เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 145 ความปรารถนา
บทที่ 145 ความปรารถนา
บทที่ 145 ความปรารถนา
หนานกงสือเยวียนค่อนข้างพอใจกับคำตอบของโอรสองค์โต
แม้ว่าเขาจะอายุน้อยและไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการทำสงคราม แต่อย่างน้อยก็เคยผ่านความรู้ทางทฤษฎีมา และเขาก็ไม่ใช่คนประเภทที่อ่านตำราผ่าน ๆ กลับกัน โอรสของเขารู้จักวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียของสถานการณ์
ไม่เหมือนอนุชาของเขาเลยสักนิด
ฮ่องเต้ทรงมองเซียวเหยาอ๋องด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ
“เชียนชิวเจี๋ยคืออะไรหรือเพคะ?”
หลังจากที่เสี่ยวเป่านั่งฟังมาสักพัก นางก็รู้สึกว่าสมองน้อย ๆ ของตัวเองนั้นมีพื้นที่ไม่เพียงพอ จึงเลือกที่จะเอ่ยถามคำถามที่อยากรู้เท่านั้น
หนานกงหลีใช้โอกาสนี้บีบใบหน้าเล็ก ๆ ที่อ่อนนุ่มของนางเบา ๆ
“เชียนชิวเจี๋ยเป็นวันเกิดของท่านพ่อเจ้า ยามนี้เหลือเวลาอีกเพียงสองเดือนเท่านั้น”
เวลาเพียงแค่สองเดือน ถือได้ว่าเป็นเวลาไม่นานในการเตรียมตัวสำหรับวันเฉลิมพระชนมพรรษาของฮ่องเต้
แต่ละฝ่ายต้องเตรียมพิธีการล่วงหน้ามากมาย และฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็ไม่โปรดความฟุ่มเฟือย ดังนั้น พวกเขาจึงต้องคิดว่าจะใช้เงินจำนวนน้อยที่สุดเพื่อเตรียมงานเลี้ยงในพระราชวังไม่ให้หรูหราเกินไป แต่ก็ต้องสมพระเกียรติและไม่ถูกอาณาจักรอื่นดูหมิ่นอย่างไร
เสี่ยวเป่าเอียงศีรษะ มองไปที่ท่านพ่อของนางด้วยดวงตาสดใส “วันเกิดของท่านพ่อ!”
เช่นนั้นแล้ว นางก็ต้องการเตรียมของขวัญวันเกิดให้ท่านพ่อน่ะสิ!
“ดูเหมือนว่าวันเกิดของเสี่ยวเป่าก็ใกล้เข้ามาแล้ว เดือนสิบเอ็ดใช่หรือไม่”
เสี่ยวเป่าเอียงศีรษะเล็กน้อย เหมือนว่าจะใช่นะ!
ในตอนบ่าย หลังจากที่กลับมาถึงตำหนัก เสี่ยวเป่าก็เอาแต่ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ตลอดเวลา
นางอยากจะเตรียมของขวัญให้ท่านพ่อ แต่ไม่รู้ว่าท่านพ่อของนางนั้นชอบสิ่งใด
ทันใดนั้น เด็กน้อยก็ตบแก้มของตัวเองเบา ๆ และพูดอย่างมั่นใจว่า “แน่นอนว่าสิ่งที่ท่านพ่อชอบที่สุดก็ต้องเป็นเสี่ยวเป่า!”
สิ่งที่ท่านพ่อโปรดปรานมากที่สุดก็คือตัวนาง เช่นนั้นแล้วนางก็จะหาสิ่งที่ท่านพ่อชอบรองลงมา
ในเมื่อไม่รู้ นางก็ต้องไปถาม
หลังจากเด็กน้อยรดน้ำดอกไม้เสร็จแล้ว นางก็รีบวิ่งไปหาท่านพ่อทันที
“ท่านพ่อ นอกจากเสี่ยวเป่าแล้ว ท่านพ่อทรงโปรดสิ่งใดมากที่สุดหรือเพคะ?”
หนางกงสือเยวียนชะงัก ก้มศีรษะมองลงมา “เหตุใดเจ้าถึงถามคำถามนี้?”
ช่างเป็นคำถามที่ฟังดูแปลกยิ่งนัก
เสี่ยวเป่า “ความลับ ท่านพ่อแค่บอกเสี่ยวเป่ามาเท่านั้น”
หนางกงสือเยวียน “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เขาไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งเด็กเล็กตรงหน้า แต่เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าตนเองชอบอะไร
เหตุเพราะท่านพ่อของนางตอบกลับมาเช่นนั้น ทำให้เสี่ยวเป่ามีสีหน้าที่สลดลง
“เช่นนั้นท่านพ่อปรารถนาสิ่งใดหรือ”
“ความปรารถนาหรือ?”
หนางกงสือเยวียนใช้ความคิด “หากให้ข้าพูดล่ะก็ คงขอให้บ้านเมืองนี้สงบสุขและเจริญรุ่งเรือง”
นี่ไม่ใช่ความปรารถนาของเขา แต่เป็นความปรารถนาของท่านตาของเขา
ชายชราผู้น่าเกรงขามและแข็งแกร่ง ผู้ปกป้องดูแลปราการชายแดน
เขาเป็นผู้ที่คอยเอาใจใส่บ้านเมืองอย่างแท้จริง หนางกงสือเยวียนมีความทรงจำเกี่ยวกับอีกฝ่ายอย่างคลุมเครือ ตอนอายุเจ็ดขวบ ทุกครั้งที่เขาไปบ้านท่านตา ท่านตามักจะกอดเขาเอาไว้และพูดกับเขาเรื่องความเป็นอยู่ของประชาชนและเรื่องการทหารต่าง ๆ
เพราะท่านตาเป็นแม่ทัพที่เขตชายแดน สิ่งที่เขาได้ยินมากที่สุดจากท่านตาก็คือการนำทัพไปรบอย่างไร สิ่งที่แม่ทัพต้องทำ และ…ความกังวลว่าจะดูแลทหารของเขาอย่างไรดี
ในตอนนั้นเขายังเยาว์วัยจึงไม่เข้าใจในเรื่องนี้เท่าใดนัก จนกระทั่งครอบครัวของท่านตาถูกสังหารในสนามรบ โดยชายทรยศคนหนึ่ง ไม่เว้นแม้กระทั่งท่านแม่ของเขา….
หลังจากเขามีอำนาจในมือแล้วก็เคยคิดที่จะปล่อยให้ราชวงศ์พังพินาศไป แต่เมื่อคิดถึงท่านตาและท่านแม่ขึ้นมา…
ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายเพียงใด วีรบุรุษผู้นี้ก็จะทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อปกป้องเมืองชายแดนอย่างสุดกำลัง
ในวัยเยาว์ เขาไม่รู้แจ้ง คิดว่าท่านตาและกำลังพลของเขาทำทุกอย่างเพื่อปกป้องราชวงศ์
ต่อมา เมื่อเขาได้เข้าร่วมกองทัพชายแดน และได้เห็นการใช้ชีวิตทุกรูปแบบแล้ว หนางกงสือเยวียนก็รู้ว่าท่านตา ท่านลุง และลูกพี่ลูกน้องของเขาไม่ได้ทำไปเพื่อปกป้องฮ่องเต้และราชวงศ์ แต่ทำเพื่อประชาชนและครอบครัวที่อยู่ข้างหลังพวกเขาเท่านั้น
แม้กำลังของพวกเขาจะมีไม่มากพอที่จะเปลี่ยนแปลงความเป็นอยู่ของประชาชน แต่อย่างน้อยพวกเขาก็มั่นใจได้ว่า ผู้คนจำนวนไม่น้อยจะไม่สูญเสียครอบครัวไปเพราะสงคราม
ทำให้ในท้ายที่สุด หนางกงสือเยวียนเลือกที่จะสืบบัลลังก์ต่อไป ปกป้องในสิ่งที่ท่านตา ท่านลุง และท่านแม่ของเขาคอยปกป้องมาตลอด
“แล้วบ้านเมืองสงบสุขคืออะไรหรือเพคะ?”
เสี่ยวเป่าเอนกายนอนลงบนตักท่านพ่อและตั้งอกตั้งใจฟัง
หนางกงสือเยวียน “คือการที่ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเครื่องนุ่งห่ม ไม่ต้องทนเหน็บหนาวหรือหิวโหย”
ความปรารถนาที่ดูเหมือนเรียบง่ายนี้ หากมีจำนวนผู้อยู่อาศัยไม่มาก ก็พอที่จะคิดถึงภาพเหล่านั้นออก แต่มันเป็นเรื่องยากสำหรับอาณาจักรที่มีประชากรหลายหมื่นชีวิต
เสี่ยวเป่าเอียงศีรษะ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เสี่ยวเป่าเข้าใจแล้ว!”
นางจะตั้งใจทำงานอย่างหนัก เพื่อช่วยให้ท่านพ่อได้บรรลุความปรารถนา!
นางเข้าใจดี เพราะตัวนางเองก็เคยหิวโหยมาก่อน ดังนั้นจึงอยากที่จะช่วยให้หลาย ๆ คนได้อิ่มท้อง
ทว่าปริมาณการผลิตเสบียงอาหารในปัจจุบันนั้นต่ำเกินไป นอกเสียจากว่า จะเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ได้รับการบ่มเพาะโดยอุณหภูมิที่เหมาะสมผ่านการใช้พลังวิญญาณของนาง
หนึ่งคือปัญหาของเมล็ดพันธุ์ อีกปัญหาหนึ่งก็คือ ปัญหาความอุดมสมบูรณ์ของผืนดิน
เสี่ยวเป่านึกถึงข้าวที่ปลูกในนาหลวง
ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรแล้ว รอถึงฤดูเก็บเกี่ยวนางค่อยไปดู
อีกทั้งตอนนี้ยังมีข้าวสาลีและมันเทศที่นางต้องรีบปลูก เพื่อที่จะมอบมันให้ท่านพ่อ
เสี่ยวเป่าไปดูข้าวสาลีและมันเทศของนาง
ข้าวสาลีส่วนหนึ่งถูกกันไว้สำหรับการเพาะปลูก และในตอนนี้มันก็ได้กลายเป็นต้นอ่อนแล้ว
เป็นเพราะว่านางบ่มเพาะมันมาอย่างดี และด้วยความอุดมสมบูรณ์ของผืนดิน ต้นอ่อนข้าวสาลีจึงไม่เพียงเติบโตอย่างสมบูรณ์กว่าข้าวสาลีทั่วไป แต่ยังมีรากที่แข็งแรงและหยั่งลึกอีกด้วย เพียงแค่มองก็รู้ได้ว่ามันเป็นพันธุ์ที่ยอดเยี่ยม
ถึงแม้จะมีปริมาณไม่มาก แต่เมื่อข้าวสาลีกลุ่มนี้โตแล้ว แน่นอนว่าต้องเก็บเมล็ดไว้สำหรับอนาคตอย่างแน่นอน
นอกเหนือจากนั้นก็ยังมีมันเทศ
ซึ่งมันเทศนี้เพียงแค่กลบไว้ในกระถาง และใส่ปุ๋ยก็ปลูกได้แล้ว
แม้ว่าจะมีมันเทศแค่หัวเดียว แต่หลังจากที่มันงอกขึ้นมาอย่างหนาแน่นแล้ว ท่อนพันธุ์มันเทศเหล่านั้นก็สามารถปลูกลงดินได้และเติบโตมาเป็นมันเทศที่มีคุณภาพ
เพียงแต่ว่าตอนนี้นางมีพื้นที่ไม่เพียงพอ จำต้องไปหาท่านพ่อเพื่อขอที่ดินเพิ่ม
นางจะได้นำมันเทศและข้าวสาลีเหล่านี้ไปปลูกให้งอกงามอุดมสมบูรณ์
ตอนนี้มีต้นอ่อนงอกงามขึ้นมากมาย ซึ่งดูสดชื่นสบายตาไม่น้อย
ในทุก ๆ วัน เสี่ยวไป๋จะเดินไปที่นั่นเพื่อขโมยกิน แม้ว่ามันจะถูกจับได้และถูกตักเตือน แต่กลับไม่ได้หยุดการกระทำนั้น ซึ่งในท้ายที่สุดก็ต้องสร้างรั้วกั้นเสี่ยวไป๋ไม่ให้เข้าไปขโมยอาหารกิน
เพราะสิ่งที่นางปลูกมันยังไม่โต หากโดนเสี่ยวไป๋ขโมยกินหมดจะทำอย่างไร เสี่ยวเป่าต้องการเก็บเมล็ดอุดมสมบูรณ์ให้ได้เยอะ ๆ
หลังจากดูพืชที่นางปลูกด้วยมือเล็ก ๆ เรียบร้อยแล้ว เสี่ยวเป่าก็เดินไปที่ห้องเครื่องพร้อมกับเสี่ยวไป๋และนางกำนัล
“พ่อครัวอู๋”
“องค์หญิง มีเหตุอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
พ่อครัวอู๋ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบองค์หญิงตัวน้อย เขาเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนว่า “ทรงอยากเสวยอะไรเป็นพิเศษหรือ ขอเพียงบอกเหล่าอู๋ผู้นี้ กระหม่อมให้สัญญาว่าจะทำให้ถูกปากทีเดียวเชียว!”
เสี่ยวเป่าโบกมือ “ไม่มี ๆ เสี่ยวเป่าแค่ต้องการถาม ขนมไหว้พระจันทร์ทำอย่างไรหรือ?”
“ที่แท้องค์หญิงทรงอยากเสวยขนมไหว้พระจันทร์นี่เอง สิ่งนี้หาใช่สิ่งที่ทำได้ง่าย องค์หญิงทรงต้องการขนมไหว้พระจันทร์แบบใดหรือ เป็นไส้โหงวยิ้ง หรือถั่วแดงกวนดีพ่ะย่ะค่ะ?”
เสี่ยวเป่ากะพริบตา “ข้าอยากกินไส้ไข่เค็มเป็ด”
พ่อครัวอู๋แสดงสีหน้างุนงง
“หืม???”
ไข่เค็มเป็ด?
เสี่ยวเป่า “พอจะทำได้หรือไม่ มีไข่เค็มเป็ดหรือไม่”
พ่อครัวอู๋ถูมืออย่างประหม่า “กระหม่อมไม่เคยทำมาก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
เสี่ยวเป่ายิ้มเล็กน้อย ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น “ไม่เป็นไร ๆ เช่นนั้นพวกเรามาทำขนมไหว้พระจันทร์ด้วยกันเถิด”
เสี่ยวเป่าไม่ได้อยากทำแค่ขนมไหว้พระจันทร์ไส้ไข่เค็มเป็ดเท่านั้น แต่ยังอยากทำไส้อื่น ๆ ด้วย!