เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 140 ข่าวคราวของหมอปีศาจ
บทที่ 140 ข่าวคราวของหมอปีศาจ
บทที่ 140 ข่าวคราวของหมอปีศาจ
ทางเป่ยโม่มีศัตรูตัวฉกาจของราชวงศ์ต้าเซี่ยอย่างเผ่าเป่ยหม่าน พวกเขาคืออารยชนที่รวบรวมกองทัพขนาดใหญ่เพื่อต่อสู้กับเมืองชายแดน
อย่างไรก็ตาม ในเป่ยโม่ไม่ได้มีเพียงเผ่าเดียว แต่ยังมีเผ่าอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วนที่จ้องเขม็งมายังราชวงศ์ต้าเซี่ย
ทว่าด้วยความกริ่งเกรงในตัวราชันเทพสงครามอย่างหนานกงสือเยวียน แม้แต่ชนเผ่าที่ดุร้ายที่สุด ก็ยังมีความกล้าออกไปก่อกวนหมู่บ้านรอบข้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น
หลังจากที่หนานกงฉีโม่มาถึงที่นี่ เขาก็ได้เข้าร่วมในการต่อสู้ในสงครามเล็ก ๆ สองครั้ง
แต่เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นการนองเลือดที่โหดร้ายเช่นนี้ หลังจากที่หนานกงฉีโม่กลับมา ร่างกายของเขาที่ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่นี่ได้ก็ล้มป่วยและมีไข้ในที่สุด ซึ่งเขาก็ได้ไหว้วานให้เซี่ยสุยอันเปิดขวดยาสำหรับรักษาไข้ และกินยาเข้าไปสองเม็ด
พอหมอทหารมาตรวจ พระองค์ที่ยังไม่ทันจะได้ฝังเข็มหรือดื่มยาจีน ความร้อนในร่างกายของพระองค์ก็ค่อย ๆ ทุเลาลงภายในสองเค่อ
เหตุการณ์นี้ทำให้หมอทหารรู้สึกประหลาดใจ เพราะยังไม่ทันได้ถวายการรักษา องค์ชายรองก็จัดการลดไข้ได้ด้วยตัวพระองค์เองแล้ว
หลังจากที่หนานกงฉีโม่ตื่นขึ้น เขาก็กินยาเข้าไปอีกสองเม็ด แล้วอาการก็ดีขึ้นตามลำดับ
ชั่วขณะนั้น เขาไม่คิดว่ายาที่น้องหญิงมอบให้มาจะเห็นผลรวดเร็วเช่นนี้ ที่สำคัญคือยานี้สะดวกในการรับประทาน ไม่ต้องต้มเป็นเวลานาน
หมอทหารและเซี่ยสุยอันรู้ว่าการที่อาการป่วยของพระองค์ทรงดีขึ้นอย่างรวด ต้องขอบคุณยาเม็ดเล็ก ๆ ที่องค์หญิงทรงส่งมาให้ ถือได้ว่ายาตัวนี้มีคุณสมบัติในการลดไข้
หนานกงฉีโม่ได้แบ่งยาบางส่วนให้กับพวกเขาและคนอื่น ๆ ที่มีไข้ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงมาจากการบาดเจ็บและการติดเชื้อ และผลลัพธ์ที่ได้กลับมานั้นก็ดีมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือมันประหยัดเวลา!
เพราะว่ากระบวนการจัดยาจนถึงขั้นตอนการต้มนั้นใช้เวลานานมาก กว่าที่ผู้บาดเจ็บจะได้ดื่ม ไม่เพียงเสียเวลาเท่านั้น แต่ยังเสียกำลังคนอีกด้วย
ภายในสนามรบ เวลาคือชีวิต หากรักษาได้ทันท่วงทีก็อาจมีผู้รอดชีวิตเพิ่มขึ้น
หากยาในภายภาคหน้าเป็นยาเม็ดพกพาสะดวกอย่างของหนานกงฉีโม่ เมื่อผู้บาดเจ็บได้รับยาเม็ดนี้อย่างทันท่วงที ก็อาจมีผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป
น่าเสียดายว่ายาที่เสี่ยวเป่าเตรียมไว้สำหรับหนานกงฉีโม่นั้น เพียงพอสำหรับเขาแค่คนเดียว เมื่อมันถูกนำไปใช้กับทหารทั้งค่าย จึงหมดไปภายในสองวัน
แม่ทัพเฒ่าเซี่ยเล็งเห็นถึงความสำคัญของยานี้ต่อค่ายทหาร ดังนั้น เขาจึงเขียนหนังสือกลับไปยังเมืองหลวงทันทีเพื่อทูลขอยาจากฮ่องเต้
และยาเหล่านั้นก็น่าจะถูกส่งมาถึงแล้ว
“แม่ทัพเซี่ย นี่คือหนังสือที่เสด็จพ่อเขียนถึงท่าน”
ในขณะที่เซี่ยสุยอันและคนอื่น ๆ กำลังถูกขวดยาเหล่านั้นดึงดูด หนานกงฉีโม่ก็เห็นจดหมายฉบับต่าง ๆ จากน้องชายและน้องหญิงของเขา
เมื่อหยิบจดหมายเหล่านั้นขึ้นมาอ่าน เปลือกตาของเขาเป็นต้องกระตุก
ความมั่นใจของเสด็จพ่อนั้นไม่เป็นรองใครเสียจริง จดหมายที่เขาส่งถึงแม่ทัพเฒ่าเซี่ยนั้นถูกปะปนมากับของที่เสี่ยวเป่าส่งมาให้เขา
ในขณะที่แม่ทัพเฒ่าเซี่ยและหนานกงฉีโม่กำลังอ่านจดหมาย เซี่ยสุยอันก็มองไปที่ข้อความบนขวดยาและถึงกับอ้าปากค้าง
เห็นคำว่า ‘เป่ามิ่งหวาน’ เขียนอย่างหวัด ๆ อยู่บนขวดยา
ซึ่งมีคำอธิบายอยู่ด้านหลังว่า ในเวลาที่ชีวิตกำลังจะสูญสิ้น และเหลือเพียงลมหายใจครั้งสุดท้าย เมื่อกินยาเป่ามิ่งหวานเข้าไป ก็จะสามารถยื้อชีวิตได้
นอกจากนี้แล้ว ยังมียาบำรุงโลหิต ยาเพิ่มพลังชี่ และอื่น ๆ อีกมาก…
ยาเหล่านี้เป็นยาอายุวัฒนะงั้นหรือ!
‘นี่คือเรื่องจริงหรือ?’
เซี่ยสุยอันพึมพำในใจ ชื่อของยานี้ดูเกินความเป็นจริงไปหรือไม่
หนานกงฉีโม่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ลุกขึ้นทันที เขาเลื่อนเก้าอี้ให้ออกห่างจากตัว ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องของยาเหล่านี้ แต่สีหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความสุขเมื่อได้อ่านจดหมายที่ตนได้รับ
เป็นครั้งแรกที่องค์ชายรองแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาอย่างชัดเจน นี่ทำให้เซี่ยสุ่ยอันรู้สึกประหลาดใจ
“หมอปีศาจ…พบหมอปีศาจแล้ว” เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย
ในมือของหนานกงฉีโม่ถือจดหมายเอาไว้แน่น เขาไม่สามารถละสายตาจากข้อความสองสามบรรทัดที่เขียนเกี่ยวกับหมอปีศาจได้ เพราะกลัวว่าเขาอาจจะมองพลาดไป
แม่ทัพเฒ่าเซี่ย และเซี่ยสุยอัน ตกอยู่ในความเงียบหลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด
เซี่ยสุยอันไม่สนใจขวดยาที่อยู่ด้านหน้าอีก เขาเดินเข้าไปหาหนานกงฉีโม่แล้วถามซ้ำ ๆ
“องค์ชายรอง พระองค์ตรัสว่าอย่างไรนะพ่ะย่ะค่ะ? เมื่อครู่พระองค์ตรัสถึงหมอปีศาจใช่หรือไม่? หมอปีศาจอยู่ที่ใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ไม่เพียงเซี่ยสุยอันเท่านั้นที่เป็นกังวล กระทั่งแม่ทัพเฒ่าเซี่ยเองก็เป็นกังวลเช่นกัน
เพราะนี่นับเป็นเรื่องที่สำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับขาทั้งสองข้างของหลานชายเขาว่า มันจะสามารถรักษาได้หรือไม่!
“องค์ชายรอง บอกชายชราผู้นี้มาเถิดว่าหมอปีศาจท่านนั้นอยู่แห่งหนใด!”
หนานกงฉีโม่สงบสติอารมณ์ลง และยื่นจดหมายของเสี่ยวเป่าให้พวกเขา ก่อนจะชี้ไปที่ตัวอักษรสองสามบรรทัดนั้น
‘ท่านพี่รอง เสี่ยวเป่ามีเรื่องจะบอกท่าน เสี่ยวเป่าได้เชิญอาจารย์ผู้มากความสามารถมาท่านหนึ่ง ทักษะทางการรักษาโรคของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก ผู้คนต่างก็เรียกเขาว่าหมอปีศาจ อาจารย์ผู้นี้สัญญาว่าจะรักษาขาของท่านพี่ใหญ่ให้ และในไม่ช้า ท่านพี่ใหญ่ก็จะสามารถยืนขึ้นได้…’
ตัวอักษรที่ถูกเขียนลงบนจดหมายฉบับนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นลายมือของหนานกงสือเยวียน เขารู้ได้ในทันทีว่า เสี่ยวเป่าต้องรบกวนท่านพ่อให้ช่วยเหลือ โดยมีนางคอยกระซิบอยู่ข้าง ๆ และเสด็จพ่อก็จะบรรจงเขียนด้วยความรวดเร็ว
ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาดูลายพระหัตถ์ พวกเขาต่างเป็นกังวลเกี่ยวกับข่าวคราวที่ได้รับแจ้งในสองสามบรรทัดนั้นมากกว่า
พบตัวหมอปีศาจแล้ว และไม่เพียงสัญญาว่าจะรักษาขาขององค์ชายใหญ่ให้หาย แต่คนผู้นั้นยังกลายเป็นอาจารย์ขององค์หญิงตัวน้อยด้วย!!!
นี่นับเป็นปาฏิหาริย์ที่น่าทึ่งมาก
พ่อลูกตระกูลเซี่ยตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะแห่งความเปรมปรีดิ์
ตามที่จดหมายบอก ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ก็ถึงเวลาฟื้นฟูหลังการรักษาแล้วมิใช่หรือ!
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
แม่ทัพเฒ่าเซี่ยตื่นเต้นจนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ดีมาก ดีมาก!”
หนานกงฉีโม่ร้อนใจจนอยากจะตรงกลับไปที่เมืองหลวงเสียเดี๋ยวนี้ ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่ใหญ่เป็นอย่างไรแล้วบ้าง
“ไม่รู้ว่าบรรดาน้องชายของเขาเป็นอย่างไรบ้าง”
เซี่ยสุยอันเอ่ยออกมาถึงสิ่งที่ตรงใจกับหนานกงฉีโม่
“ไม่ได้การ ข้าต้องส่งจดหมายกลับไปเพื่อสอบถามแล้ว”
หนานกงฉีโม่ที่ก็กำลังคิดแบบเดียวกันก็หันไปมองหน้าเซี่ยสุยอัน จากนั้นเขาก็หอบแตงโมไว้ในอ้อมแขน แล้วแยกย้ายกันกลับบ้านของแต่ละคน
ทิ้งให้เหล่านายทหารชั้นสูงที่เหลืองุนงงอยู่อย่างนั้น
เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ? เหตุใดหลังจากดูบางสิ่งแล้วก็แยกย้ายกันออกไป?
ช่างเถิด พวกเขาน่าจะยังต่อสู้แย่งชิงแตงโมกันต่อแต่ไม่รู้ว่าองค์ชายรองได้ยาเหล่านั้นมาบ้างหรือไม่ นั่นเป็นยาช่วยชีวิตเชียวนะ ใครเล่าจะไม่อยากได้
เมื่อหนานกงฉีโม่กลับมาเพื่อเขียนจดหมาย เขาก็สั่งให้ข้ารับใช้รวบรวมสิ่งของขึ้นชื่อของที่นี่ เพื่อส่งไปให้เสี่ยวเป่าและคนอื่น ๆ
สถานที่แห่งนี้มีของขึ้นชื่อไม่มาก แต่เนื่องจากพรมแดนนั้นติดกับชนเผ่าเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างเคียง จึงไม่ได้มีปัญหาขาดแคลนอัญมณี เครื่องหนัง หรือขนสัตว์คุณภาพสูง
เพื่อน้องหญิงของเขา แน่นอนว่าเขาต้องส่งสิ่งที่ดีที่สุดไปให้นาง
แน่นอนว่า หนานกงฉีโม่ย่อมไม่ลืมน้องชายคนอื่น ๆ เขาเลือกที่จะส่งอาวุธที่ประดับด้วยอัญมณีต่าง ๆ กลับไปด้วย รวมถึงลูกหมาป่าสีขาวหายากสองสามตัวที่เขาเพิ่งได้รับมา
อืม…ส่งสัตว์เลี้ยงไปให้น้องหญิงด้วยแล้วกัน เพราะหมาป่านั้นดุร้ายเกินไป แน่นอนว่าน้องหญิงที่น่ารักน่าเอ็นดูของเขา จะต้องเหมาะกับสัตว์เลี้ยงน่ารักมากกว่า
จากนั้น หนานกงฉีโม่ก็ได้ยินเสียงของลูกแกะส่งเสียงร้อง
เขากำลังอยากจะหาสัตว์เลี้ยงตัวน้อยส่งไปให้น้องหญิงพอดี ในจังหวะนั้นเอง สายตาก็หันไปเห็นข้ารับใช้พาลูกแกะขนสีเทาปุกปุยเดินผ่านหน้าไป เป็นลูกแกะตัวเมีย และด้านหลังก็มีลูกแกะส่งเสียงร้องไล่หลังตามมา
ขนดูนุ่มฟู แต่สกปรกไปหน่อย
“ช้าก่อน” หนานกงฉีโม่เรียกให้เขาหยุด
“ทำความเคารพฝ่าบาท”
“จะเอาแกะพวกนี้ไปที่ใดกัน?”
ข้ารับใช้กล่าวด้วยความเคารพว่า “ทางครัวต้องการทำเนื้อแกะให้พระองค์เสวย แกะสองตัวนี้กำลังจะถูกนำไปเชือดพ่ะย่ะค่ะ”
หนานกงฉีโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “อากาศร้อนเช่นนี้จะทำอาหารจากเนื้อแกะหรือ? พาแกะทั้งสองตัวไปทำความสะอาดให้เรียบร้อย แล้วนำตัวมาให้ข้า”