เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 109 ท่านอาเจ็ดนิสัยเหมือนเด็กไม่รู้จักโตเลย
- Home
- เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช
- บทที่ 109 ท่านอาเจ็ดนิสัยเหมือนเด็กไม่รู้จักโตเลย
บทที่ 109 ท่านอาเจ็ดนิสัยเหมือนเด็กไม่รู้จักโตเลย
บทที่ 109 ท่านอาเจ็ดนิสัยเหมือนเด็กไม่รู้จักโตเลย
หนานกงหลียิ้มพลางจับปลายจมูกกระจิริดของนางส่ายไปมาอย่างมันเขี้ยว “ใช่แล้ว เถ้าแก่น้อยเสี่ยวเป่าดีใจหรือไม่?”
“ดีใจ!”
น้ำเสียงปลาบปลื้มดีใจดังขึ้นตอบ
“พอได้เงินมาแล้ว เสี่ยวเป่าก็จะแบ่งให้ท่านพ่อกับท่านอาเจ็ดด้วย”
ยอดเยี่ยมมาก ไม่ทันไรนางก็เริ่มสวมบทบาทเถ้าแก่น้อยเสียแล้ว
หนานกงหลีเลิกคิ้ว “เช่นนั้นท่านอาเจ็ดจะตั้งตารอส่วนแบ่งจากเถ้าแก่น้อยก็แล้วกัน”
เพราะวันนี้นางอยากออกไปเที่ยวเล่นนอกวัง เสี่ยวเป่าจึงไปบอกลาท่านพ่อ และออกไปพร้อมท่านอาเจ็ด
ตามที่สัญญาไว้ก่อนหน้านี้ บนกายนางจึงมีผึ้งตามมาด้วยจำนวนหนึ่ง
พวกผึ้งเกาะอยู่บนเสื้อผ้าของเสี่ยวเป่าเงียบ ๆ เหมือนเป็นเพียงเครื่องประดับ
วันนี้นางไม่ได้พาเสี่ยวไป๋ไปด้วย เพราะต้องเดินบนถนนมีผู้คนมากมาย หากเสี่ยวไป๋ตามไปด้วยมันอาจหลงทางเอาได้
แม้เมื่อวานนี้นางจะได้ออกจากวังแล้ว แต่วันนี้เสี่ยวเป่าก็ยังมีความสุขมาก มือเล็กเกาะอยู่บนขอบหน้าต่างรถม้า คางขาวบอบบางวางแหมะอยู่บนหลังมือ ริมฝีปากอมชมพูฉีกยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันซี่จิ๋วเรียงตัวเป็นระเบียบ
ดวงตากลมโตเหมือนแมวน้อยขี้เล่น ทั้งสดใสและอ่อนโยน ขนตาหนางอนขยับขึ้นลงราวกับปีกผีเสื้อ
ม่านบนรถม้าถูกเปิดออก แสงแดดเรืองรองสาดส่องกระทบผิวกายขาวนวลสะท้อนแสง ดูบอบบางราวกับหยกเนื้อดี
ใบหน้านวลแก้มจ้ำม่ำ ผมดำนุ่มสลวยถูกชุนสี่มัดเป็นมวยสองข้างน่ารัก ประดับด้วยที่คาดผมมีพู่สีแดงทั้งสองข้าง หน้าม้าบนหน้าผากเพิ่มความขี้เล่นน่ารักจนผู้พบเห็นไม่อาจละสายตาจากนางได้
ยิ่งวันนี้เป็นงานวัด เหล่าสตรีที่ออกเรือนแล้วเห็นเข้าก็ตกหลุมรักทันที พวกนางรู้สึกโชคดีที่ได้พบกับเทพธิดาน้อยในวันนี้
“บุตรสาวบ้านใด ไยดูดีถึงเพียงนี้!”
“งดงามยิ่งกว่าตุ๊กตาอวยพรในภาพวาดเสียอีก เพียงได้มองก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว”
“ไอโยว วันนี้ข้าต้องไปวัดต้ากั๋วเพื่อเผากระดาษเงินหน่อยแล้ว ได้พบตุ๊กตาอวยพรตัวน้อยเช่นนี้ ทำให้ข้ารู้สึกโชคดีอย่างไรอย่างนั้น”
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่มีคนอีกไม่น้อยคิดเช่นเดียวกัน
“ข้าว่าจะต้องเป็นผู้สูงศักดิ์จากตระกูลร่ำรวยเป็นแน่ ถึงเลี้ยงดูนางได้ดีเพียงนี้ เพราะหากหลานสาวข้าเป็นเช่นนาง ข้าก็จะเลี้ยงดูอย่างดีเหมือนกัน”
เสี่ยวเป่าไม่ได้สนใจเสียงพูดคุยจ้อกแจ้กจอแจพวกนั้น เพราะดวงตาสดใสคู่นั้นเอาแต่กวาดมองโลกภายนอกด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ทั้งที่เมื่อวานนี้ก็เพิ่งเห็นไป แต่นางก็ยังมีท่าทีราวกับว่าเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก
แม้เสี่ยวเป่าจะมากความสามารถ ทว่ายังเป็นเด็กน้อย หนานกงหลีจึงตามใจนางเต็มที่ ยิ่งเห็นนางมีความสุข อารมณ์ของเขาก็ยิ่งดีขึ้นเช่นกัน
รถม้าหยุดลงตรงหน้าจวนเซียวเหยาอ๋อง เสี่ยวเป่าถูกอาเจ็ดอุ้มลงจากรถม้า และทันทีที่เท้าแตะพื้น นางก็ทำท่าเดินย่องไปทางจวนจิ้นอ๋องของพี่ใหญ่ พู่สีแดงบนศีรษะแกว่งไปมาเล็กน้อยตามการเคลื่อนไหวเหมือนกระต่ายหิมะตัวน้อยที่น่ารักและแสนรู้
ทว่าเดินได้ไม่กี่ก้าวนางก็ถูกคนผู้หนึ่งดึงหลังคอเสื้อไว้
หนานกงหลีจ้องนางตาขวาง “จะไปที่ใด?”
น้ำเสียงแหง่งอนของอาเจ็ดทำให้เสี่ยวเป่าค่อย ๆ ผินหน้ากลับมามองอีกฝ่ายด้วยแววตาใสซื่อ
“เสี่ยวเป่าจะไปหาพี่ใหญ่”
หนานกงหลี “เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าผู้ใดเป็นคนพาเจ้ามาที่นี่? มากับอาเจ็ดแท้ ๆ แต่กลับจะไปหาพี่ใหญ่เสียแล้ว เจ้าตัวเล็กนี่ใจร้ายเสียจริง”
พัดในมืออาเจ็ดเคาะลงบนหน้าผากเสี่ยวเป่าเบา ๆ มันไม่เจ็บเลยสักนิด นางจึงยิ่งลำพองใจ
“เสี่ยวเป่าก็อยู่กับท่านอาเจ็ดตั้งนานแล้วนี่นา”
ทันใดนั้นก็มีควันพ้นออกมาจากจมูกของหนานกงหลี เพราะประโยคเมื่อครู่ของเด็กเล็ก
“แล้วอย่างไร เจ้าจะทิ้งอาเจ็ดแล้วหรือ? เจ้าคงเบื่อหน้าอาเจ็ดแล้วสินะ”
เสี่ยวเป่าเกาหน้าพลางพึมพำว่าท่านอาเจ็ดพูดจาแปลกประหลาดยิ่งนัก
แอ๊ด!
ในขณะที่เซียวเหยาอ๋องกำลังงอแง ประตูจวนจิ้นอ๋องก็เปิดออก เจ้าตัวอ้วนกลมวิ่งกระดิกหางออกมาหาเสี่ยวเป่าท่าทางดีอกดีใจอย่างออกนอกหน้า
เสี่ยวเป่าก้มลงกอดโร่วโร่วไว้แนบอก
พี่ใหญ่เลี้ยงดูเจ้าตัวเล็กอย่างดี มันไม่เพียงแต่ตัวกลมอ้วน ขนยังนุ่มฟูเงางาม ซ้ำเนื้อตัวก็ยังมีกลิ่นหอมสะอาดสะอ้าน
“โร่วโร่ว พี่ใหญ่ของเสี่ยวเป่าอยู่ที่ใด”
เจ้าก้อนแป้งชะโงกหน้ามองหาพี่ใหญ่ ชั่วพริบตาต่อมาอีกฝ่ายก็ปรากฏตัว
หนานกงฉีซิวดูจะชื่นชอบเสื้อผ้าสีขาวเป็นพิเศษ มีเพียงส่วนคอเสื้อและแขนเสื้อเท่านั้นที่ปักลวดลายต้นจุหลันหรือไม่ก็ต้นไผ่เขียว
แต่เสี่ยวเป่าชอบชุดที่ปักลายดอกท้อสีแดงที่พี่ชายสวมใส่เมื่อครานั้นเป็นที่สุด มันเป็นชุดสีขาวที่แต่งแต้มด้วยสีแดงประปรายราวกับดอกท้อโปรยปรายท่ามกลางทุ่งหิมะ และพี่ใหญ่ของนางก็เปรียบดั่งดวงตะวันในยามเหมันต์ ทอแสงแดดอันอบอุ่นสาดส่องลงมายังใต้หล้าที่ปกคลุมด้วยหิมะขาว
ชายหนุ่มอนาคตไกลนิสัยอ่อนโยนแต่แฝงด้วยความดื้อรั้นเมียงมองน้องสาวผู้น่ารัก ริมฝีปากแดงระเรื่อยกยิ้มทรงเสน่ห์ ช่างเป็นรอยยิ้มที่ผู้ใดได้เห็นเป็นต้องตกตะลึง
“เสี่ยวเป่า”
น้ำเสียงยังคงฟังรื่นหูดุจหยกเจียระไน ทั้งนุ่มนวลและสดใส
เสี่ยวเป่ารีบวิ่งหน้าตั้งไปหาพี่ใหญ่ ส่วนเจ้าโร่วโร่วก็สะบัดหางไปมาพลางเห่าเสียงเริงร่าต้อนรับการมาของเจ้านาย
“พี่ใหญ่เพคะ~”
เสี่ยวเป่าโผเข้ากอดพี่ใหญ่ด้วยแววตาเป็นประกาย
“วันนี้พี่ใหญ่ดูดีมาก! ที่ผ่านมาก็ดูดีเหมือนกัน”
หนานกงฉีซิวยกนิ้วเรียวเคาะปลายจมูกนาง “เล่นไม่เข้าเรื่อง”
ฟังดูเหมือนเขากำลังอบรมนาง แต่น้ำเสียงกลับนุ่มนวลเกินจะเรียกว่าอบรม
เสี่ยวเป่าหัวเราะร่า พี่ใหญ่ของนางดูดีเสมอไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์เช่นใด
“พี่ใหญ่ พระสนมฝากของบางอย่างให้เสี่ยวเป่านำมาให้ท่าน”
นางพูดพลางวิ่งย้อนกลับมาที่หน้าประตูแล้วเงยหน้าเล็ก ๆ ขึ้นมองท่านอาเจ็ดของตน
“ท่านอาเจ็ดช่วยยกกล่องใบนั้นมาให้เสี่ยวเป่าทีน้า~”
หนานกงหลีปรายตามองเจ้าก้อนแป้งที่ได้ใหม่ลืมเก่าพลางหัวเราะเย้ยหยัน
“หากไม่มีเจ้ากล่องใบนี้ เจ้าก็คงลืมอาเจ็ดผู้นี้ไปหมดแล้วกระมัง? ใช่สิ ข้ามัน ‘แก่’ แล้ว หลานสาวตัวน้อยถึงได้รังเกียจอาเจ็ด แล้วมันใช่ความผิดข้าหรือที่เกิดเร็วเกินไป…”
หนานกงฉีซิวยกมือเรียวปิดจมูกทันที เมื่อได้กลิ่นเปรี้ยวจากคำพูดประชดประชันที่มาพร้อมความคับอกคับใจ องครักษ์เฝ้าประตูกลั้นขำจนหน้าดำหน้าแดง อยากหัวเราะใจจะขาด แต่ก็ไม่กล้า
เสี่ยวเป่า “…”
ท่านอาเจ็ดนิสัยเหมือนเด็กไม่รู้จักโตเลย
คนตัวเล็กพยายามเกลี้ยกล่อมเขาให้เข้าใจเหมือนเจ้าของกำลังลูบขนสุนัขให้เชื่อง
“ผู้ใดจะกล้าลืมท่านอาเจ็ด เสี่ยวเป่านึกถึงท่านอาเจ็ดอยู่ตลอดนั่นแหละ ในใจของเสี่ยวเป่ามีความรักอันยิ่งใหญ่ให้ท่านเสมอ”
เสี่ยวเป่าพยายามทำมือเป็นรูปหัวใจหมายจะเปรียบให้เขาเห็นถึงความรักที่นางมีอย่างเต็มเปี่ยม
“ส่งให้ท่านอาเจ็ด”
หนานกงหลีกอดอก “มันคือสิ่งใด ความรักอย่างนั้นหรือ?”
เสี่ยวเป่าผงกหัวที่ทุยกลมเหมือนลูกแตงโม “ใช่แล้ว มันคือความรักอันยิ่งใหญ่ที่เสี่ยวเป่ามีให้ท่านอาเจ็ด”
ดีจริง ในที่สุดหนานกงหลีก็โอนอ่อนผ่อนตาม มุมปากยกยิ้มอย่างห้ามใจไว้ไม่ได้จึงหยุดสร้างความวุ่นวายใจให้นาง
“เห็นแก่ความจริงใจของเจ้า ข้าไม่งอนเจ้าแล้วก็ได้”
จากนั้นเขาก็ก้มลงไปกระซิบข้างหูเสี่ยวเป่า “จำไว้ว่าต้องรักท่านอาเจ็ดมาก ๆ มากกว่าพี่ใหญ่ของเจ้านั้นยิ่งดี”
เสี่ยวเป่าขยิบตา “อื้ม”