เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา - ตอนที่ 847 ผู้เฒ่าตระกูลมู่ผู้ร้องไห้โวยวาย (1)/ตอนที่ 848 ผู้เฒ่าตระกูลมู่ผู้ร้องไห้โวยวาย (2)
- Home
- เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา
- ตอนที่ 847 ผู้เฒ่าตระกูลมู่ผู้ร้องไห้โวยวาย (1)/ตอนที่ 848 ผู้เฒ่าตระกูลมู่ผู้ร้องไห้โวยวาย (2)
ตอนที่ 847 ผู้เฒ่าตระกูลมู่ผู้ร้องไห้โวยวาย (1)
ชายหนุ่มสังเกตถึงแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างถานซวงซวง สายตาของเขาละจากหนังสือมองไปยังถานซวงซวงด้วยความเย็นชา
มองเพียงครั้งเดียวเขาก็จำหญิงสาวตรงหน้าได้
อนุที่พี่ชายที่แสนดีของเขาพากับมาจากข้างนอก
ความจริงแล้ววันแรกที่ถานซวงซวงมามู่ชิงอิ้นก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ทว่านางในตอนนั้นทะเลาะกับเฉินชิงเยียนจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้ จึงไม่มีใครสังเกตเห็นคนที่อ่านหนังสืออยู่ที่มุมคนเดียว
และด้วยเหตุนี้ทำให้เขาได้เห็นละครชั้นดี
“ท่านอาน้อย…”
ถานซวงซวงเห็นมู่ชิงอิ้นมองมาทางนางก็ตื่นเต้นจนเสียงติดๆ ขัดๆ
นายน้อยตระกูลมู่เป็นน้องชายของมู่หลิง นางที่เป็นผู้หญิงของมู่หลิงเรียกว่าท่านอาน้อยก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
มู่ชิงอิ้นขมวดคิ้วน้อยๆ สักพักคิ้วที่ขมวดของชายหนุ่มก็ค่อยๆ คลายลงแล้วลุกขึ้นยืน
“ดูเหมือนว่าจะเป็นเฉินชิงเยียนอีกคน”
ถานซวงซวง “…?”
นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร?
เอานางไปเปรียบเทียบกับเฉินชิงเยียนงั้นหรือ?
ผู้หญิงโหดร้ายเช่นเฉินชิงเยียนเปรียบเทียบกับนางได้หรือ?
มู่ชิงอิ้นยิ้มเย็น “ก็แค่อนุคนหนึ่งกล้าใช้ฐานะพี่สะใภ้ของข้ามาเรียกข้า อนุเป็นเพียงบ่าวรับใช้ของตระกูลมู่ของข้า ฮูหยินรองของตระกูลมู่มีเพียงคนเดียวตลอดไป ไม่ว่าเจ้าหรือเฉินชิงเยียนก็ล้วนไม่คู่ควร!”
ตั้งแต่พี่สะใภ้จากไปสายตาของพี่ใหญ่นับวันจะยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ
ผู้หญิงที่หามา…แต่ละคนยิ่งแย่ลง
มู่ชิงอิ้นไม่ยินดีจะอยู่ร่วมกันถานซวงซวง เขาหันหลังแล้วเดินไปทางที่มีเสียงดังโวยวายดังออกมา
ถานซวงซวงกำหมัดแน่น สายตาของนางมองตรงไปยังทิศที่มู่ชิงอิ้นจากไปแล้วหรี่ตาลงน้อยๆ
ทันใดนั้นก็เผยรอยยิ้มงดงามและอ่อนหวานออกมา
ตอนอยู่แคว้นหลิวอวิ๋น หลิ่วอวี้เฉินเคลิบเคลิ้มหลงใหลนาง ต่อมาหลิ่วฟู่ยงก็ไม่ลังเลที่จะทะเลาะกับภรรยาของตัวเองเพื่อนาง
สุดท้ายแล้วแม้แต่มู่หลิง…ก็ยังกลายเป็นผู้ชายของนางแล้ว
นางไม่เชื่อว่าคนไร้ค่าที่ไม่เคยแตะต้องผู้หญิงคนนี้จะหนีรอดจากเสน่ห์ของนาง
แม้ว่า…นางจะไม่สามารถอยู่ร่วมกับชายหนุ่มที่สูงส่งดุจดวงจันทร์ตรงหน้านี้ได้ ทว่านางเคยลิ้มรสชาติของการเป็นผู้หญิงแล้ว มู่หลิงในตอนแรกยังรุนแรงเช่นนั้นทำให้นางไม่อาจลืมเลือนได้ ทว่าหลังจากกลับมาถึงตระกูลมู่ก็ไม่แตะต้องนางอีกเลย อย่างไรนางก็ต้อง…บรรเทาความว่างเปล่าและความเหงาในใจ
ผู้ชายอย่างมู่ชิงอิ้นเป็นคู่ที่ดีที่สุดของนางอย่างไม่ต้องสงสัย
…
“พ่อบ้าน เจ้าอย่ามาขวางข้าอีก!”
ส่วนลึกของลานที่แยกไกลออกมา ท่านผู้เฒ่าผลักพ่อบ้านออกใบหน้าสูงวัยของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ “ข้าจะไปหาซู่อี! เขารับปากกับข้าว่าจะพาซู่อีกลับมา นี่ผ่านไปนานเท่าไรแล้วลูกสะใภ้ของข้ายังไม่กลับมาอีก ปีศาจจิ้งจอกนั่นยังอยู่ในตระกูลมู่ทั้งวันทั้งคืน!”
ในใจพ่อบ้านมีความขมขื่นที่ยากจะเอ่ย
เดิมท่านผู้เฒ่าก็สติเลอะเลือนอยู่แล้วตอนนี้พลังยังถดถอยอีก จะออกไปหาซู่อีได้อย่างไร?
ความโชคดีเพียงอย่างเดียวก็คือ แม้ลานข้างนอกนี้จะแยกห่างไกลออกมาเสียหน่อยทว่าเหมาะแก่การหล่อเลี้ยงคน ตั้งแต่ย้ายออกมาร่างกายของท่านผู้เฒ่าก็ดีขึ้นไม่น้อยไม่ง่วงหงาวหาวนอนเช่นนั้นแล้ว
“นายท่าน ช่วงนี้เฉินชิงเยียนไม่ได้อยู่ในตระกูลมู่จริงๆ วันคล้ายวันเกิดของนายท่านกำลังจะมาถึง นางบอกว่าจะจัดเตรียมของขวัญให้ท่านด้วยตัวเองแล้วก็ออกจากตระกูลมู่ไปหลายวันแล้ว”
งานเลี้ยงของจวนฝูจู่ผ่านไปนานแล้ว ทุกคนล้วนรู้ว่านายท่านรองกับชิงเยียนฮูหยินถูกปฏิเสธอยู่นอกประตู และหลังจากวันนั้นไม่นานชิงเยียนฮูหยินก็พามู่ฮวนออกจากจวนเทียนเสินไป ออกไปเตรียมของขวัญวันเกิดให้กับท่านผู้เฒ่า
เดิมเรื่องเหล่านี้ให้บ่าวรับใช้จัดเตรียมให้ก็พอแล้ว ทว่าวิธีของเฉินชิงเยียนนั้นร้ายกาจยิ่งนัก บอกว่าจัดเตรียมด้วยตัวเองจะเป็นการแสดงถึงความกตัญญูมากกว่า ทำให้นายท่านรองซึ้งจนแทบจะประเคนตระกูลมู่ให้นาง
………………….
ตอนที่ 848 ผู้เฒ่าตระกูลมู่ผู้ร้องไห้โวยวาย (2)
ไม่มีเฉินชิงเยียนโผล่มากระตุ้นท่านผู้เฒ่าบ่อยๆ สติของท่านผู้เฒ่าก็ฟื้นคืนมาบ้าง กลับโมโหโวยวายหนักกว่าเก่า ย้ายออกจากจวนหนีมาอยู่กับนายน้อย
เขาบอกหลายครั้งแล้วว่าช่วงนี้เฉินชิงเยียนไม่อยู่ในตระกูลมู่ ท่านผู้เฒ่าก็ไม่เชื่อเป็นตายก็ไม่ยอมอยู่ในจวนจะหนีออกมาที่นายน้อยอย่างเดียวไม่ยอมไปไหน
“ข้าไม่เชื่อ ผู้หญิงคนนั้นชั่วร้ายยิ่งนักข้าปวดหัวทุกครั้งที่เห็นนาง อยู่กับมู่ชิงอิ้นนี่ค่อยสบายหน่อย หัวก็ไม่ปวดแล้วไม่อยากนอนแล้วด้วย ข้าไม่กลับไปหรอก” ท่านผู้เฒ่าทำเสียงหึ๊
คิ้วพ่อบ้านขมวดน้อยๆ รู้สึกถึงความผิดปกติแต่กลับยังไม่พบว่าตรงไหนที่มันผิดแปลกไป
“เสี่ยวชิงอิ้น” ทันทีที่ท่านผู้เฒ่าเห็นมู่ชิงอิ้นก็รีบเดินเข้าไปดึงมือเขาไว้ตาเป็นประกาย “เหตุใดไม่เจอกับพักเดียวเจ้าถึงโตขึ้นเพียงนี้แล้ว? ข้าจำได้ว่าตอนนั้นตัวเจ้ายังเล็กเท่านี้ เดี๋ยวเดียวก็ยืดสูงขึ้นมาแล้ว”
พ่อบ้าน “…”
นายท่าน ตอนนี้ท่านมีสติดีหรือกำลังสติเลอะเลือนกัน?
มู่ชิงอิ้นยิ้มอย่างจนใจ “ท่านพ่อ อีกครึ่งปีข้าก็จะสามสิบแล้ว”
“เร็วถึงเพียงนี้เลยหรือ เช่นนั้นภรรยาของเจ้าเล่า? เจ้าจะสามสิบแล้วยังไม่หาภรรยากลับมาอีก? มู่หลิงเจ้าชั่วนั่นชอบรังแกซู่อี เสี่ยวชิงอิ้นเจ้านิสัยดีมาตั้งแต่เล็ก หรือไม่ข้าให้ซู่อีหย่ากับมู่หลิงแล้วเจ้าก็สู่ขอซู่อีซะ?”
ใบหน้าโดดเด่นของมู่ชิงอิ้นปรากฏความกระดากอาย
ท่านพ่อ นั่นไม่ใช่แค่พี่สะใภ้แต่ยังเป็นพี่สาวคนโตอีกแล้ว ท่านพูดเช่นนี้เกิดให้พี่สะใภ้รู้เข้าวันหน้าพวกเราจะเจอหน้ากันได้อย่างไร?
“หึ๊ ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเจ้าทั้งสองคนล้วนมีแต่ทำให้คนอื่นเป็นกังวล”
ท่านผู้เฒ่าโมโหผลักมู่ชิงอิ้นออก
“ให้กำเนิดพวกเจ้าสองคนไม่สู้ข้ามีลูกสาวเสียยังดีกว่า คนหนึ่งไม่รู้จักเห็นค่าสิ่งสำคัญ อีกคนก็อายุขนาดนี้แล้วยังไม่แต่งงาน มีลูกสาวยังดีกว่า ลูกสาวดี เอาอกเอาใจว่านอนสอนง่ายเหมือนซู่อีดีกว่า ลูกชั่วนี่มีแต่ทำให้ข้าโมโหจนตาย”
มู่ชิงอิ้นถอนหายใจ “ท่านพ่อข้าร่างกายไม่แข็งแรงไม่รู้ว่าจะมีชีวิตได้นานเท่าไร แล้วเหตุใดข้าจะต้องไปทำให้หญิงอื่นต้องพลอยลำบากด้วยเล่า?”
“ข้าไม่สน ข้าจะเอาลูกสะใภ้ ข้าจะเอาลูกสะใภ้ ถ้าเจ้าไม่ไปเอาซู่อีกลับมาให้ข้าก็ต้องไปหาลูกสะใภ้ที่มีฝีมือการทำอาหาร หน้าตาดี นิสัยอ่อนโยนและก็เข้มงวดเหมือนซู่อีกลับมาให้ข้า”
“ท่านพ่อ…”
“เจ้าไม่หาลูกสะใภ้กับมาให้ข้าต่อไปข้าจะไม่กินไม่ดื่ม ให้ข้าหิวตายไปซะให้สิ้นเรื่อง”
“…”
มู่ชิงอิ้นยังอยากจะเอ่ยอะไรบางอย่างทว่าพ่อบ้านก็รีบขัดเขาเอาไว้
“นายน้อย ตอนนี้นายท่านก็คือเด็กคนหนึ่ง เขาเกิดโมโหขึ้นมาใครก็ไม่ยอมฟัง ตามใจเขาก็พอแล้ว”
“แต่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่อาจ…”
“นายน้อย” ดวงตาพ่อบ้านมีน้ำตาคลอถอนหายใจเบาๆ “ร่างกายนายท่านก็ไม่แข็งแรง ท่านหมอบอกว่าเป็นเช่นนี้ต่อไปนายท่านก็จะอยู่ได้ไม่นานแล้ว ถ้าหากนายน้อยไม่อยากสู่ขอภรรยาก็ไปเกลี้ยกล่อมฮูหยินรองเถอะ ต่อให้นางไม่ยินดียกโทษให้นายท่านรองก็ต้องกลับมาดูนายท่าน”
“ทุกครั้งที่นายท่านสติเลอะเลือนจะบ่นหาซุปไก่งวงของฮูหยินรองตลอด นี่ก็บ่นมาสิบกว่าปีแล้วเมื่อไรนางจะพาคุณชายหนานเสียนกลับมา? ตอนที่ฮูหยินรองอยู่นางมักจะอ่อนโยนและอดทนต่อท่าน หากท่านไปร้องไห้ต่อหน้าฮูหยินรองเสียหน่อย กอดขานางขอร้องเสียหน่อย พอฮูหยินรองใจอ่อนไม่แน่อาจจะกลับมา…”
…………………