เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 115 ลักพาตัว
บทที่ 115 ลักพาตัว
บทที่ 115 ลักพาตัว
เหล่าองครักษ์เร่งใช้กำลังรีบสลายฝูงชนออกไปอย่างรวดเร็ว เพื่อตามหาตัวเสี่ยวเป่า
เมื่อมองดูดาบในมือของพวกเขาแล้ว เหล่าคนที่ตื่นเต้นจากการเก็บเหรียญทองแดงก็ยอมสงบลงในที่สุด
ทว่า…สิ่งที่พวกหนานกงฉีซิวกังวลมากที่สุดได้บังเกิดขึ้นแล้ว
พวกเขาหาองค์หญิงเก้าไม่พบ เหลือเพียงโคมกระต่ายที่ถูกคนเหยียบย่ำบนพื้น
หนานกงฉีซิวหยิบโคมนั้นขึ้นมา นิ้วกำแน่นจนกลายเป็นสีขาว ดวงตาที่เคยทอประกายอบอุ่นอยู่เสมอเต็มไปด้วยความเย็นชา
องค์หญิงเก้าหายตัวไป ศาลต้าหลี่และทางการที่ได้รับรายงานเรื่องนี้ต่างพากันเหงื่อตก ชั่วพริบตาเดียว ทุกคนต่างรีบมารวมตัวกันเพื่อเฝ้าทางเข้าออกมาเมืองทั้งหมด ไม่อนุญาตให้คนที่พาเด็กมาด้วยหรือรถม้าและสิ่งอื่น ๆ ที่สามารถซ่อนคนออกไปได้
งานวัดเพิ่งจะสิ้นสุดลง ทว่าทั่วทั้งเมืองหลวงกลับตกอยู่ในความกดดันตึงเครียด
ณ ลานบ้านลับตาคนแห่งหนึ่งในเมืองหลวง ชายผู้หนึ่งเคาะประตูเป็นจังหวะหลายครั้งด้วยท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ
สั้นสองยาวหนึ่งสั้นหนึ่ง นี่คือสัญญาณลับของพวกเขา
ประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว หลังจากเข้าไปแล้วชายคนนั้นก็กวาดตามองรอบ ๆ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีคนตามมาจึงปิดประตูลง
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
คนหลายคนที่มีท่าทางเหมือนโจรเลวทรามต่างพากันรุมเข้ามาซักถามผู้ที่เพิ่งเข้ามา
ชายผู้นั้นตบโต๊ะอย่างแรง ก่อนจ้องไปทางหนึ่งในคนเหล่านั้นอย่างโกรธเคือง คนผู้นั้นก็คือปู้ฉือ
“มารดาเจ้าเถอะ ไหนบอกว่าเด็กนั่นเป็นเพียงแค่ลูกของตระกูลร่ำรวยธรรมดา ๆ? แล้วเหตุใดตอนนี้ทางการจึงได้เคลื่อนไหวใหญ่โตเพียงนี้ กระทั่งศาลต้าหลี่เองก็ตื่นตกใจ!
ตอนนี้ทางเข้าออกทั้งหมดล้วนถูกเฝ้าเอาไว้ การตรวจสอบเข้มงวดเป็นอย่างมาก ใครก็ตามที่พาเด็กหรือรถม้าไปด้วยล้วนถูกตรวจค้น กระทั่งสัมภาระที่คนแบกไปก็ไม่มียกเว้น เช่นนั้นแล้วพวกข้าจะส่งสินค้าออกไปได้อย่างไร!”
หน้าผากของปู้ฉือเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบ เขาเดินไปมาเป็นวงกลมด้วยความงุ่นง่าน
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร เจ้าคนแซ่หลีนั่นเป็นคนบอกเองว่าเขาเป็นเพียงคุณชายจากครอบครัวธรรมดาที่ร่ำรวย!”
ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงกล้าร่วมมือกับคนเหล่านี้เพื่อมุ่งเป้าไปยังแม่นางน้อยผู้นั้น
ใช่แล้ว ทันทีที่เสี่ยวเป่ากับท่านอาเจ็ดและพี่ใหญ่ถูกฝูงชนเบียดออกไป นางก็ถูกคนเอาผ้าเช็ดหน้าชุบยาสลบปิดจมูกแล้วพาตัวออกมา
ภายในห้องมืดสลัวยามนี้ เสี่ยวเป่าที่ใบหน้าเปรอะเปื้อน เสื้อผ้าและเผ้าผมยุ่งเหยิงกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่ตรงประตูแอบฟังเสียงจากด้านนอก
นางไม่ได้หมดสติเพราะการถูกปิดจมูก เดิมทีนางต้องการจะดิ้นรน ทว่ากำลังของนางกับคนผู้นี้แตกต่างกันมาก อีกทั้งคนที่จับนางก็ยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่อีกด้วย
ทว่าเรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา นางยังคงมีพวกเฟิงเฟิงอยู่
ขณะที่นางกำลังจะสั่งให้เหล่าผึ้งต่อยคนเลวเหล่านี้ ก็ได้ยินพวกมันสนทนากันอย่างตื่นเต้นระหว่างอุ้มนางเอาไว้
“วันนี้ช่วงก่อนหน้าก็จับมาได้ตั้งสาม ยิ่งครั้งนี้มีสินค้าคุณภาพดี ครั้งนี้พวกเราจะต้องทำเงินได้มากมายอย่างแน่นอน”
เสี่ยวเป่ากลอกตา เอียงศีรษะแสร้งทำเป็นหมดสติ พร้อมสั่งให้พวกเฟิงเฟิงซ่อนตัวเอาไว้ชั่วคราว
หลังจากนั้นเสี่ยวเป่าก็ถูกพามายังห้องแห่งนี้ ประตูของห้องนี้ถูกลงกลอนจากภายนอก ทำให้ไม่สามารถเปิดได้
เมื่อคนจากออกไปหมดแล้ว เสี่ยวเป่าก็ลืมตาขึ้นสังเกตคนอื่น ๆ ที่อยู่ในห้อง
มีเด็กอยู่สามคนที่ล้วนอายุมากกว่านางอยู่เล็กน้อย พวกเขายังคงสลบไสลไม่ได้สติ
เสี่ยวเป่าไม่ได้ปลุกพวกเขาขึ้นมา แต่นอนอยู่ตรงประตูแอบฟังบทสนทนาของพวกคนเลวเหล่านั้น
เสียงที่ได้ยินนั้นเลือนรางแผ่วเบา แต่เสี่ยวเป่ามั่นใจว่าพวกท่านพ่อจะต้องมาช่วยเหลือตนเองแน่นอน
ตอนนี้เองก็มีเสียงดังมาจากทางด้านข้าง เสี่ยวเป่าหันไปมอง พบเข้ากับเด็กคนโตสุดที่ตื่นแล้ว
“ที่นี่ที่ไหน?”
เขามองไปรอบ ๆ ด้วยความสับสน
“ชู่ว…”
ขณะที่เขากำลังตื่นตระหนกระคนกระวนกระวาย ใบหน้างดงามละเอียดอ่อนก็โน้มเข้ามาพร้อมกับนิ้วชี้ปิดปากแสดงสัญญาณบอกเขาว่าอย่าพูดสิ่งใดออกมา
เมื่อสบเข้ากับดวงตาที่ใสกระจ่างของนาง ความว้าวุ่นในใจของโจวเหยียนพลันสงบลงเล็กน้อย ทว่าเขายังคงหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
เสี่ยวเป่ากระซิบ “พี่ชายอย่าเพิ่งส่งเสียง ตอนนี้พวกคนเลวทั้งหมดอยู่ด้านนอกนั่น”
โจวเหยียนสูดจมูกพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ เขานึกถึงชั่วพริบตานั้นขึ้นมาได้ ตอนนั้นเขากำลังออกไปงานวัดกับท่านแม่ แต่กลับถูกสาวใช้ดึงตัวออกมาแล้วจู่ ๆ ก็มีคนเอาผ้ามาปิดจมูก หลังจากขัดขืนอยู่สองอึดใจก็หมดสติไป
เมื่อเขาเห็นว่าด้านในห้องยังมีเด็กอีกสองคน ก็รู้ได้ทันทีว่าตนเองถูกลักพาตัวเสียแล้ว
โจวเหยียนนั้นอายุเพียงแค่หกขวบ ในวันธรรมดาล้วนอยู่ในบ้านด้วยความไร้กังวล หากไม่ใช่เพราะเสี่ยวเป่าตอนนี้เขาคงร้องไห้ออกมาด้วยความตื่นตระหนกแล้ว
แต่ถึงกระนั้น ดวงตาของโจวเหยียนยังคงเอ่อคลอด้วยน้ำตาอย่างไม่รู้ควรจะทำเช่นไรต่อ
“เช่นนั้น…เช่นนั้นตอนนี้พวกเราควรจะทำอย่างไรดี”
เสี่ยวเป่ายืดหน้าอกเล็ก ๆ ของตนเอง “อย่ากลัวไป เสี่ยวเป่าจะปกป้องทุกคนเอง!”
โจวเหยียนสูดน้ำมูกพยักหน้าอย่างแรง เขาเกิดมาท่ามกลางเงินทอง ร่างกายจึงทั้งอ้วนท้วมและขาวราวกับขนมปัง
ในตอนที่อกสั่นขวัญหายเป็นอย่างมาก แม้จะเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่อายุน้อยกว่าเขาเป็นคนกล่าวว่าจะปกป้องทุกคน เขาก็ไม่ลังเลที่จะเชื่อ
เด็กอีกสองคนเองก็ค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา คนหนึ่งเป็นเด็กชายอายุประมาณห้าขวบ แต่ดูจากเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่แล้วเหมือนจะมาจากครอบครัวที่ยากจน
เด็กจากบ้านที่ยากจนต้องเรียนรู้การดูแลครอบครัวอย่างรวดเร็ว ทำให้หลังจากรู้สถานการณ์แล้วก็ไม่ได้ส่งเสียงเอะอะโวยวาย
แต่เด็กหญิงอีกหนึ่งคนหวาดกลัวเสียจนเริ่มสะอึกสะอื้นออกมา เสี่ยวเป่าจึงเข้าไปปลอบนาง คิดกระทั่งว่าจะให้ผึ้งน้อยสักตัวไปเล่นกับนางดีหรือไม่
แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่า หลังจากพวกชุนสี่เห็นผึ้งแล้วก็เกิดอาการหวาดกลัว จึงได้ล้มเลิกความคิดนี้ไป ไม่ต้องการทำให้เด็กหญิงตกใจกลัวไปมากกว่านี้
ในตอนนั้นเอง ด้านนอกก็มีเสียงปลดกลอน เด็ก ๆ พลันขยับเข้ามากอดกันภายในพริบตาด้วยความตึงเครียด สายตาจับจ้องไปทางประตู
มีเสียงดังปังพร้อมประตูที่ถูกเปิดออกอย่างแรง ชายร่างสูงใหญ่กำยำปรากฏตัวพร้อมกับแส้ที่หน้าประตู เมื่อเห็นว่าเด็กทั้งสี่ตื่นแล้ว เขาก็ฟาดแส้ลงพื้นโดยยังไม่พูดจาอันใดออกมาสักคำ
เด็กทั้งสี่ต่างตื่นตกใจจนตัวสั่น
ชายกำยำทั้งสองคนพอใจในผลลัพธ์อย่างเห็นได้ชัด พวกเขามองมายังเด็ก ๆ อย่างดุดันแล้วเอ่ยออกมา
“เงียบเสียงไว้ หากใครกล้าส่งเสียงหรือคิดหนี ร่างเล็ก ๆ ของพวกเจ้าคงไม่อาจทนรับแส้ของข้าได้”
ทั้งสองคนคาดคะเนเวลาที่ฤทธิ์ยาน่าจะหมด เข้ามาที่นี่เพื่อข่มขวัญเด็ก ๆ เพราะเกรงว่าเด็กทั้งสี่จะส่งเสียงดังเรียกความสนใจจากคนละแวกบ้าน
ช่วงเวลานี้ตึงเครียดเป็นอย่างยิ่ง ไม่อาจสร้างความวุ่นวายใด ๆ ได้
“อยู่เงียบ ๆ จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าจะไม่เพียงแค่ถูกตี แต่จะไม่มีข้าวให้พวกเจ้าด้วย เข้าใจหรือไม่?”
เหล่าเด็กน้อยต่างมองพวกเขาด้วยความกลัวจนน้ำตาไหล ทว่าไม่ได้ส่งเสียงดังแต่อย่างใด ชายลักพาตัวทั้งสองคนพึงพอใจกับผลลัพธ์เป็นอย่างมาก จึงจากไปแล้วลงกลอนประตูไว้ดังเดิม
ผ่านไปครู่หนึ่งก็มีเสียงสะอื้นดังขึ้นมาด้านในห้องที่เงียบสงัด
“พวกเรา พวกเราจะทำเช่นไรดี ข้าคิดถึงท่านพ่อท่านแม่”
เด็กหญิงเอ่ยออกมาเสียงสั่นด้วยความหวาดกลัว
เด็กอีกสองคนก็น้ำตาตลอเช่นเดียวกัน ทั้งสามคนต่างก็มองไปยังเสี่ยวเป่าที่อายุน้อยกว่าพวกเขาโดยไม่รู้ตัว