เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 165 ส่งมอบลูกหมาป่า
บทที่ 165 ส่งมอบลูกหมาป่า
บทที่ 165 ส่งมอบลูกหมาป่า
พอท่านราชครูเดินออกมา สิ่งที่เขาเห็นคือเจ้าก้อนแป้งตัวเล็กนั่งยอง ๆ อยู่ที่หน้าประตู รอบตัวรายล้อมไปด้วยลูกหมาป่า
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคนแปลกหน้าเดินเข้ามาใกล้ ลูกหมาป่าทั้งหมดก็หูตั้งทันใด แต่ละตัวหันไปเห่า แสยะเคี้ยวคมอันเล็ก ๆ ท่าทางดุร้ายพลางขวางเสี่ยวเป่าไว้ราวกับจะปกป้องนาง
ตัวเล็กแต่ใจใหญ่กันจริงเชียว
เสี่ยวเป่าเงยหน้ามองหลีไท่ฟู่ตาปริบ ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยอมรับความผิดของตนแต่โดยดี
“ขออภัยท่านราชครู เสี่ยวเป่ามารบกวนเวลาสอนของท่าน”
เจ้าก้อนแป้งผู้มีสัมมาคารวะและรู้กาลเทศะยอมรับผิดของตนอย่างตรงไปตรงมา ผู้ใดเลยจะมีจิตใจแกร่งกล้าถึงเพียงนี้
หลีรุ่นยกยิ้ม “เชิญองค์หญิงเข้ามาด้านในก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
ชีวิตนี้ของเขาอยู่มาแล้วถึงสองรัชสมัย เคยเห็นองค์หญิงในสมัยฮ่องเต้องค์ก่อนมาก็ไม่น้อย
เกิดมาเป็นองค์หญิง พวกนางย่อมมีฐานะสูงส่ง
แม้ในยามที่ยังเป็นเพียงเด็กไม่รู้ประสีประสา ในบรรดาองค์หญิงที่เขาเคยพบเห็นมักเป็นคนจิตใจมืดบอด นิสัยหยิ่งยโส ดูถูกผู้มีฐานะต่ำต้อยกว่าตน บางคนถึงขั้นฆ่าแกงคนเป็นผักเป็นปลา ไม่เห็นค่าชีวิตผู้อื่นในสายตาเสียด้วยซ้ำ
ช่างต่างจากองค์หญิงน้อยที่กล่าวขอโทษที่มารบกวนการเรียนการสอนของพวกเขา เกรงว่าไม่มีองค์หญิงใดในรัชสมัยก่อนมีจิตใจเช่นนี้
อย่าว่าแต่องค์หญิงเลย เหล่าองค์ชายต่างก็มีนิสัยที่ดีเช่นกัน แม้ดูเหมือนฝ่าบาทจะทรงปฏิบัติต่อองค์ชายเหล่านี้อย่างห่างเหิน ทว่าวิธีการแยกเด็ก ๆ ออกจากวังหลัง และให้พวกเขาเติบโตมาด้วยกันนี้ ถือว่าเป็นประโยชน์มาก
เมื่อมีสิ่งยุแยงน้อยลง ความสัมพันธ์ของเหล่าองค์ชายก็ลึกซึ้งเฉกเช่นพี่น้องท้องเดียวกัน พวกเขาไม่ได้เรียนรู้กลยุทธ์ร้ายกาจของเหล่าสตรีในวังหลัง แม้วันข้างหน้าพวกเขาจะต้องแข่งขันกันเพื่อชิงบัลลังก์ ถึงตอนนั้นพวกเขาอาจจะหวนนึกถึงช่วงเวลานี้ไม่มากก็น้อย ได้แต่หวังว่าเรื่องน่าเศร้าจะไม่เกิดขึ้น
เสี่ยวเป่าพาลูกหมาป่าและถวนจื่อเข้าไปในห้องโถงตามคำเชิญของท่านราชครู
โถงสำนักศึกษามีชีวิตชีวาขึ้นมาทันตา
“น้องหญิง!”
“น้องหญิง เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”
“น้องหญิงมาหาพี่ห้าเร็ว”
“น้องหญิงกับข้ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ดังนั้นนางควรมาหาข้า!”
เดิมทีเหล่าพี่ชายต่างดีใจกับการมาของน้องสาว แต่ชั่วพริบตาต่อมา พวกเขากลับโต้เถียงกันอย่างเมามันว่านางควรนั่งกับผู้ใด
หลีไท่ฟู่มองเหล่าองค์ชายน้อยใหญ่แต่ละคนวุ่นวายราวกับกำลังพนันชนไก่ เขาจึงจัดแจงให้เสี่ยวเป่านั่งตรงตำแหน่งที่สงบสุขที่สุดอย่างโต๊ะด้านหน้า
“เชิญองค์หญิงนั่งด้านหน้าเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
เสี่ยวเป่ากล่าวทักทายบรรดาพี่ชายทั้งหลายอย่างมีมารยาทแล้วนั่งลงตรงโต๊ะแถวแรก
เจ้าพวกขนปุกปุยทั้งหลายวิ่งตามก้นนางไปติด ๆ
ลูกแพนด้าขนาดตัวพอ ๆ กับเสี่ยวเป่า พอมันนั่งลงข้าง ๆ นาง มันจึงดูราวกับเป็นศิษย์ผู้หนึ่งที่กำลังนั่งศึกษาอย่างตั้งใจ
หนังหน้าท้องมันตึงเพราะด้านในเก็บอาหารไว้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นหน่อไม้หรือผลไม้
เจ้าก้อนแป้งขาวดำดึงดูดความสนใจของผู้คนในที่แห่งนี้ทันที
ตอนนี้เหล่าองค์ชายไม่มีกระจิตกระใจเล่าเรียนเลยแม้แต่น้อย พวกเขาเอาแต่จ้องเสี่ยวเป่าและเจ้าถวนจื่อที่อยู่ข้าง ๆ
หลีรุ่นยังคงสอนตามหน้าที่ของตนต่อไป แต่คราวนี้เขาพูดช้าลงมาก เมื่อถึงแก่เวลา เขาก็จากสำนักศึกษาไป มอบสถานที่แห่งนี้ให้แก่เหล่าพี่น้อง
“เกิดอันใดขึ้นหรือน้องหญิง? เหตุใดถึงได้พาลูกหมาพวกนี้มาที่นี่?”
องค์ชายห้าพลิกตัวออกจากโต๊ะของตน แล้วมาหยุดอยู่ข้าง ๆ เสี่ยวเป่าอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าเมื่อเลิกเรียนแล้ว เขาก็กลับมาเป็นเทพวานรลงมาจุติยังโลกมนุษย์อีกครั้ง
เด็กหนุ่มใช้นิ้วจิ้มหัวกลม ๆ ของถวนจื่อด้วยความสงสัย “เจ้าตัวนี้ดูโง่งมยิ่งนัก ฮ่าฮ่า!!!”
ถวนจื่อเดินบิดบั้นท้ายไปหลบหลังเสี่ยวเป่า เหมือนจะสื่อว่าไม่อยากสนทนากับคนผู้นี้
เสี่ยวเป่าชี้ไปที่ลูกหมาป่าเหล่านั้น “เจ้านี่ชื่อถวนจื่อ มันคือหมีแพนด้า ส่วนพวกนั้นคือลูกหมาป่า หาใช่ลูกหมาธรรมดา พี่รองมอบพวกมันให้พวกท่าน พวกท่านเลือกกันเองเลยเพคะ”
“หมาป่า!”
องค์ชายห้านัยน์ตาเป็นประกาย บุรุษอกสามศอกควรเลี้ยงสัตว์ดุร้าย!
เขาเพ่งพิศลูกหมาป่าอย่างสนอกสนใจ พยายามเลือกลูกหมาป่าที่เหมาะกับตนเอง
“หืม! พวกมันเป็นหมาป่าขาว แต่บางตัวก็ไม่ได้ขาวบริสุทธิ์ขนาดนั้น”
ลูกหมาป่าทั้งหลายถอยไปหลบใกล้ ๆ เท้าเสี่ยวเป่าอย่างบ้าคลั่ง แต่หนึ่งในนั้นกลับพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างกล้าหาญ
ชั่วพริบตาต่อมา องค์ชายห้าก็อุ้มลูกหมาป่าตัวนั้นขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน เจ้าตัวนี้มีขนสีขาว ทว่าเท้าทั้งสี่นั้นเป็นสีเทาเข้ม ดูราวกับมันกำลังสวมถุงเท้า พอโดนอุ้มมันก็แยกเขี้ยวใส่ ทั้งยังดูซุกซนกว่าตัวอื่น ๆ
“ข้าเลือกเจ้านี่ก็แล้วกัน ข้าชอบที่มันกล้าหาญกว่าตัวอื่น”
พูดจบก็หัวเราะร่า ชายหนุ่มผู้มีนิสัยร่าเริงสดใสและร้อนแรงดั่งดวงตะวัน ผู้ใดอยู่ใกล้เป็นต้องผ่อนคลายและอารมณ์ดีขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เสี่ยวเป่าลูบหัวลูกหมาป่าที่กำลังดิ้นอยู่ในอ้อมแขนพี่ห้า
“เป็นเด็กดี เชื่อฟังพี่ห้านะ ต่อไปเสี่ยวเป่าจะมาเยี่ยมบ่อย ๆ”
ไม่รู้ว่าลูกหมาป่าตัวนั่นรับรู้ได้ถึงการปลอบโยนของเสี่ยวเป่าหรือไม่ ถึงแม้มันจะยังส่งสายตาเศร้าสร้อยมาให้เสี่ยวเป่า แต่มันก็ไม่ได้ขัดขืนแล้ว
“ตาข้า ๆ ถึงตาข้าเลือกบ้าง”
เสี่ยวปา หนานกงฉีจวินกุลีกุจอวิ่งมาหา แต่ไม่ได้วิ่งมาเลือกลูกหมาป่า แต่วิ่งมาสวมกอดเสี่ยวเป่าเป็นอันดับแรก พร้อมกับบีบแก้มอ้วนนุ่มนิ่มของนางอย่างมันเขี้ยว
“เสี่ยวเป่าเอาแต่ดูแลพี่ใหญ่ นานแล้วที่ไม่ได้มาหาพวกเรา”
คนที่เหลือต่างพร้อมใจกันพยักหน้าเห็นด้วยทันที
พวกเขาล้วนเป็นพี่ชายของนางเช่นกัน ฉะนั้นน้องสาวอย่าได้คิดที่จะลำเอียง!
เสี่ยวเป่าทำหน้าทะเล้น “พี่ใหญ่กำลังพักฟื้น เสี่ยวเป่าจึงต้องดูแลเป็นพิเศษ อีกอย่างเสี่ยวเป่าก็มีเพียงคนเดียวแยกร่างไม่ได้”
“ก็ได้ ๆ คราวนี้ข้าจะยกโทษให้เจ้าก็แล้วกัน”
หนานกงฉีจวินเลือกลูกหมาป่าที่มีจุดสีดำเล็ก ๆ บนหัว ท่าทางดูชอบใจไม่น้อย
“ข้าเอาตัวนี้ ตัวนี้ดูมีเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำกับผู้ใด!”
องค์ชายห้าได้ยินเช่นนั้นก็เกิดอาการไม่พอใจ “เจียงจวิน*[1]ของข้าก็ไม่เหมือนผู้ใดเช่นกัน!”
ดีจริง! ชื่อเรียกเช่นนี้ก็มีด้วย
สองพี่น้องเถียงกันว่าลูกหมาป่าของผู้ใดมีดีเหนือกว่า ส่วนคนที่เหลือก็เริ่มทยอยกันออกมาเลือกเช่นกัน
“พี่สาม ท่านเลือกก่อน”
แม้หนานกงฉีเฉินจะเย่อหยิ่ง แต่เขาก็ยังมีความเคารพต่อเหล่าพี่ชาย
หนานกงฉีอวิ๋นส่ายหัว “พวกเจ้าเลือกก่อนเถิด”
เขาคิดว่าตนเป็นพี่ชาย ควรเสียสละให้น้อง ๆ เลือกก่อน
โยนกันไปโยนกันมาก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด หนานกงฉีเฉินจึงลากเสี่ยวชีออกไปเลือก
“เจ้ามาเลือก”
หนานกงฉีรุ่ยยักไหล่ “ก็ได้”
เขาเพ่งพิศลูกหมาป่าที่นอนหมอบอยู่ใกล้ ๆ เท้าของน้องสาวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือไปอุ้มลูกหมาป่าตัวหนึ่งที่มีหางและหูแหลมทั้งสองข้างเป็นสีดำ
“เช่นนั้นข้าเลือกเจ้านี่ ไป๋เฉียเฮย!*[2]”
หนานกงฉีเฉินเอ่ยพร้อมอุ้มลูกหมาป่าตัวสีขาวปลอดขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด
องค์ชายสี่ หนานกงฉีอิงเลือกตัวที่มีขนสีเทาอ่อน ตัวโตที่สุด ทว่านิสัยตรงข้ามกับร่างกาย เพราะมันค่อนข้างอ่อนโยนและเข้ากับองค์ชายสี่ได้เป็นอย่างดี
องค์ชายสาม หนานกงฉีอวิ๋นผู้เลือกเป็นคนสุดท้ายก็เลือกตัวสีขาวเช่นกัน
ลูกหมาป่าสีขาวล้วนมีทั้งหมดสามตัว หนึ่งตัวที่เหลืออยู่ย่อมต้องตกเป็นของพี่ใหญ่
เหล่าลูกหมาป่าที่ถูกเลือกไปแล้วต่างก็ทำหน้าสลด แต่ละตัวน้ำตาคลอเบ้ามองเสี่ยวเป่า
เสี่ยวเป่าลูบหัวพวกมันอย่างปลอบโยน “เหตุใดถึงได้ทำหน้าน่าสงสารเช่นนี้เล่า แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเจ้าก็ต้องไปอยู่กับพวกท่านพี่นะ ค่อยให้พวกท่านพี่พามาเล่นกับเสี่ยวเป่าบ่อย ๆ ก็ได้”
มีความสงสาร แต่ไม่มาก
นางอุ้มลูกหมาป่าตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่ขึ้นแนบอกพร้อมพึมพำกับมัน “รอให้ถึงยามที่เสี่ยวเป่าออกไปหาพี่ใหญ่ก่อนนะ เดี๋ยวจะพาเจ้าไปด้วย”
องค์ชายห้าหยอกล้อกับเจ้าเจียงจวินของตนพลางยิ้มร่า “พี่รองส่งของขวัญได้เหมาะกับข้ามาก เขายังขาดแคลนเงินตราอยู่อีกหรือไม่? ข้าจะส่งเงินอั่งเปาทั้งหมดที่ข้าเก็บออมเอาไว้ให้พี่รอง!”
เสี่ยวเป่าพยักหน้า “พี่รองยังมีเรื่องมากมายให้สะสาง เสี่ยวเป่าเองก็จะส่งเงินไปให้พี่รองเช่นกัน”
เหล่าองค์ชายล้วนได้รับเบี้ยหวัดรายเดือน และในวันข้ามปีก็จะได้รับอั่งเปาจากผู้อาวุโส
[1] เจียงจวิน (将军) หมายถึง แม่ทัพ
[2] ไป๋เฉียเฮย (白切黑) แปลว่า ขาวตัดดำ หมายถึง ภายนอกดูน่ารักไร้เดียงสา ทว่าแท้จริงแล้วร้ายกาจไร้ความปรานี