เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา - ตอนที่ 35 หอมจัง (1) / ตอนที่ 36 หอมจัง (2)
ตอนที่ 35 หอมจัง (1)
เมื่อเห็นว่าหมาป่าสีขาวไร้ปฏิกิริยา เฟิงหรูชิงจึงทำเมินใส่มัน นางหยิบผลเทียนหลิงกั่วออกมาแล้วโยนให้ฝูงหนูเดกู
หนูเดกูร้องจี๊ดๆ ลากผลเทียนหลิงกั่วไปแบ่งกันตรงบริเวณข้างๆ
“ข้าชอบสัตว์เลี้ยงที่รู้จักทำตัวน่ารัก ถ้าไม่รู้จักประจบข้า เลี้ยงไปก็ไม่มีประโยชน์”
เฟิงหรูชิงยิ้มเล็กๆ แล้วหยิบผลเทียนหลิงกั่วออกมา บิดออกเป็นสองซีก แล้วส่งให้กระต่ายวิเศษสองตัว
ความทะนงตนของหมาป่าสีขาวมีมากเกินไป ถ้าไม่กำราบลงมาก็ไม่มีทางทำให้มันเต็มใจจะเฝ้าบ้านเฝ้าสวนให้นาง ยิ่งไปกว่านั้น ต่อไปคนที่เข้ามายังจวนองค์หญิงก็ล้วนเป็นญาติของนาง หากหมาป่าสีขาวผยองเกินงามและทำร้ายพวกเขาคงเป็นเรื่องไม่ดีแน่
…
สายตาที่มองดูหนูเดกูกับกระต่ายวิเศษกำลังแบ่งของกินกันแบบน่าเอร็ดอร่อย หมาป่าสีขาวรู้สึกอิจฉา ตาของมันจ้องดูผลเทียนหลิงกั่วที่อยู่ในมือเฟิงหรูชิงตาไม่กะพริบ ขนทั้งตัวลุกชันขึ้น
ในขณะที่พลังวิเศษของมันกำลังพลุ่งพล่าน มีกลิ่นหลายกลิ่นลอยมาจากทั่วทุกทิศของจวนองค์หญิง ทำให้หมาป่าสีขาวที่ขนเพิ่งจะชูชันกลับราบลงเสียเฉยๆ
มันน้อยใจ รู้สึกน้อยใจนัก
หมาป่าเทียนซานที่งามสง่า เหตุใดจึงตกต่ำถึงขั้นต้องยอมกระดิกหางเพื่อแลกกับของกินของมนุษย์ แต่ไรมามันไม่เคยยอมศิโรราบ ยอมตายเสียดีกว่าจะกินของของมนุษย์
แต่ว่าเมื่อต้องเจอกับความเย้ายวนของผลเทียนหลิงกั่ว สุดท้ายมันก็ยอมจำนน มันทิ้งก้นลงบนพื้นกระดิกหางไปมาอย่างอารมณ์ดี ราวกับหมาที่รอเจ้าของแบ่งของกินให้อย่างไรอย่างนั้น
หลิวลี่กับชิงหลิงต่างอึ้ง นี่หมาป่าสีขาวยอมแพ้แล้วหรือ
องค์หญิง…เก่งกาจแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน
หลิวลี่ช้อนตาที่พร่ามัวขึ้นมอง เบ้าตารื้นไปด้วยน้ำตา
ภาพที่นางเห็นตรงหน้า ร่างกายอันอวบอ้วนของเฟิงหรูชิง สอดประสานกับภาพกายอันงดงามเมื่อหลายปีก่อน
แม้ตอนนั้นนางยังเด็ก แต่จำได้ว่าตอนที่แคว้นทั้งหลายบุกตีแคว้นหลิวอวิ๋น น่าหลานฮองเฮานำทัพเลือดเหล็กกำลังพลหลักร้อยรับศึกทหารฝ่ายศัตรูนับแสน นางเพียงคนเดียวไล่ตียอดฝีมือหลายคนจนพวกเขาไม่มีทางสู้กลับได้
น่าหลานฮองเฮาผู้มีความสามารถโดดเด่นถึงเพียงนั้น กษัตริย์ของแคว้นทั้งหลายต่างเคารพยำเกรงนางเป็นอันมาก แล้วองค์หญิงผู้เป็นธิดาจะด้อยไปได้อย่างไร
องค์หญิงจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งคล้ายกับน่าหลานฮองเฮาเมื่อครั้งอดีต
นัยน์ตาของชิงหลิงแฝงความสับสนงุนงง องค์หญิงที่อยู่ตรงหน้าไม่เหมือนกับคนที่นางเคยรู้จัก องค์หญิงคนเดิมมีแต่ก่อเรื่อง แต่มาบัดนี้กลับเต็มไปด้วยรัศมี ทั้งๆ ที่ร่างกายก็ยังคงอวบอ้วนเหมือนเก่า แต่กลับมีเสน่ห์…อย่างคาดไม่ถึง
“อิ๋งๆ ”
หมาป่าสีขาวหยิบผลเทียนหลิงกั่วที่เฟิงหรูชิงโยนมาให้ขึ้นมากัด แววตาของมันเต็มไปด้วยความพอใจ และเกือบกลืนผลเทียนหลิงกั่วลงไปทั้งเมล็ด
หอม หอมจัง ผลเทียนหลิงกั่วนี่อร่อยกว่าที่เคยกินมาทั้งหมด รสชาติแบบนี้มันอร่อยจนหยุดไม่อยู่จริงๆ
“หมดแล้ว”
มองดูสีหน้าของหมาป่าสีขาวที่จ้องดูเฟิงหรูชิงตาปริบๆ เฟิงหรูชิงผายมือออก “ถ้าเจ้ายอมเฝ้าบ้านให้ข้าดีๆ วันพรุ่งนี้ข้าจะให้เจ้าอีกลูก ห้ามเจ้าขโมยกิน ถ้าเจ้ากล้าขโมยเทียนหลิงกั่ว ชาตินี้ข้าจะให้เจ้าไปใช้แรงงานอยู่ที่จวนแม่ทัพตลอดชีวิต ไม่มีโอกาสได้กินเทียนหลิงกั่วอีกเลย”
หมาป่าสีขาวรีบพยักหน้า มันจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด!
“หลิวลี่ เจ้าพามันไปอยู่ที่ตีนเขาท้ายจวน ให้มันเฝ้าสวนยาของข้า อีกอย่าง ช่วงนี้ห้ามใครเข้าไปที่เขาท้ายจวนแม้แต่ก้าวเดียว ไม่ว่าใครทั้งนั้น!”
นัยน์ตาของเฟิงหรูชิงมีประกายเย็นยะเยือก พูดกำชับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เมื่อเทียบกับชิงหลิง เฟิงหรูชิงเชื่อใจหลิวลี่มากกว่า เมื่อนางสั่งห้ามหลิวลี่ไปที่เขาท้ายจวน ชิงหลิงเองก็ห้ามเข้าไปเด็ดขาด
ตอนที่ 36 หอมจัง (2)
หลิวลี่ทำท่าเคารพพร้อมพูดว่า “เพคะ องค์หญิง”
เฟิงหรูชิงทำท่าบิดขี้เกียจ กายนี้อ้วนเสียจนทำให้นางรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างรวดเร็ว นางฉวยโอกาสตอนนี้ที่ยังพอมีเวลาอยู่ ไปเดินที่เขาท้ายจวนก่อนสักรอบสองรอบดีกว่า
การมีผลเทียนหลิงกั่ว ทำให้นางบรรเทาความเหนื่อยล้าได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้ยังไม่สามารถปรุงอาหารบำรุงสุขภาพได้ นางทำได้เพียงลดความอ้วนด้วยวิธีการง่ายๆ แบบนี้เท่านั้น
…
“พี่ฝูเฉิน นี่มันเรื่องอะไรกัน”
เหนือพื้นหญ้า ชิงหานเดินด้วยก้าวสั้นๆ จนมาหยุดอยู่ข้างกายฝูเฉิน นางขมวดคิ้วอันน่ารัก เอียงคอ แล้วถามด้วยความสงสัย “ทำไมเทียนหลิงกั่วถึงโตไวขนาดนี้ ต่อให้มันเป็นของธรรมดาที่สุดในยาวิเศษระดับหนึ่ง แต่อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสองวัน”
ฝูเฉินขมวดคิ้วครุ่นคิด “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะเหตุการณ์แบบนี้ ข้ารู้แค่เหตุการณ์เดียว”
“อะไรหรือ”
“ผู้ก่อตั้งพรรคเภสัชเทพ บรรพบุรุษผู้ลึกลับท่านนั้น”
บรรพบุรุษผู้นั้นลึกลับแค่ไหนกันนะ
ในบันทึกประวัติศาสตร์ของพรรคเภสัชเทพจวบจนบัดนี้ไม่มีเรื่องราวใดๆ เกี่ยวกับผู้ก่อตั้ง ไม่รู้ว่าเขาเป็นชายหรือหญิง หน้าตาอัปลักษณ์หรือหน้าตาดี เขาเปรียบเสมือนกระดาษสีขาว สุดแต่ใครจะวาดภาพตามจินตนาการเอาเอง แต่เขาก็เป็นตำนานในยุคสมัยนั้น
วิธีการปลูกยาวิเศษเป็นผลจากการทดลองของเขา แล้วถ่ายทอดสืบมาหลายร้อยรุ่น เขาเป็นผู้ชี้ทางที่ถูกต้องชัดเจน ให้แก่การบำเพ็ญตบะของทวีปนี้ ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร ยิ่งว่านั้นไม่มีใครที่ลืมเขาได้!
ผู้คนต่างเรียกขานเขาว่า…จักรพรรดิ์ที่เก้า!
“จักรพรรดิ์ที่เก้าหรือ” ชิงหานกะพริบตาด้วยอาการงุนงง “เจ้าบอกว่านางมีพรสวรรค์คล้ายกับจักรพรรดิ์ที่เก้า? ก็เลยเร่งการเติบโตของต้นยาวิเศษได้? แถมผลเทียนหลิงกั่วที่นางปลูกได้ก็มีพลังวิเศษอยู่อย่างหนาแน่น เหนือกว่าหัวหน้าพรรคเภสัชเทพในสมัยนั้นเสียอีก”
“พรสวรรค์ของนางมีมากน้อยแค่ไหน ยังต้องรอดูกันต่อไป จักรพรรดิ์ที่เก้าในยุคนั้นไม่เพียงปลูกยาวิเศษชั้นเลิศได้ การฝึกตบะของเขาเป็นไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าใครในทวีปนี้จะเปรียบได้”
น่าเสียดาย จักรพรรดิ์ที่เก้าผู้นั้นเป็นเพียงแค่ตำนาน จมหายไปกับสายธารแห่งประวัติศาสตร์อันยาวไกล ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก
“แต่ว่า…” ตากลมโตของชิงหานแฝงด้วยความสุข มีประกายวิบวับ “พรสวรรค์ของนางมีมากขนาดนี้ ถือเป็นลาภปากของเราจริงหรือไม่ โชคดีที่นางเป็นพ่อแม่ผู้เลี้ยงดูของเรา ไม่อย่างนั้น ไม่รู้เมื่อไรเราถึงจะได้กินยาวิเศษระดับสาม”
ฝูเฉินสีหน้าซังกะตาย ส่งเสียงเฮอะด้วยความไม่พอใจ “นางเป็นทาสปลูกยา ทาสปลูกยาต่างหาก!”
“ข้าไม่สนหรอก ใครที่ทำให้ข้าได้กินอิ่ม คนคนนั้นคือพ่อแม่ผู้เลี้ยงดูของข้า พี่ฝูเฉิน ข้าหิวมานานมากแล้ว จะหมดแรงอยู่แล้ว” ชิงหานเอามือลูบท้อง ฝูเฉินเบะปากท่าทางน่าสงสาร
นางอยากกินยาวิเศษระดับสามเหลือเกิน
…
การพูดคุยของเจ้าตัวเล็กสองคนนั้น เฟิงหรูชิงไม่รู้ ยิ่งกว่านั้นนางไม่มีทางรู้ว่าพวกเขาสองคนจับตาดูนางมาโดยตลอด
นางใช้เทียนหลิงกั่วเป็นตัวช่วยในการวิ่งรอบเขาท้ายจวนจนกระทั่งฟ้ามืด จากนั้นจึงปาดเหงื่อหอบแฮ่กๆ เดินลงจากเขามา
“ตอนนี้ถ้ามีน้ำซานเกิน สักชามก็ดีสิ”
น้ำซานเกิน ใช้รากซานเกินกับดอกหนิงเสินและต้นหยินเย่ต้มเป็นน้ำ มีสรรพคุณช่วยละลายไขมันและล้างพิษ เป็นสิ่งที่เฟิงหรูชิงต้องการที่สุดในตอนนี้
การมีกายอันอวบอ้วนแบบนี้ ต่อไปหากต้องต่อสู้คงทำได้ลำบาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการยืนหยัดอยู่ในทวีปนี้ได้อย่างมั่นคงดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการที่นางต้องผอมเพรียวให้ได้ จึงจะต่อสู้ได้สะดวกในวันข้างหน้า
ไกลออกไป เฟิงหรูชิงมองไปเห็นหลิวลี่ซึ่งกำลังรอนางอยู่ที่ตีนเขา เมื่อเดินไปถึงหลิวลี่ จู่ๆ นางก็นึกถึงเรื่องที่ฝูเฉินเคยพูดกับนางได้ นางงึมงำอยู่สักครู่ก่อนจะถามขึ้นว่า
“หลิวลี่ เจ้ารู้เรื่องพรรคเภสัชเทพหรือไม่”