เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 167 เสี่ยวเป่าถือไม่ไหวแล้วเพค
บทที่ 167 เสี่ยวเป่าถือไม่ไหวแล้วเพคะ
ตุ๊กตารูปแบบใหม่ที่ปรับปรุงแล้วถูกสร้างขึ้นจากจินตนาการของเขา มันดูมีชีวิตชีวากว่าตัวอื่น ๆ ก่อนหน้า เพราะได้รับแรงบันดาลใจมาจากน้องสาว อีกทั้งยังเพิ่มบางอย่างให้ตุ๊กตาดูคล้ายนางด้วย
อย่างเช่นดวงตากลมโตและพวงแก้มอวบอิ่ม
เสี่ยวเป่าดวงตาเบิกกว้างเมื่อได้เห็นตุ๊กตาตัวขนาดประมาณแขนตนเอง
“สวยมากเลยเพคะ!”
หนานกงฉีอวิ๋นอารมณ์ดีขึ้นหลังจากได้รับคำชม แต่ในไม่ช้า สีหน้าของเขาก็ฉายแววรู้สึกผิด
“เสี่ยวเป่า ข้าขอโทษที่ทำลายตุ๊กตาที่ดูคล้ายเจ้าไปก่อนหน้านี้”
เสี่ยวเป่ามองพี่ชายด้วยความไม่เข้าใจ “เพคะ?”
“หมัวมัวบอกว่าตุ๊กตาที่เหมือนมนุษย์เกินไปจะนำโชคร้ายมาให้ นางยังเล่าเรื่องอาถรรพ์ให้ข้าฟังมากมาย มันน่ากลัวมาก ข้าจำเป็นต้องทำลายตุ๊กตาตัวที่ดูเหมือนเจ้าทิ้งไป”
เสี่ยวเป่าเอียงศีรษะ นางไม่เชื่อเรื่องเหล่านั้นสักนิด
“ท่านพี่สามเป็นอะไรหรือไม่เพคะ ท่านพี่…ชอบตุ๊กตาพวกนี้มาก”
หนานกงฉีอวิ๋นลูบหัวกลมของน้องสาว “แต่ข้าทำแบบอื่นแทนได้”
ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม หากมันเป็นไปได้ว่าจะเป็นอันตรายต่อน้องสาว เขาก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น
“ตัวที่เจ้านำมาคืนและตัวที่มอบให้พี่รองไปไม่สามารถเอาคืนมาได้แล้ว”
เสี่ยวเป่า “ทั้งพี่รองและเสี่ยวเป่าชอบตุ๊กตามากเพคะ”
เสี่ยวเป่ากอดตุ๊กตาที่พี่สามเป็นคนทำเอาไว้อย่างหวงแหน จะมีผู้ใดไม่ชอบตุ๊กตางดงามอ่อนช้อย ทั้งยังสามารถเปลี่ยนทรงผมและเสื้อผ้าได้เช่นนี้?
เมื่อเห็นว่าน้องสาวชอบ หนานกงฉีอวิ๋นจึงมอบมันให้นาง
“ไม่เป็นไรเพคะ ท่านพี่สามชอบตุ๊กตาตัวนี้ ซ้ำยังใช้เวลาทำตั้งนาน”
เสี่ยวเป่าไม่ต้องการเอาของของพี่ชายมา
หนานกงฉีอวิ๋น “ข้ายังทำอย่างอื่นได้อีก ตัวนี้สำหรับเจ้า แล้วก็มีของเล่นอย่างอื่นอีกมากมายนัก เลิกเรียนแล้ว น้องหญิงกลับไปที่ตำหนักข้าด้วยกันสิ”
เสี่ยวเป่าพยักหน้า แต่ยังคงมีบางสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจเด็กหญิง
เจ้าตัวน้อยไม่อาจอยู่เฉย ๆ ได้อีกต่อไป นางเริ่มพูดเจื้อยแจ้วเรื่องที่ท่านพ่อห้ามไม่ให้กินขนมก่อนออกมา และเรื่องนี้ก็ทำให้นางรู้สึกขุ่นเคืองใจอยู่เล็กน้อย
หลังจากพูดจบ เด็กเล็กก็หันหน้าไปถามความเห็น “ท่านพี่สามคิดว่าท่านพ่อทำเกินไปหรือไม่เพคะ”
หนานกงฉีอวิ๋น “…”
เขาจะโต้แย้งอะไรได้ นอกจากพยักหน้าตามเท่านั้น
พอได้ฟ้องพี่ชายแล้ว เสี่ยวเป่าก็ลืมเรื่องเหล่านี้ไป และเดินออกจากห้องเรียนพร้อมกับพี่ชายอย่างมีความสุข
“มีวันหยุดสามวัน พวกท่านพี่น่าจะไปที่นาหลวงกับเสี่ยวเป่าพรุ่งนี้”
“เจ้าจะไปทำอะไรที่นาหลวง?”
“ท่านพ่อบอกว่าข้าวออกรวงแล้ว พวกปลาก็โตแล้วเช่นกัน ไปกินปลาย่างด้วยกันดีหรือไม่เพคะ”
หนานกงฉีอวิ๋นไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับการปลูกข้าวมากนั เขาจึงแค่พยักหน้าตามเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ต้องถามเสด็จพ่อก่อน”
เสี่ยวเป่าตบหน้าอกและรับอาสา “เดี๋ยวเสี่ยวเป่าจะไปถามท่านพ่อเอง”
“เจ้าไม่ได้โกรธเสด็จพ่ออยู่หรือ?”
เจ้าก้อนแป้งตอบอย่างใสซื่อ “เสี่ยวเป่าบอกท่านพ่อแล้วว่าจะโกรธแค่วันเดียว พรุ่งนี้ก็หายแล้วเพคะ”
หนานกงฉีอวิ๋น “…เช่นนี้…ก็ได้หรือ?”
นับว่าได้เปิดประสบการณ์ใหม่จริง ๆ
แม้ตำหนักขององค์ชายสามจะอยู่ค่อนข้างไกล แต่ระหว่างที่สองพี่น้องเดินไปด้วยกัน เสี่ยวเป่าหาได้มีทีท่าอิดออดแม้แต่น้อย นางมีถวนจื่อเดินตามหลังไปด้วย หากแต่ถวนจื่อดูไม่อยากจะเดินเท่าไหร่นัก มันจึงวิ่งตรงไปข้างหน้าแล้วแสร้งทำเป็นล้มลงกับพื้น
เสี่ยวเป่าคิด: เจ้าเองก็เล่นละครเป็นด้วยหรือนี่
หนานกงฉีอวิ๋นตกใจ “เป็นอะไรหรือไม่?”
เสี่ยวเป่าสะกิดถวนจื่อ “ลุกขึ้นเร็วเข้า อย่ามาเล่นละครนะ!”
“ฮู่วฮู่ว~~”
หากแต่ถวนจื่อไม่ยอมลุกขึ้นมา เพราะต้องการให้คนอุ้ม
สุดท้ายแล้วก็ไม่มีทางอื่น เจ้าก้อนแป้งขาวดำถูกกงกงอุ้มขึ้นมา และเดินตามหลังพี่น้องไป
เสี่ยวเป่าบ่นพึมพำ “ตัวมันตั้งใหญ่ ไหนจะยังอ้วนกลมมากอีก เสี่ยวเป่าไม่รู้ว่าจะลดน้ำหนักมันอย่างไรแล้ว!”
ถวนจื่อนอนกินต้นไผ่อยู่ในอ้อมแขนของกงกงอย่างสบายใจ
“องค์ชายสามเสด็จกลับมาแล้วหรือเพคะ องค์หญิงเก้าก็เสด็จมาที่นี่ด้วย”
ตำหนักฉางซิ่นดูวังเวงเงียบเชียบ หมัวมัวและขันทีชรารู้ว่าองค์ชายจะกลับมาจากการเล่าเรียน จึงได้รออยู่หน้าตำหนักเป็นเวลานาน และเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของสองพี่น้องก็รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องดีนัก
“องค์ชาย องค์หญิงเก้า ทรงหิวหรือไม่เพคะ หม่อมฉันจะให้สี่เชวี่ยไปเตรียมสำรับที่ห้องเครื่อง”
หนานกงฉีอวิ๋นกล่าวตอบ “รบกวนอวิ๋นหมัวมัวและหลี่กงกงด้วย”
“หามิได้เพคะ นี่เป็นหน้าที่ของหม่อมฉัน”
ทั้งสองเป็นข้ารับใช้อาวุโสในตำหนักฉางซิ่น คอยเฝ้าดูองค์ชายสามเติบโตมาตลอด และรู้สึกต่อองค์ชายอย่างลึกซึ้งไม่ต่างจากบุตรในอุทรของตนเอง
เสี่ยวเป่าทักทายพวกเขาอย่างสุภาพ จากนั้นก็ตามพี่สามเข้าไปด้านใน
อวิ๋นหมัวมัวกระตือรือร้นมาก นางเลือกสรรแต่ของดีมากมายมาต้อนรับเสี่ยวเป่า
อาจจะดูเป็นการประจบประแจงไปบ้าง แต่ทั้งหมดนี้ก็เพื่อประโยชน์แก่องค์ชายสาม
นางทราบว่าองค์หญิงเก้าให้ความช่วยเหลือแก่องค์ชายสามไว้มาก จึงอยากให้ความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้งสองพระองค์คงอยู่ไปนาน ๆ
ว่ากันตามตรงแล้ว พวกเขาไม่ได้หวังให้องค์ชายสามเข้าไปพัวพันในวังวนแก่งแย่งชิงบัลลังก์ ภายภาคหน้าหากพระองค์เป็นเพียงองค์ชายเงียบ ๆ แต่มีชีวิตที่สงบสุข เท่านี้เหล่าข้ารับใช้และพระมารดาผู้ล่วงลับของพระองค์ก็สบายใจแล้ว
“อวิ๋นหมัวมัวมีอะไรก็ไปทำเถิด ข้าจะเล่นกับเสี่ยวเป่าเอง”
“เพคะ หากองค์หญิงเก้าทรงต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม เรียกใช้หม่อมฉันได้ตลอดเวลาเลยนะเพคะ”
จากนั้นนางก็ขอตัวออกไป
“ข้าไม่ได้มีอาหารว่างอะไรมากนัก มาลองกินสิ”
ทั้งหมดเป็นผลไม้ตากแห้งที่สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน
เสี่ยวเป่าไม่เกรงใจหยิบบ๊วยขึ้นมากินทันที
“เย้! เสี่ยวเป่าได้กินขนมแล้ว”
รสชาติเปรี้ยวอมหวานทำให้เสี่ยวเป่ามีสีหน้าเบิกบานด้วยความยินดี หนานกงฉีอวิ๋นเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มตาม
“เจ้าหิวมากขนาดนั้นเชียวหรือ?”
เสี่ยวเป่าตอบรับในลำคอ “เสี่ยวเป่าไม่ได้กินมาเกือบหนึ่งชั่วยามแล้วเพคะ”
ท่านพ่อบอกว่าห้ามกินอะไรอีกภายในหนึ่งชั่วยาม
ระหว่างที่กินอยู่นั้น หนานกงฉีอวิ๋นก็พาเจ้าตัวเล็กไปที่ห้องงานฝีมือไม้ของตนเอง
อวิ๋นหมัวมัวหัวใจจะวายเมื่อทราบเรื่อง
“องค์ชายพาองค์หญิงเก้าไปทำอะไรในนั้น”
นางรีบหันไปรอบ ๆ “หากฝ่าบาททรงทราบเรื่องที่องค์ชายทำสิ่งเหล่านี้แล้วไม่พอพระทัยขึ้นมาจะทำอย่างไร”
หลี่กงกงเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจ “คงไม่เป็นอะไรหรอก ที่ผ่านมาองค์ชายก็ทรงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับมาตลอด หากพาองค์หญิงเก้าไปที่นั่นด้วยพระองค์เอง ก็แสดงว่าทั้งสองพระองค์น่าจะสนิทสนมกันมาก นั่นถือว่าเป็นเรื่องดีนะ”
นี่เป็นเรื่องดีจริง ๆ เพราะพระองค์ก็จะไม่เชิญใครมาที่ตำหนักนี้ ยกเว้นวันพระราชสมภพ และหากไม่ใช่วันสำคัญ องค์ชายองค์อื่น ๆ ก็จะไม่ค่อยทราบนักว่าองค์ชายสามอยู่ที่ใด
เป็นเรื่องแปลกที่องค์หญิงน้อยเสด็จมาที่นี่ และยังไปที่ห้องนั้นอีกด้วย นี่ต้องเป็นความสัมพันธ์ที่ดีมากแน่นอน
“พระโพธิสัตว์โปรดคุ้มครองด้วย อย่าให้มีเรื่องไม่ดีเลย”
ระหว่างที่ข้ารับใช้ชราทั้งสองกำลังกังวลว่าอย่าให้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
เสี่ยวเป่ากลับพบว่านางไม่เคยได้เห็นอะไรที่น่าสนใจเท่านี้มาก่อน
นก แมลงปอที่บินได้ ม้า แมว และสุนัขที่วิ่งไปมาบนพื้นได้
ทั้งหมดทำมาจากท่อนไม้ธรรมดา แต่พวกมันกลับขยับไปมาได้ราวกับมีชีวิตขึ้นด้วยมือของพี่ชายผู้เงียบสงบและอมทุกข์ผู้นี้
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่หนานกงฉีอวิ๋นหวงแหนอยู่เสมอ แต่มันกำลังถูกส่งให้เสี่ยวเป่าถือเอาไว้ในมือ
“สีของแมวตัวนี้สวยกว่ามาก เสี่ยวเป่าเอาตัวนี้ไป นกตัวนี้ก็บินได้สูงกว่าตัวอื่น งูตัวนี้เคลื่อนไหวได้ไกลที่สุด นี่…”
เสี่ยวเป่า “เสี่ยวเป่าถือไม่ไหวแล้วเพคะ QAQ”
นี่มันมากเกินไป
หนานกงฉีอวิ๋นยิ้มอย่างมีความสุข “ไยไม่หาคนมาช่วยขนไปที่ตำหนักของเจ้าล่ะ”
เสี่ยวเป่ามองข้าวของหลายชิ้นที่อยู่ตรงหน้า ท่านพี่สามตั้งใจจะยกทั้งหมดนี้ให้นางงั้นหรือ!