาตัวเองแล้วเขาถึงได้เชื่อข่าวลือพวกนั้น
เฟิงหรูชิงส่งสายตาให้หมาป่าสีขาว
หมาป่าสีขาวเข้าใจความหมายของเฟิงหรูชิงทันที เรียกลิงสี่แขนให้นำเอาเก้าอี้ที่มันเตรียมมาออกมา วางไว้ด้านหลังเฟิงหรูชิงเรียบร้อย
เฟิงหรูชิงลูบแขนเสื้อแล้วนั่งลงอย่างสง่าผ่าเผย ร่างกายของนางเอนพิงพนักหลังของเก้าอี้ รอยยิ้มบ้าบิ่นปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง
“ท่านต้องการพบข้าใช่หรือไม่ ตอนนี้ข้ามาแล้ว? ท่านมีอะไรก็พูดออกมาได้เลย ไม่จำเป็นไปรบกวนเสด็จพ่อของข้า”
มือของนางเท้าที่แก้มไม่ได้มีท่าทีเกรี้ยวกราดเหมือนคราแรก เพียงแต่ใช้สายตาเย็นชา ยโสโอหังเหล่มองถานหลิน
ถานหลินหน้าเขียว เขามั่นใจว่าเฟิงหรูชิงไม่กล้าลงมือกับเขาในท้องพระโรง ฉีกยิ้มเย็นตอบกลับ “องค์หญิง ขอทูลถามซวงเอ๋อร์นางทำอะไรผิด องค์หญิงท่านถึงได้ลงโทษนางเยี่ยงนี้?”
“นางทำผิดแน่นอนข้าแค่ไปเดินเล่นที่ร้านยาวิเศษ นางกลับใส่ร้ายข้าหาว่าข้าไปเพราะต้องการหาเรื่องนาง เสด็จพ่อพระองค์ว่ามีคนใส่ร้ายหม่อมฉันเช่นนี้นางสมควรถูกโบยหรือไม่?”
เฟิงเทียนอวี้เหลือบมองถานหลินที่อยู่ด้านล่าง “ชิงเอ๋อร์เป็นองค์หญิงของแคว้น ใส่ร้ายนาง ถือว่าไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ไม่เห็นกฎอยู่ในสายตาย่อมสมควรถูกโบย! ชิงเอ๋อร์ไม่ได้ทำอันใดผิด”
ลมหายใจถานหลินหยุดชะงักกัดฟันเอ่ยต่อ
“องค์หญิงกล่าวแต่ไม่มีหลักฐาน จะรู้ได้อย่างไรว่าองค์หญิงมิได้เป็นผู้หาเรื่องก่อน?”
เฟิงหรูชิงหัวเราะขึ้นทันที
“ท่านไปถามที่หอแห่งแรกก็ได้ ดูสิว่าข้าเป็นฝ่ายเริ่มก่อนหรือนางเป็นคนมาหาเรื่องข้า? นอกจากนี้ กั๋วซือก็อยู่ในเหตุการณ์ หากไท่ฟู่ไม่เชื่อ ให้กั๋วซือมายืนยันก็ย่อมได้”
ถานหลินตะลึงตาค้าง
กั๋วซือก็อยู่ในร้านยาวิเศษ? เหตุใดก่อนหน้านี้คนส่งข่าวไม่พูดถึงเรื่องนี้?
“ถึงอย่างนั้น องค์หญิงก็ไม่ควรโบยนางสามร้อยไม้!” ถานหลินกัดฟันกรอดเอ่ยต่อ
รอยยิ้มของเฟิงหรูชิงกว้างยิ่งกว่าเก่า
“ข้อแรก นางใส่ร้ายข้าเท่ากับทำให้ชื่อเสียงแคว้นหลิวอวิ๋นได้รับผลกระทบ โบยนางสามร้อยไม้นั้นสมควรแล้ว ข้อสองข้าเป็นคนมีเมตตา ย่อมมิอาจโบยนางสามร้อยไม้ได้จริง เสียดายฮูหยินท่านเสนาบดีกับหลิ่วอวี้เฉินก็อยู่ที่นั่นด้วย พูดจาไม่ดีกับข้าถูกโบยคนละหนึ่งร้อยไม้ ถานซวงซวงรักหลิ่วอวี้เฉินมากยืนกรานจะรับโทษแทนเขากับหลิ่วฮูหยิน แล้วข้าจะทำเช่นไร?”
ถานหลินนิ่งค้างไปอีกครั้ง
เมื่อได้สติก็หันไปมองทางที่เสนาบดีหลิ่วยืนอยู่
เมื่อครู่ที่พวกเขาบีบกดดันฝ่าบาทอยู่นั้น เสนาบดีหลิ่วไม่กล้าพูดอะไร เขาคิดไม่ถึงว่าสามร้อยไม้ของซวงเอ๋อร์จะมีที่มาเช่นนี้…
…………………..