เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา - ตอนที่ 641 ไม่รับแล้วยังตอบโต้กลับ (4)/ตอนที่ 642 ไม่รับแล้วยังตอบโต้กลับ (5)
- Home
- เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา
- ตอนที่ 641 ไม่รับแล้วยังตอบโต้กลับ (4)/ตอนที่ 642 ไม่รับแล้วยังตอบโต้กลับ (5)
ตอนที่ 641 ไม่รับแล้วยังตอบโต้กลับ (4)
เฟ่ยเสวี่ยอึ้งงัน นางมองท่าทางเจ็บปวดของจ้าวเย้า รู้สึกเชื่อเขาเพิ่มขึ้น เดินเข้าไปคิดกุมมือเขาไว้ กลับถูกเขาสะบัดออก
“ข้าน่าจะรู้อยู่แล้ว เจ้าไม่เคยเชื่อข้า เพื่อเจ้าแล้ว หลายปีที่ผ่านมาข้าไม่เคยรับอนุ สำนักกรงเล็บอินทรีมีศิษย์หญิงมากมายที่คิดเข้าหาข้า ข้าไม่รับเลยสักคน ซ้ำยังไล่พวกนางออกจากสำนัก!”
สายตาที่หงอวี้มองจ้าวเย้าแฝงไปด้วยความแดกดัน
ศิษย์หญิงคิดเข้าหาเขา ถูกขับไล่ออกจากสำนักหรือ
สองสามปีก่อน นางเป็นตัวแทนจวนเฟิงอวิ๋นมาสำนักกรงเล็บอินทรี บังเอิญว่าเฟ่ยเสวี่ยไม่อยู่ เหลือแค่จ้าวเย้าคนเดียว
ตอนนั้นจ้าวเย้ากำลังลวนลามศิษย์หญิงนางหนึ่ง ผลคือ ศิษย์หญิงคนนั้นปฏิเสธเขาอย่างรุนแรง ทั้งยังคิดจะรายงานเรื่องนี้กับเฟ่ยเสวี่ย
ต่อมา…
ตอนที่นางมาสำนักกรงเล็บอินทรีอีกครั้ง ก็ไม่เห็นศิษย์หญิงนางนี้อีกเลย
จากคำพูดของจ้าวเย้า กลับกลายเป็นว่าศิษย์หญิงยั่วยวนเขาไม่สำเร็จ ถูกขับไล่ออกจากสำนักเสียอย่างนั้น
น่าขันนัก!
เมื่อเห็นเฟ่ยเสวี่ยเชื่อโดยสนิทใจ หงอวี้ก็กลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
“ล้วนเป็นเพราะเจ้า!” จ้าวเย้าหันควับมาด้วยโทสะ แววตาแฝงความดุร้ายและอำมหิต “เฟิงหรูชิงคิดปีนขึ้นเตียงข้า ก็จะเป็นใหญ่ขึ้นในคราเดียว ข้าปฏิเสธนาง นางก็ส่งสาวใช้มาให้ร้ายข้าอย่างนั้นหรือ หึ แต่ข้าก็ต้องขอบคุณพวกเจ้า ที่ทำให้ข้ารู้ว่าที่แท้ฮูหยินของข้าไม่เคยเชื่อใจข้าเลย”
เฟ่ยเสวี่ยลนลานแล้ว ใบหน้าสง่างามซีดเซียว
นางชอบจ้าวเย้าชอบจนถึงขั้นไร้สติ
“จ้าวเย้า เมื่อครู่ข้า ข้าเข้าใจท่านผิดจริงๆ ข้าขอโทษ ข้าไม่ควรสงสัยท่าน”
ทำไมนางถึงได้ระแวงสามีที่อยู่ด้วยกันมานานเพียงเพราะคำพูดของคนนอกไม่กี่ประโยคกัน
ในโลกนี้ไม่มีใครเข้าใจจ้าวเย้าไปมากกว่านางอีกแล้ว
เขาไม่วันทำเรื่องผิดต่อนางอย่างแน่นอน!
รอยยิ้มหงอวี้ค่อยๆ หุบลง นางสาวเท้าไปหาจ้าวเย้าอย่างเชื่องช้า
“เมื่อครู่เจ้าว่าอย่างไรนะ คุณหนูของข้าคิดปีนเตียงเจ้าอย่างนั้นหรือ”
คราวนี้จ้าวเย้ายังไม่ทันเอ่ยวาจา เฟ่ยเสวี่ยก็พุ่งเข้าใส่หงอวี้แล้ว
“พอซะที ข้าไม่สนว่าใจเป็นใคร ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีฐานะอะไรกันแน่ แต่ข้าขอให้เจ้าอย่าทำลายความสัมพันธ์ของข้ากับสามีอีก! แม่นางน้อยทุกวันนี้ ต่างก็เหมือนกันหมด เห็นสามีข้ามีอำนาจ คิดยั่วยวนเขา! อย่าลืมว่า ในสำนักกรงเล็บอินทรีนี้คนที่ตัดสินใจได้ก็คือข้า ต่อให้ล่อลวงเขาได้ ก็เป็นแค่หญิงแพศยาไร้ยางอายเท่านั้น”
เพี๊ยะ!
หงอวี้ตบหน้าเฟ่ยเสวี่ยอย่างแรง
เสี้ยวขณะนั้น ศิษย์ทั้งหลายพุ่งเข้ามาล้อมหงอวี้ไว้
คราวนี้หงอวี้แววตาคมกริบราวกับมีด แผ่พลังดุดันพุ่งออกมาราวกับสายรุ้ง
“เจ้าลองลบหลู่นางอีกสิ”
เฟ่ยเสวี่ยอึ้งงัน กุมแก้มที่เจ็บปวดเอาไว้ โมโหเสียจนพูดไม่ออก
นางสารเลวนี่ กล้าลงมือกับนางในสำนักกรงเล็บอินทรี
ไม่อยากมีชีวิตแล้วใช่หรือไม่!
“เสวี่ยเอ๋อร์” แววตาจ้าวเย้าทอประกายปวดร้าว เขากำมือแน่น หันหลังมา จ้องหงอวี้ด้วยความคับแค้น “ไม่ว่าเสวี่ยเอ๋อร์จะเข้าใจข้าผิดอย่างไร ไม่เชื่อใจข้าอย่างไร นางก็ยังเป็นหญิงที่ข้ารักที่สุด ข้าไม่ยอมให้ใครแตะต้องนางเด็ดขาด”
เฟ่ยเสวี่ยเหม่อมองบุรุษที่ปกป้องนางอยู่ด้านข้าง ความอบอุ่นเอ่อขึ้นมาในหัวใจ นางกุมมือเขา สายตาสำนึกผิด
“สามีข้า ขอโทษด้วย เมื่อครู่ข้าไม่ควรระแวงท่านจริงๆ”
จ้าวเย้าถอนใจเบาๆ น้ำเสียงจนปัญญา “ใครใช้ให้ข้ารักเจ้าขนาดนี้ ต่อให้เจ้าไม่เชื่อข้า ข้าก็จนปัญญาจะโกรธเจ้าได้ เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าหลบไปด้านหลังก่อน วันนี้ข้าจะฆ่านางแก้แค้นให้เจ้า!”
…………….
ตอนที่ 642 ไม่รับแล้วยังตอบโต้กลับ (5)
หงอวี้นวดแขน หลังจากได้ยินคำพูดของจ้าวเย้า นางพลันเงยหน้าขึ้นมา แววตาคมกริบมองไปยังจ้าวเย้า
“จ้าวเย้า…คิดไม่ถึงว่าไม่พบกันหลายปี เจ้ากล้าประลองกับข้าจริงๆ หรือ ก็แค่ขี้แพ้คนหนึ่งไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าไร้ยางอายถึงขนาดไหนถึงได้กล้าว่าบอกว่าคุณหนูของข้ายั่วยวนเจ้า”
ในทวีปนี้ ทั้งบุรุษสตรีที่หลงรักคุณหนูมีมากมาย นางจำเป็นต้องยั่วยวนบุรุษอายุมากนี่ด้วยหรือ ซ้ำยังเป็นคนที่ไม่มีกระเลยสักน้อย
“เจ้าพูดเหลวไหลอันใดกัน” จ้าวเย้าสีหน้าเปลี่ยนไป “ข้าเคยพบเจ้าตั้งแต่เมื่อไร”
“สองสามปีก่อน ข้ามาที่สำนักอินทรี” หงอวี้กะพริบตา “ข้าบังเอิญเห็นเจ้ากำลังหยอกเย้าศิษย์หญิงนางหนึ่ง เพราะนางปฏิเสธ เจ้าถึงขับไล่นางออกไป…”
เดิมทีศิษย์ทั้งหลายของสำนักอินทรีคิดลงมือกับหงอวี้ ครั้นได้ยินคำพูดของนางก็ชะงักไป ในความเป็นจริงจ้าวเย้ากระทำอย่างมิดชิด แต่เขาก่อการในสำนัก อย่างไรก็ต้องมีคนเห็นบ้าง
แต่ไม่มีใครกล้าบอกฮูหยิน!
ฮูหยินเชื่อท่านเจ้าสำนักถึงเพียงนี้ หากพวกเขากล้าพูดมาก ย่อมพบจุดจบที่น่าอนาถ!
“เจ้าเหลวไหล!” สีหน้าเฟ่ยเสวี่ยเขียวคล้ำง้ำงอ เอ่ยด้วยโทสะ “นางแพศยาพวกนั้นยั่วยวนคนไม่สำเร็จชัดๆ ถึงได้ถูกจ้าวเย้าขับไล่ออกไป เขาจริงใจกับข้า ย่อมไม่ยอมให้ศิษย์คิดไม่ซื่อเหล่านี้ปรากฏอยู่ในสำนัก”
หงอวี้กลอกตามองเฟ่ยเสวี่ย “เจ้าคิดว่า บุรุษวัยกลางคนรูปร่างอวบอ้วนอย่างเขา มีคุณสมบัติอันใดดึงดูดศิษย์หญิงอายุเยาว์กัน”
เฟ่ยเสวี่ยร้องหึออกจากจมูก “ยังมิใช่เพราะสามีข้าฐานะสูงส่งอีกหรือ หญิงเหล่านั้นถึงคิดปีนขึ้นสู่ที่สูง ถึงได้คิดยั่วยวนเขา”
ฉับพลัน หงอวี้หัวเราะออกมา รอยยิ้มนางแฝงความเย็นชามองเฟ่ยเสวี่ยคล้ายกำลังมองคนโง่คนหนึ่ง
“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าศิษย์หญิงเหล่านั้นในสำนักกรงเล็บอินทรีเบื่อชีวิตแล้วหรืออย่างไรกัน รู้ทั้งรู้ว่าอำนาจที่แท้จริงของสำนักอยู่ในกำมือเจ้า รู้ทั้งรู้ว่าหากเป็นอนุของจ้าวเย้าก็จะถูกเจ้าตีตาย พวกนางเบื่อชีวิตแล้วหรือถึงได้ยั่วยวนเขา เดิมข้าคิดว่าเพราะความรัก ถึงได้ทำให้พวกนางคลุ้มคลั่ง คิดไม่ถึงว่าเป็นเพราะอำนาจนี่เอง”
น่าขำ ชีวิตไม่เหลือแล้ว จะเอาอำนาจไปทำไม
เฟ่ยเสวี่ยตะลึงงัน ไม่รู้เพราะอะไร นางพลันรู้สึกว่าคำพูดของสตรีนางนี้มีเหตุผลอยู่บ้าง
อำนาจของสำนักกรงเล็บอินทรีอยู่ในมือนาง นี่เป็นเรื่องที่ใครๆ ต่างก็รู้ ยิ่งไปกว่านั้นศิษย์หญิงในสำนักอินทรีต่างก็รู้จักนิสัยของนาง แล้วไฉนยังยั่วยวนจ้าวเย้าอีกเล่า ที่สำคัญก็คือทุกครั้งจ้าวเย้าล้วนชิงขับไล่ศิษย์หญิงเหล่านั้นออกไปก่อนถึงค่อยเล่าให้นางฟัง ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่เคยพบศิษย์หญิงเหล่านั้นเลย
“เจ้าอย่าคิดใช้คำพูดปลุกปั่นเสียที!” เฟ่ยเสวี่ยกัดฟันแน่น ความฉงนในใจเพิ่มขึ้นทุกทีๆ ทว่ายังฝืนสะกดเอาไว้ “อาจ…อาจเป็นเพราะพวกนางก็รักสามีข้าเช่นกัน ถึงได้ไม่สนใจชีวิตยั่วยวนเขา”
หงอวี้ส่ายหน้า
คนตาบอดช่างน่ากลัวนัก
ชิงหย่วนก็เคยเป็นเช่นนี้ ฮูหยินสำนักอินทรีในยามนี้ก็เช่นกัน…
“อีกอย่าง สตรีบางคนก็โง่งมเกินไป รู้ทั้งรู้ว่าตายสถานเดียว ก็ยังลองโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น” เฟ่ยเสวี่ยยิ้มเย็นชา “พวกนางอาจคิดว่า ขอเพียงจ้าวเย้ายอมรับพวกนาง ข้าก็มิอาจทำอะไรได้”
แววตาหงอวี้เย็นวาบ “ข้าเห็นด้วยกับประโยคหนึ่งของเจ้า สตรีบางคนโง่งมเกินไป…”
โง่งมเสียจนถึงขั้นน่ากลัว!
“แต่ว่า…” หงอวี้ไร้ซึ่งความกลัว มองจ้าวเย้า “ข้ามาที่นี่ มีเป้าหมายเดียวก็คือส่งตัวจื่อเยียนมาให้ข้าเท่านั้น!”