เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา - ตอนที่ 661 ซู่อีและหนานเสียน (4) / ตอนที่ 662 ซู่อีและหนานเสียน (5)
- Home
- เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา
- ตอนที่ 661 ซู่อีและหนานเสียน (4) / ตอนที่ 662 ซู่อีและหนานเสียน (5)
ตอนที่ 661 ซู่อีและหนานเสียน (4)
“อ้อ” ซู่อีชะงักเล็กน้อย “ครั้งแรกที่ข้าได้พบนางเมื่อช่วงก่อน นางยังหยอกข้า ข้ายังคิดว่า…”
ในที่สุดสีหน้าหนานเสียนก็เย็นเยียบ กระทั่งบรรยากาศรอบด้านยังมีลมหนาวพัดมาด้วย
“ท่านควรกลับไปได้แล้ว”
“หากนางไป ข้าก็จะไปด้วย” ซู่อีหัวเราะเย็นชา
หนานเสียนมีสีหน้าเย็นชาเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง “หากท่านอยู่ที่นี่ จะกระทบกับการมีลูกของพวกเรา”
“หลานชายหลานสาวข้าก็มีหมดแล้ว มีอีกหรือไม่ก็ไม่เป็นไร” ซู่อีค้าน
“ท่านมีหลานชายหลานสาวมาจากไหนกัน” ในที่สุดหนานเสียนก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง จึงถามขึ้น
“เจ้าสารเลว เดรัจฉาน!” ซู่อีมองหนานเสียนเย็นชา “ฝูเฉินกับชิงหานสองคนนั้นคลอดออกมาแล้ว เจ้ายังกล้าบอกว่าตอนนั้นมิได้ชอบนางอีก! เมื่อครู่เจ้าก็ยอมรับแล้ว ไม่ว่าชิงเอ๋อร์จะให้อภัยเจ้าได้อย่างไร ตอนนี้ข้าจะพานางไปให้ได้!”
หนานเสียนเงียบ
เขาหลงเข้าใจว่า ผู้เป็นแม่รู้ว่าที่เขามาแคว้นหลิวอวิ๋นเมื่อหลายปีก่อนก็เพื่อชิงเอ๋อร์
คิดไม่ถึงว่าที่นางพูดถึงจะเป็น…เจ้ายาวิเศษสองต้นนั่น
ไม่ช้าเสียงราบเรียบของชายหนุ่มก็ดังขึ้นบนถนนอีกครั้ง
“พวกเขาเป็นยาวิเศษที่กลายร่างเป็นมนุษย์”
คำบริภาษที่ซู่อีคิดเอ่ยต่อ หยุดไปด้วยคำพูดของชายหนุ่ม ร่างกายนางชะงักลง มองหนานเสียนด้วยความแตกตื่น
“พวกเขาเป็นยาวิเศษหรือ ไม่ใช่ลูกชายหญิงของเจ้ากับชิงเอ๋อร์”
“ไม่ใช่…”
“เช่นนั้นเจ้าก็มิได้กระทำเรื่องที่ต่ำกว่าสัตว์เดรัจฉานใช่หรือไม่” ซู่อียังไม่อยากเชื่อเท่าไรนัก
หนานเสียนมองซู่อีนิ่งๆ “ข้าไม่ใช่มู่หลิง ชิงเอ๋อร์ก็ไม่ใช่ท่านด้วย”
ซู่อี “…”
เจ้าจะอธิบายก็อธิบายไปสิ ทำไมต้องพูดถึงคนเลวนั่นด้วย
อีกอย่างเขาพูดถึงคนเลวนั่นก็ช่างมันเถิด ไฉนต้องพลอยลากนางลงน้ำไปด้วยเล่า
นางตาบอดหนเดียว ยังจะตาบอดไปทั้งชีวิตหรืออย่างไรกัน
“อ้อ เช่นนั้นข้าก็วางใจแล้ว”
เรื่องที่ซู่อีเก็บอยู่ในใจมานาน ในที่สุดก็ปล่อยวางลง นางยิ้มจางๆ “ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ข้ากลับก่อนล่ะ แม่หนูน้อยชิงหานยังรอให้ข้าเอาขนมไปให้นางอยู่”
ซู่อีเพิ่งเดินอ้อมหนานเสียนมุ่งไปทางจวนองค์หญิง
ลูกชายยื่นมืออกมาขวางทางนางไว้
“ท่านกลับไป”
ซู่อีหรี่ตาลง “ข้าเป็นแม่เจ้า”
“ท่านกลับไป ไม่ก็ปิดหน้าท่านเอาไว้ อย่าให้ชิงเอ๋อร์เห็นหน้าท่าน”
“เพราะอะไร” ซู่อีถามย้ำ
หนานเสียนไม่ตอบ
เขาควรตอบว่าอย่างไรเล่า
ชิงเอ๋อร์ชอบคนสวย ไม่แบ่งแยกอายุหรือ
ระยะเวลาหลายวันนั้น เขากันพวกสาวใช้ที่คิดขึ้นตำแหน่งมายังไม่พออีก ต่อมายังมีจิ่วหมิงที่คิดเกินเลยกับชิงเอ๋อร์อีกคน สุดท้าย…กระทั่งแม่ตัวเองเขายังต้องป้องกันเลย
“ชิงเอ๋อร์คงไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเรา ท่านเองก็ไม่ได้บอกนางไม่ใช่หรือ” หนานเสียนถามเสียงนิ่ง
“ถูกต้อง”
“พวกเราคล้ายกันอยู่บ้าง หาก…นางเห็นท่านนานวันเข้า ไม่แน่อาจจะรู้ฐานะของพวกเราได้”
ซู่อีตะลึง
ที่หนานเสียนพูดก็เหมือนจะมีเหตุผล!
อย่างไรเสียนางกับหนานเสียนก็เป็นแม่ลูก ย่อมมีส่วนคล้ายกันบ้าง หากชิงเอ๋อร์ดูออกละก็…
นางควรอธิบายอย่างไรดี
สถานที่โสมมอย่างตระกูลมู่ นางไม่คิดจะพูดถึง! หากชิงเอ๋อร์ถามถึงพ่อของหนานเสียน นางจนปัญญาจะตอบจริงๆ ทั้งไม่คิดหลอกลวงนางให้จบเรื่องไปด้วย
ในเวลานี้ซู่อียังไม่รู้ว่าเฟิงหรูชิงรู้ความสัมพันธ์ของนางกับหนานเสียนแล้ว ซ้ำยังเคยพบมู่หย่งแห่งตระกูลมู่ในป่าแห่งสัตว์วิเศษอีกด้วย
ตอนที่ 662 ซู่อีและหนานเสียน (5)
ด้วยความไม่รู้ของซู่อี แค่คำพูดไม่กี่ประโยคของหนานเสียนตอนนี้จึงทำให้นางตระหนักได้
“เช่นนั้น ข้าเติมกระสักหน่อยดีหรือไม่”
ช่วงนี้แคว้นหลิวอวิ๋นนิยมกระ ไม่เช่นนั้นนางลองแต้มกระลงบนใบหน้าเสียหน่อยเป็นอย่างไร
“อืม”
สีหน้าหนานเสียนยังคงสงบนิ่ง ไม่มีใครมองความคลายใจของเขาออก
…
รอจนซู่อีกลับมาถึงจวนองค์หญิงแล้ว เฟิงหรูชิงตกใจถึงขึ้นที่ว่าหนังสือในร่วงลงพื้น สายตามองใบหน้าที่เต็มไปด้วกระอย่างตื่นตระหนก
“นี่ท่าน…”
“อ้อ” ซู่อีลูบกระบนใบหน้า เอ่ยเสียงนิ่งว่า “ข้าออกไปเที่ยวหนึ่ง ถูกคนแพร่เชื้อใส่แล้ว จากนั้นก็กลายเป็นเช่นนี้”
“…”
เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินว่า กระสามารถแพร่เชื้อได้ด้วย!
ซู่อีทำเหมือนไม่เห็นความตื่นตระหนกของเฟิงหรูชิง มุ่งตรงไปเรือนด้านหลัง
เฟิงหรูชิงหันมองสาวใช้สองที่ตอนนี้ปกติที่สุดในจวน
“ระยะนี้คนพวกนั้นเป็นอะไรไปแล้ว”
ชิงหลิงกะพริบตาปริบๆ เผยแววฉงน “อาจจะนิยมกระมังเจ้าคะ หลิวลี่พวกเราควรเติมกระบ้างดีหรือไม่”
“…”
เฟิงหรูชิงถอนหายใจ พวกเจ้าอย่าทำได้หรือไม่
คนงามของนาง!
“คุณหนู ข้ากลับมาแล้ว!”
ในขณะนี้เอง….เสียงหงอวี้ดังขึ้นมา เฟิงหรูชิงเงยหน้าขึ้นก็เห็นสตรีชุดแดงเดินยิ้มร่าเข้ามา
นางกำลังคิดจะทักทาย พลันตกใจยกใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นก็พุ่งเข้าหานาง อ้าแขนโอบกอดสองขานางไว้
ส่วนใบหน้าชรานี้ดันเต็มไปด้วยกระแน่นขนัด มีมากกว่าคนที่นางเคยพบเจอมาทั้งหมดเสียอีก!
ขณะนั้นเฟิงหรูชิงขนลุกไปทั่วสรรพางค์กาย เตะขาออกอย่างไม่ลังเล ลูกเตะนี้กระเข้าที่ใบหน้าชรานั้น
“เจ้าเป็นผีอะไร ไสหัวไปซะ”
ไม่รู้หรือว่านางเป็นโรคกลัวรู
ผู้อาวุโสห้ายังไม่ทันเอ่ยวาจา ก็ถูกถีบจนถอยไปไม่กี่ก้าว ใบหน้ามีรอยเท้าประทับไว้ความเนื้อใจแผ่พุ่งออกมา
“คุณหนูใหญ่ ข้าคือผู้อาวุโสห้าจวนเฟิงอวิ๋น”
“ผู้อาวุโสห้าหรือ” เฟิงหรูชิงค่อยได้สติ ยิ้มเจื่อน “ขอโทษด้วย หน้าตาท่านน่ากลัวอยู่บ้าง ข้าทนไม่ไหว”
ผู้อาวุโสห้าสีหน้าแข็งขืนหันกลับไป “ข้าอัปลักษณ์หรือ ตอนข้าอายุเยาว์ แม่นางที่มาตามจีบข้ามาต่อคิวตั้งเขาลูกนี้ไปยังเขาอีกลูกหนึ่ง ข้าอัปลักษณ์นักหรือไง”
เฟิงหรูชิงมองใบหน้าผู้อาวุโสหาที่เต็มไปด้วยกระอย่างเห็นใจ “ท่านอัปลักษณ์หรือไม่น่าจะรู้อยู่แก่ใจ”
ตอนนี้นางมองก็หัวใจไปหมดแล้ว อาการขนลุกยังไม่หายไปเลย
ผู้อาวุโสห้าสีหน้าเปลี่ยนไป คล้ายถูกทำร้ายอย่างหนัก เขาหันไปมองหงอวี้
“ข้าน่าเกลียดจริงหรือ”
หงอวี้ยืนอยู่ข้างเฟิงหรูชิง ตอบจริงจังว่า “คุณหนูบอกว่าอัปลักษณ์ ท่านย่อมอัปลักษณ์ คุณหนูพูดอะไรไม่มีทางผิด ท่านยอมรับชะตากรรมเถอะ”
ผู้อาวุโสห้ามุมปากกระตุก พลันเกิดความรู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาเขาปาดน้ำตา ลุกขึ้นจากพื้นอย่างขมขื่น
“คุณหนูพูดถูก ไม่รู้ว่าคุณหนูจะเห็นแก่ที่ข้าอัปลักษณ์เช่นนี้ อภัยให้ข้าได้หรือไม่”
“อภัยให้เจ้าหรือ” เฟิงหรูชิงประหลาดใจ นางลุกขึ้น “ท่านวางเพลิงจวนเฟิงอวิ๋นแล้ว”
“เปล่า”
“เช่นนั้นท่านขโมยยาวิเศษของเสด็จแม่หรือ”
“ก็เปล่า…”
เฟิงหรูชิงขมวดคิ้วอย่างไม่ข้าใจ “งั้นท่านมาขอให้ข้าให้อภัยเรื่องอะไรกัน”