เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา - ตอนที่ 653 การตายของจื่อเยียน (6)/ตอนที่ 654 การตายของจื่อเยียน (7)
- Home
- เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา
- ตอนที่ 653 การตายของจื่อเยียน (6)/ตอนที่ 654 การตายของจื่อเยียน (7)
ตอนที่ 653 การตายของจื่อเยียน (6)
ชิงหย่วนยกกระบี่ขึ้น ค่อยๆ เดินเข้าหาจื่อเยียน
“นับตั้งแต่ตอนที่เจ้าทำให้อวิ๋นเอ๋อร์ตาย เจ้าก็ไม่ใช่คนที่ข้ารักอีกต่อไปแล้ว ที่ข้าไม่ลงมือก่อนหน้านี้ก็เพราะข้ากลับไปฝังนาง ตอนนี้นางทอดร่างสู่พื้นดิน ข้าก็สมควรกลับมาแก้แค้นได้แล้ว!”
จื่อเยียนริมฝีปากสั่นระริก “ทั้งๆ ที่ท่านพบนางไม่กี่ครั้งเท่านั้น วาสนาไม่กี่ครั้งเทียบกับการที่พวกเราอยู่ร่วมกันเป็นเวลานานได้อย่างนั้นหรือ ท่านเป็นคนเปลี่ยนใจง่ายได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
ครั้นหงอวี้ที่เตรียมจะแทรกขึ้นมาได้ยินประโยคสุดท้ายของจื่อเยียนก็หัวเราะอย่างเย็นชา
“เปลี่ยนใจง่ายอย่างนั้นหรือ เจ้ามีคุณสมบัติต่อว่าเขาหรือ เขาทุ่มเทเพื่อเจ้าไปตั้งเท่าไร แล้วเจ้าทำอย่างไรกับเขากัน”
ชิงหย่วนคร้านจะเอ่ยวาจาเหลวไหลกับจื่อเยียนอีก พลังดุดันของเขาพุ่งเข้ามาตรงหน้า บรรยากาศรอบๆ เย็นเยียบสงบขึ้นมาหลายส่วน
จื่อเยียนสีหน้าแข็งค้าง ตัวสั่นมองชิงหย่วน “พละ…พลังของท่านถดถอยแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมยังเป็นผู้ฝึกระดับเสวียนอู่อีก”
“สุดท้ายคุณหนูใหญ่…หาใช่คนใจดำ”
ตอนนั้นชิงหย่วนย่อมไม่รู้อะไรทั้งนั้นเช่นนั้น จนกระทั่งเมื่อคืนที่พลังของเขาฟื้นฟูกลับมา
เสี้ยววินาทีนั้นชิงหย่วนเข้าใจทุกอย่างแล้ว ซ้ำยังรู้สึกสำนึกในความลำบากของเฟิงหรูชิงอีกด้วย
นางใช้วิธีนี้ เพื่อทำให้เขามองจื่อเยียนออก
แต่เขาเล่าทำอะไรไปบ้าง
เพื่อจื่อเยียนแล้ว เขาทอดทิ้งจวนเฟิงอวิ๋น
ต่อให้รู้ว่าจื่อเยียนหลอกลวง เขาก็ยังไม่ปล่อยวางนาง หากมิใช่การตายของอวิ๋นเอ๋อร์ทำให้เขาได้สติ เกรงว่าชั่วชีวิตนี้เขาจะไม่มีวันได้สติกลับคืนอีกแล้ว…
ค่าตอบแทนของการได้สติกลับมาช่างใหญ่หลวงเหลือเกิน ใหญ่จนเขาไม่อาจรับได้!
จื่อเยียนถอยหลัง กำหมัดแน่น “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เพราะเหตุใด…”
หากพลังของชิงหย่วนไม่ถดถอย นางก็ไม่มีทางเลือกไปเข้าหาจ้าวเย้า
เช่นนั้นข้างกายนางยังคงมีบุรุษที่รักนางมากคนหนึ่งดังเดิม!
ล้วนเป็นเฟิงหรูชิง!
อีกฝ่ายทำร้ายนางจนเป็นแบบนี้!
“ข้าเดาว่าเจ้ากำลังโทษคุณหนูใหญ่อีกแล้ว” หงอวี้หัวเราะเย็นชา “เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า จุดจบของเจ้าในวันนี้เป็นเพราะอะไร หากเจ้าไม่ถอนหมั้นกับคุณชายน่าหลาน เช่นนั้นเจ้าก็จะเป็นหลานสะใภ้ของท่านเจ้าบ้าน หากเจ้าไม่ทอดทิ้งชิงหย่วน แผนการทั้งหลายของคุณหนูก็ไม่มีประโยชน์”
“ดังนั้น…” หงอวี้เงยหน้ามอง “เจ้าได้รับผลกรรมที่เจ้าทำเองมาตลอด โทษใครก็ไม่ได้ทั้งนั้น!”
จื่อเยียนร่างกายอ่อนยวบร่วงลงไปกองบนพื้น สีหน้าสิ้นหวัง
ถูกแล้ว ถ้านางไม่ถอนหมั้น นางก็จะเป็นหลานสะใภ้ของเจ้าบ้านจวนเฟิงอวิ๋น...
“จื่อเยียน เจ้าควรขอบคุณข้า” ชิงหย่วนเดินมาตรงหน้านาง ประกายกระบี่วาววาบนำพาอายกระบี่เย็นเยียบ “หากไม่ฆ่าเจ้า เกรงว่าเจ้าคงหนีการถูกบุรุษนับไม่ถ้วนย่ำยีแน่ พวกเขาไม่มีทางปล่อยให้เจ้าตายอย่างสบายๆ !”
ลำคอจื่อเยียนถูกประกายกระบี่บาด เลือดสดไหลออกมา
นางเบิกตาด้วยความไม่ยินยอม ร่างกายค่อยๆ ล้มลงจมกองเลือด
ไม่มีใครเห็นใจนาง!
ที่นางมีวันนี้ได้ ล้วนเป็นเพราะนางทำตัวเอง!
ถัดมาชิงหย่วนเดินเข้าไปหาจ้าวเย้า พลังดุดันแข็งแกร่งขึ้นแฝงไปด้วยความเกรี้ยวกราดเสียดฟ้า
“จื่อเยียนตายไปแล้ว ต่อไปก็คือเจ้า…”
คนที่ฆ่าอวิ๋นเอ๋อร์ เขาจะไม่ปล่อยไปแม้แต่คนเดียว!
เฟ่ยเสวี่ยมุมปากกระตุก สุดท้ายไม่เข้าไปขวางชิงหย่วน
สิ่งหนึ่งคือบุรุษที่ทรยศหักหลังนางหลายต่อหลายครั้ง อีกสิ่งหนึ่งคือสำนักกรงเล็บอินทรีที่ท่านพ่อลำบากแสนเข็นก่อตั้งขึ้นมา
นางไม่อาจล่วงเกินจวนเฟิงอวิ๋นเพื่อชายผู้นี้ ทำให้สำนักกรงเล็บอินทรีตกที่นั่งลำบาก...
……………..
ตอนที่ 654 การตายของจื่อเยียน (7)
“ไม่”
แววตาจ้าวเย้าแตกตื่น เขารีบพุ่งเข้าไปข้างๆ เฟ่ยเสวี่ย น้ำเสียงสะอื้นขอร้อง “เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าจะไม่สนใจข้าไม่ได้นะ ข้ารักเจ้าจากใจจริง ขอร้องเจ้าช่วยข้าด้วย ขอร้องเจ้า…”
เฟ่ยเสวี่ยร่างกายแข็งขืน ค่อยๆ หลับตาลง สักพักนางลืมตาขึ้น แววตาเผยความผิดหวัง
“ข้าจนปัญญา ท่านรับกรรมเถอะ”
ประโยคนี้ทำลายความหวังทั้งหมดทั้งมวลของจ้าวเย้าจนสิ้น
เขาร่างกายอ่อนเปลี้ยอยู่บนพื้น มองเฟ่ยเสวี่ยอย่างไม่เชื่อสายตากลืนน้ำลายหลายอึกค่อยเอ่ยออกมาได้ว่า “เป็นสามีภรรยาวันเดียวผู้วาสนาร้อยวัน เจ้ากับข้าเป็นสามีภรรยากันมานานหลายปี เจ้าจะไม่สนใจข้าได้จริงหรือ”
“ท่านก็รู้ว่าสามีภรรยาวันเดียวผู้วาสนาร้อยวัน แล้วท่านทำกับข้าอย่างไร ท่านผิดต่อข้าก่อน ซ้ำยังฟังคำพูดของนางแพศยานั่น เกือบทำร้ายสำนักกรงเล็บอินทรีของข้า!”
เมื่อคิดถึงการกระทำทั้งหลายของจ้าวเย้า นัยน์ตาเฟ่ยเสวี่ยเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงก่ำ เอ่ยด้วยโทสะ
“ในเมื่อท่านเลือกกระทำเช่นนี้ อย่างนั้นก็อย่าคิดลากสำนักกรงเล็บอินทรีของข้าลงน้ำไปด้วย!”
นางแค้นที่จ้าวเย้าทรยศนาง แต่สุดท้ายนางก็จนปัญญาที่จะลงมือฆ่าเขาด้วยตัวเอง!
ช่างเถอะคนพวกนี้แค้นจ้าวเย้าเข้ากระดูก พวกเขาไม่มีทางปล่อยจ้าวเย้าแน่!
ปากเฟ่ยเสวี่ยสั่นเล็กน้อย สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก
นางเดินอ้อมจ้าวเย้าไปนอกเรือน
ตั้งแต่ต้นจนจบไม่หันกลับมามองเขาอีกสักแว่บเดียว
จ้าวเย้าเงยหน้าซีดเซียวขึ้นมา มองทิศทางที่เฟ่ยเสวี่ยจากไปด้วยความหวาดหวั่น จากนั้นก็ค่อยๆ เบนสายตาไปมองคนของจวนเฟิงอวิ๋นสองสามคนนั้น ความกลัวไร้ที่สิ้นสุดปะทุอยู่ในหัวใจเขา ราวกับว่าเสี้ยววินาทีถัดมาเขาจะเป็นลมล้มพับลงไปได้ทันที
ชิงหย่วนหลับตาลง
เบื้องหน้าเขาปรากฏภาพอวิ๋นเอ๋อร์พุ่งมาขวางอยู่ตรงหน้าเขาโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้นอีกครั้ง
ถัดมาเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ประกายประหัตประหารแผ่พุ่งออกมา กระบี่ในมือยกขึ้นสูง สีหน้าไร้ความรู้สึกราวกับเทพสังหาร
ตามหลักแล้ว ต่อให้ชิงหย่วนฟื้นฟูพลังกลับมา ก็ไม่อาจเปรียบเทียบสูงต่ำกับจ้าวเย้าได้ หากคิดฆ่าอีกฝ่ายมิได้ง่ายปานนั้น
แต่ในที่นี่ ไม่ได้มีแค่ชิงหย่วนและหงอวี้เท่านั้น ยังมีผู้อาวุโสห้าแห่งจวนเฟิงอวิ๋นอีกด้วย
ภายใต้ความคุกคามของเทียนอวี้ผู้อาวุโสห้า ร่างกายของจ้าวเย้าไม่อาจขยับเขยื้อนได้สักน้อย ได้ตามองกระบี่แทงเข้ามาเต็มตา เลือดสดพุ่งทะลักราวกับน้ำพุ ย้อมแผ่นดินแดงฉาน…
ตุบ!
ร่างเขาล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง นอนอยู่บนธารโลหิต ดวงตาตาเบิกกว้าง ตายตาไม่หลับ
“อวิ๋นเอ๋อร์ ข้าล้างแค้นให้เจ้าแล้ว…”
น่าเสียดายที่เจ้าไม่อยู่อีกแล้ว
“ชิงหย่วน”
หงอวี้มองไปยังใบหน้าที่เต็มไปด้วยความปวดร้าวของบุรุษหนุ่ม นางเม้มปากถามว่า “จะให้ข้าช่วยขอร้องคุณหนูใหญ่แทนเจ้าหรือไม่ ให้เจ้ากลับจวนเฟิงอวิ๋น...”
วันนี้ชิงหย่วนได้สติแล้ว ทั้งไม่มีจื่อเยียนคอยทำให้เขาลำบากอีก หากขอร้องไม่แน่คุณหนูอาจให้เขากลับไป แต่เมื่อได้ฟังคำพูดของหงอวี้ ชิงหย่วนกลับหัวเราะเย็นชา ส่ายหน้า
“ไม่แล้ว ข้าไม่คิดกลับจวนเฟิงอวิ๋น ข้าไม่อาจปล่อยให้อวิ๋นเอ๋อร์อยู่เพียงลำพังบนเขาคนเดียว ที่นั่นคือที่ที่นางเคยช่วยข้าไว้ ข้าหาสถานที่สงบ ฝังนางไว้ที่นั่น ตอนนี้ข้าจะกลับไปอยู่เป็นเพื่อนนาง”
ถึงหงอวี้จะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นท่าทางของชิงหย่วน ก็อดถอนใจไม่ได้
“คนจากไปแล้วไม่มีวันกลับ ชิงหย่วนรักษาตัวด้วย”
ชิงหย่วนร่างแข็งทื่อ เขาเงยหน้าขึ้นแววตามองกลุ่มเมฆเป็นชั้นๆ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความโศกเศร้า “หงอวี้ ข้าจะไปอยู่กับอวิ๋นเอ๋อร์แล้ว แต่หากจวนเฟิงอวิ๋นเกิดเรื่องอันใด เจ้าจงจำไว้ว่าต้องส่งข่าวให้ข้า”