เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา - ตอนที่ 811 ถูกขวางไว้ด้านนอก (5)/ตอนที่ 812 งานเลี้ยงยามค่ำคืน (1)
- Home
- เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา
- ตอนที่ 811 ถูกขวางไว้ด้านนอก (5)/ตอนที่ 812 งานเลี้ยงยามค่ำคืน (1)
ตอนที่ 811 ถูกขวางไว้ด้านนอก (5)
ยิ่งกว่านั้นปรมาจารย์ไห่หรงเกลียดคนที่ใช้ชื่อเขาไปก่อเรื่องข้างนอก ต่อให้ฮวนเอ๋อร์เป็นลูกศิษย์เขา ก็ไม่มีข้อยกเว้น
ที่ส่งฮวนเอ๋อร์ไปเป็นศิษย์ไห่หรง ส่วนมากก็เพื่อเป็นเครื่องรับรองว่าคนภายนอกจะไม่ดูแคลนตระกูลมู่
นอกนั้น…
กลับไม่มีผลประโยชน์ใดต่อตระกูลมู่อีก!
“หึ!”
มู่หลิงร้องหึเย็นชา สายตาเขามืดหม่น สะบัดชายเสื้อเดินจากไปใต้แสงจันทร์
ก่อนจากไป เขาหันกลับมามองจวนฝูจู่ที่จุดไฟสว่างไสว เบื้องลึกในดวงตาคือความแค้นเคือง
…
“เสี่ยวชิง เป็นอะไรไป”
ภายในจวนฝูจู่
หลัวลี่หันมองหญิงสาวข้างกาย แววตาสงสัย
เฟิงหรูชิงถอนสายตากลับมาจากหน้าประตู ยกยิ้มมุมปาก ส่ายหน้า “ไม่มีอะไร เพียงแค่เห็นละครฉากหนึ่งเท่านั้น”
“อ้อ”
หลัวลี่ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก นางฉีกยิ้มสดใส
จู่ๆ ก็พบว่าสายตาเฟิงหรูชิงจับจดนิ่ง นางมองตามสายตานั้นไปก็พบชายหนุ่มที่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ไม่ห่างออกไป
ชายหนุ่มรูปร่างสมส่วน ใบหน้าอ่อนเยาว์ทว่าน่ามอง เรียวคิ้วและดวงตาอ่อนโยน ใบหน้าเย็นชาคล้ายน้ำแข็งสลักปกปิดความอบอุ่นของแสงอาทิตย์ไว้
“ชิงชิง…”
เสียงของชายหนุ่มใสกระจ่างเหมือนที่ผ่านมา เสียงหัวเราะอบอุ่นเหมือนเคย
เพราะคนตรงหน้านี้เป็นแสงอาทิตย์ในใจเขา ขับไล่ความมืดหม่นทั้งหมดของเขาสิ้น
“เฉินเอ๋อร์ เจ้าก็มาแล้วหรือ”
“อือ…”
เพราะรู้ว่าเจ้าจะมา ข้าถึงมาด้วยแล้ว
“เฉินเอ๋อร์…”
ในเวลานี้ น้ำเสียงอ่อนโยนดังมาจากด้านหลังฉินเฉิน
หลังจากได้ยินเสียงด้านหลังรอยยิ้มอ่อนโยนของฉินเฉินก็มลายหายวาบไปหมด
เขาขมวดคิ้ว ใบหน้าเหนื่อยหน่าย สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา
ฉินเฟยเอ๋อร์เดินเชื่องช้ามาข้างฉินเฉินภายใต้การประคองของสาวใช้ นางยิ้มจางๆ แววตากระจ่างใสมองหลัวลี่
“ลี่เอ๋อร์ เจ้าก็มาแล้วหรือ”
หลัวลี่ร้องหึคำหนึ่ง ไม่สนใจฉินเฟยเอ๋อร์
ฉินเฟยเอ๋อร์ใบหน้าแข็งค้าง ฝืนยิ้มมุมปาก
นางมองไปที่เฟิงหรูชิงอีกครั้ง “แม่นาง คิดไม่ถึงว่าพวกเราจะได้พบหน้ากันไวเช่นนี้ ครั้งก่อนที่หอแห่งแรกเจ้ารีบร้อนจากไป ข้ายังไม่ทันถามชื่อแซ่เจ้าเลย ข้าชื่อฉินเฟยเอ๋อร์ เป็ นสหายสนิทของหลัวลี่ พี่สาวฉินเฉิน”
เสียงนางยังเบาสบาย ทว่าคล้ายป่าวประกาศอำนาจของตน
อย่างไรเสียหลายปีมานี้ หลัวลี่ก็พึ่งพานางมาตลอด
ความสัมพันธ์นี้บอกว่าเลิกก็เลิกได้หรือ
หลัวลี่ในวันนี้โมโหอยู่บ้างก็ช่างเถอะ ผ่านไปสักระยะก็จะดีเหมือนเดิมแล้ว
“ฉินเฟยเอ๋อร์ เจ้าหยุดได้แล้ว!” หลัวลี่สีหน้าเย็นชา “เจ้าเอาแต่บอกว่าเป็นสหายที่ดีที่สุดของข้า เจ้าเคยเห็นข้าเป็นสหายหรือ หลายปีนี้ เจ้าเอาแต่สั่งสอนข้าราวกับเป็นผู้อาวุโ โส ข้าต้องทนอึดอัดมานานแค่ไหนเจ้ารู้หรือไม่ เสี่ยวชิงพูดไม่ผิดเลย สหายที่แท้จริงต้องไม่ทำให้สหายเจ็บช้ำใจ เจ้าไม่คู่ควรเป็นสหายข้า”
เสี้ยวขณะนั้นฉินเฟยเอ๋อร์หน้าสีขาว แววตาตะลึงงันมองหลัวลี่
นางรู้สึกว่าฝีเท้าตัวเองโซเซเล็กน้อย ยืนไม่มั่น
“ลี่เอ๋อร์ เมื่อครู่เจ้าบอกว่าข้าไม่เห็นเจ้าเป็นสหายหรือ” ฉินเฟยเอ๋อร์หลับตา เจ็บปวดเกินจะเปรียบ
หากนางไม่เห็นลี่เอ๋อร์เป็นสหายแล้วนางจะให้ลี่เอ๋อร์ยอมถอยให้ผู้อื่นอยู่ร่ำไปทำไม
ไม่ว่าลี่เอ๋อร์มีปัญหากับใคร นางทำได้เพียงให้ลี่เอ๋อร์ยอมถอย…
นั่นเพราะนางเข้าใจว่า ไม่ว่าอย่างไรลี่เอ๋อร์ก็ไม่โกรธนาง ส่วนคนอื่นๆ ไม่เหมือนกัน หากนางแสดงออกว่าไม่สนับสนุน เกรงว่าคงไม่อาจคบกันได้อีก
……………
ตอนที่ 812 งานเลี้ยงยามค่ำคืน (1)
หากความสัมพันธ์ไม่ดีพอ สนิทกันเกินไป นางจะเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร
หลัวลี่เบะปาก เมื่อก่อนนางตาบอดถึงได้รู้สึกว่าฉินเฟยเอ๋อร์ไม่เลวเลย
ตอนนี้นางรู้สึกเหมือนสิ่งที่จ่ายเงินออกไปหลายปีนี้ล้วนเอาไปเลี้ยงสุนัขจนหมดสิ้น
“หลัวลี่” เฟิงหรูชิงน้ำเสียงเกียจคร้าน ดังขึ้นเนิบๆ ภายใต้แสงจันทร์ “ข้าหิวแล้ว พวกเราไปหาที่พักกันสักหน่อยเถอะ”
“ได้”
หลัวลี่รั้งสายตากลับมา
ถูกแล้วสหายที่แท้จริงสมควรเป็นแบบเสี่ยวชิง ไม่ใช่คนที่เอาแต่ให้นางถอยให้คนอื่นตลอด
“หยุดนะ!”
หลัวลี่เพิ่งหมุนตัวเตรียมจากไป สาวใช้ข้างกายเฉินเฟยเอ๋อร์ก้าวออกมา เอ่ยด้วยโทสะ “คุณหนูหลัว คุณหนูข้าดีกับท่านจากใจจริง ยามนี้ทำไมท่านถึงทำกับนางเช่นนี้ น่าขันก็คือคุณ ณหนูข้ายังเอาแต่คิดเพื่อท่านอยู่ตลอด”
“หลิวสยา!” ฉินเฟยเอ๋อร์หน้าซีด ตวาดห้าม “เจ้าหยุดเหลวไหลได้แล้ว!”
ที่นี่คือจวนฝูจู่ หากทะเลาะกับหลัวลี่ขึ้นมาจริงๆ จะเกิดผลกระทบกับชื่อเสียงตระกูลฉินอย่างร้ายแรง
นางมิอาจปล่อยให้สาวใช้เหิมเกริมได้
“คุณหนู…” หลิวสยาเบะปากอย่างกล้ำกลืนมองฉินเฟยเอ๋อร์ “ทั้งๆ ที่คุณหนูหลัวทำเกินไปแท้ๆ รวมถึงผู้หญิงข้างกายนางผู้นั้นด้วย ไม่รู้ว่าเป็นหญิงเถื่อนมาจากตระกูลไหน คุณหนูหลัว วพานางเข้าจวนฝูจู่โดยพลการ ย่อมล่วงเกินคุณหนูใหญ่จวนฝูจู่”
ฉินเฟยเอ๋อร์หน้าตื่น มาถึงตอนนี้นางค่อยฉุกคิดเรื่องเหล่านี้ได้
หากเฟิงหรูชิงเป็นสาวใช้หลัวลี่ก็ช่างเถอะ แต่นางมีที่มาไม่ชัดเจน หลัวลี่พานางเข้าจวนฝูจู่โดยพลการ ต้องนำความวุ่นวายสู่ตระกูลหลัวแน่
ยิ่งกว่านั้นกู้อีอีนิสัยไม่ค่อยดีนัก อารมณ์ร้อนขี้โมโห หากบังเกิดโทสะต่อหลัวลี่ขึ้นมาภายหน้าหลัวลี่ก็ยากจะอยู่ในจวนเทียนเสิน
“หลัวลี่…”
ฉินเฟยเอ๋อร์ขมวดคิ้ว ขณะเตรียมใช้คำพูดราวผู้ใหญ่สั่งสอนคน กลับพบว่าชายหนุ่มข้างกายหายไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
รอนางได้สติกลับมา ชายหนุ่มก็หยุดอยู่ตรงหน้าสาวใช้ ชายเสื้อโบกเปิดกระแสลมพัดร่างสาวใช้ลอยออกไป
ตุบ นางตกลงกลางฝูงชน
จวนฝูจู่ที่กำลังครึกครื้นพลันเงียบสงบลง
เงียบถึงขั้นได้ยินเสียงเข็มตกลงพื้น
ทุกคนมองสาวใช้บนพื้นด้วยแววตาตะลึง จากนั้นเงยหน้าขึ้น สายตาที่มองใบหน้าชายหนุ่มสง่างามขมขื่นนั้นแฝงไปด้วยความแตกตื่น
“เฉินเอ๋อร์ เจ้า…” ฉินเฟยเอ๋อร์แววตาตะลึง มองฉินเฉินอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
เพราะอะไร…
เพราะอะไรฉินเฉินถึงลงมือกับสาวใช้นางกระทันหัน
หลิวสยาเป็นสาวใช้นาง จะตีสุนัขยังต้องดูเจ้าของด้วย นับประสาอะไรกับที่แห่งนี้ยังมีคนอีกมากมาย
ต่อไปจะให้นางเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
ชายหนุ่มเดินไปข้างกายหลิวสยา
เขาเหยียบปากนาง บรรยากาศแสงจันทร์เย็นเยียบอาบชุดยาวของชายหนุ่ม ใบหน้าเขาไร้อารมณ์ สีหน้าเย็นชา
หลิวสยาเจ็บจนน้ำตาไหล กลับไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ น้ำตาเอ่อร้นดวงตา ใช้สายตาอ้อนวอนมองฉินเฟยเอ๋อร์
ฉินเฟยเอ๋อร์หน้าซีด “เฉินเอ๋อร์ เจ้าคิดทำอะไรกันแน่ หลิวสยาเป็นสาวใช้ข้านะ ข้ารู้ว่าเจ้าชอบลี่เอ๋อร์ หากหลิวเสียเอ่ยอะไรผิดไป ข้าขอโทษเจ้าแทนนาง เจ้าปล่อยนางก่อน”
ฉินเฉินขมวดคิ้ว กวาดตาเย็นชามองฉินเฟยเอ๋อร์
แววตาเขาคมกริบเสียดกระดูก เป็นสายตาที่ฉินเฟยเอ๋อร์ไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้นางตัวสั่นเล็กน้อย