เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 193 พี่รองกลับมาแล้ว
บทที่ 193 พี่รองกลับมาแล้ว
บทที่ 193 พี่รองกลับมาแล้ว
ข่าวจากเมืองหลวงเดินทางด้วยม้าเร็วใช้เวลาเพียงห้าวันก็ไปถึงชายแดน
หนานกงฉีโม่ได้รับจดหมายจากพี่ใหญ่ของตนก่อน เนื้อความในจดหมายเขียนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงของวังหลวง แม้จะเขียนอย่างเป็นกลาง ทั้งยังไม่พูดถึงการกระทำของอี๋กุ้ยเฟย แต่หนานกงฉีโม่ที่ฉลาดหลักแหลมก็แทบจะทายถูกในทันทีว่าเป็นฝีมือของผู้ใด
เขาขยำจดหมายในมือทิ้งทันทีที่อ่านจบ
“นางกล้าดีอย่างไร!”
แววตาของชายหนุ่มลุแก่โทสะ เขาอุตส่าห์ดั้นด้นหนีไปจากเมืองหลวง มันก็ชัดเจนแล้วว่าเขาหมายความเช่นไร เขาไม่มีวันต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัลลังก์ แต่เหตุใดนางถึงไม่ยอมแพ้ แล้วก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้นเสียที
โชคยังดีที่เสี่ยวเป่าปลอดภัย
เมื่อเห็นข้อความในจดหมายเขียนบอกว่า เสด็จพ่อจัดการกับเสด็จแม่ของตนอย่างไร หนานกงฉีโม่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ถูกกักบริเวณก็ดีเหมือนกัน ถึงอย่างไรนางก็เป็นมารดาผู้ให้กำเนิด ต่อให้ในใจจะกล่าวโทษและไร้เยื่อใยต่อนางเพียงใด แต่เขาก็ไม่อำมหิตถึงขั้นต้องการให้นางตาย
ขอเพียงอี๋กุ้ยเฟยไม่ก่อเรื่องวุ่นวายอีก ต่อให้นางถูกขังอยู่ในพระราชวัง และต้องเลี้ยงดูนางไปชั่วชีวิต
เขาก็ยินดี
แต่หากว่านางยังดื้อรั้นต่อไป แล้วถูกเสด็จพ่อลงโทษอย่างหนัก ถึงตอนนั้นหนานกงฉีโม่เองก็ไม่แน่ใจว่าตนเองจะร้องขอความเมตตาให้นางหรือไม่
ชายหนุ่มวางจดหมายในมือ เขาข่มตาหลับไม่ลงตลอดทั้งคืน เรื่องนี้ทำเอาหัวใจของเขาหนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออก
หนานกงฉีโม่เตรียมรอรับจดหมายที่ส่งมาจากจวนเซวียนผิงโหว แต่เขาไม่คาดคิดว่าจดหมายจะมาพร้อมกับข่าวการสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงไท่จ่าง
ในทีแรกคิดว่าตนอ่านผิดไป เขาจึงอ่านจดหมายซ้ำอีกครั้ง ถึงได้แน่ใจว่าตนอ่านไม่ผิด เวลาเพียงไม่นาน องค์หญิงไท่จ่างก็สิ้นพระชนม์แล้วหรือ?
เมื่อเป็นท่านยาย หนานกงฉีโม่ก็รู้สึกสับสนว้าวุ่นขึ้นมาทันที
นางดีกับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย แต่นั่นเป็นเพราะหนานกงฉีโม่เป็นองค์ชาย การทำดีเหล่านั้นล้วนแฝงไปด้วยผลประโยชน์
แต่ถึงอย่างไรองค์หญิงไท่จ่างก็เป็นคนในครอบครัว เขาจำต้องกลับไปเคารพศพนาง
บัดนี้หนานกงฉีโม่ไม่มีเวลาให้คิดมากมาย และเขาก็ไม่ได้คาดคิดด้วยว่าท่านลุงของเขาจะกล้าวางยาพิษองค์หญิงไท่จ่าง
ชายหนุ่มจัดแจงธุระทางด้านชายแดนเรียบร้อยแล้ว ก็ควบม้าออกไปทันทีพร้อมกับผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง
…
ณ พระราชวัง
“พี่รองจะกลับมาแล้วหรือ?”
ตาดวงกลมโตของเสี่ยวเป่าฉายแววประหลาดใจทันทีที่ได้รู้ข่าว นางใช้มือดึงหัวมันเทศขึ้นมาสุดแรง มันเทศลูกโตสามหัวที่มีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือของผู้ใหญ่ลอยขึ้นจากพื้นดิน
มันเทศหัวใหญ่อวบอ้วน ทั้งยังมีโคลนเปรอะ นอกจากสามหัวที่ดึงขึ้นมา ก็ยังมีอีกหลายหัวที่ฝังอยู่ใต้ดินอ่อนนุ่ม
แม้ว่าหนานกงฉีซิวจะนั่งอยู่บนรถเข็น แต่ก็สามารถเอื้อมมือไปคว้าเจ้าตัวน้อยที่คะมำอยู่บนพื้นได้
เสี่ยวเป่าไม่สนใจก้นน้อย ๆ ที่เจ็บเพราะหกล้ม แววตาเป็นประกายจ้องไปที่พี่ใหญ่ของตนและถามต่อ
“พี่ใหญ่ไม่ได้โกหกเสี่ยวเป่าใช่หรือไม่? พี่รองจะกลับมาเมื่อใดหรือ? แล้วจะมาถึงเมื่อไหร่?”
เสียงออดอ้อนของเจ้าก้อนแป้งฟังดูร้อนรนนัก
หนานกงฉีซิวใช้นิ้วเกาจมูกน้อย ๆ ของนาง “คิดถึงพี่รองของเจ้าเพียงนั้นเชียว?”
เสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างสัตย์จริง “คิดถึงสิ เสี่ยวเป่าไม่ได้เจอพี่รองตั้งนานแล้วนะ”
“คาดว่าอีกสามวันคงจะเดินทางมาถึง” น้องรองไม่ได้พาคนมาเยอะ อีกทั้งสัมภาระก็มีไม่มาก จึงใช้เวลาเดินทางไม่นาน
เสี่ยวเป่าดีใจจนยิ้มแป้น กระโดดโลดเต้นรอบตัวพี่ใหญ่พลางลากมันเทศในมือไปด้วย
“นี่น่ะหรือพืชที่เจ้าบอก?”
สายตาของหนานกงฉีซิวมองไปที่มือของเด็กน้อย
เสี่ยวเป่าร้องตอบ และชูมันเทศขึ้นให้ดู
“ใช่แล้ว ๆ เสี่ยวเป่ากินแค่หัวเดียวก็อิ่มแล้ว หนึ่งเถาของมันมีตั้งหลายหัว”
แต่กินมันเทศบ่อย ๆ คงไม่ดีเท่าไหร่ หากกินมากเกินไปจะทำให้ผายลมได้
เสี่ยวเป่าบอกข้อเสียของการกินมันเทศเยอะเกินไปออกมาตรง ๆ
“แต่ว่าห้ามกินบ่อยนะ กินเยอะแล้วตดเหม็น”
หนานกงฉีซิว “…”
เขาพูดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ให้คนขุดมันเทศขึ้นมาจนหมด
แม้ว่าเสี่ยวเป่าจะปลูกพืชพวกนี้ไว้บนแปลงดิน แต่ก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ถึงจะไม่ใช่สวนดอกไม้ ทว่าสวนผักที่เป็นระเบียบเรียบร้อยเช่นนี้ ดูไปแล้วก็เพลินตาทีเดียว
โดยเฉพาะทุ่งหญ้าที่ขึ้นงดงามอยู่ไม่ไกล จะเห็นว่าต้นหญ้าพวกนั้นสูงกว่าน่องเล็กน้อย กวางน้อยสีขาวเดินเล่นสบายใจเฉิบ นอกจากนี้ ยังมีเจ้าถวนจื่อกำลังนั่งเล่นอยู่บนพื้นหญ้า โดยมีอาหารมากมายกองอยู่ข้างลำตัวของมัน
ผู้คนต่างก็ชอบหมีแพนด้าตัวอ้วนกลมและขนปุกปุย ถวนจื่อทั้งเชื่องช้าและขี้เกียจ ไม่มีใครในสวนนี้ที่จะไม่ชอบมัน ยามปกติก็มักจะนำของติดไม้ติดมือไปให้มันกินอยู่เสมอ มีทั้งไม้ไผ่ ผัก และผลไม้หลากหลายชนิด ตราบใดที่พวกเขามีและเป็นของที่ถวนจื่อกินได้ ก็อดใจไม่ไหวต้องเอาไปให้มันกินทุกที
ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่เจ้าถวนจื่อไม่เคยขาดแคลนเลยก็คืออาหาร ต่อให้รอบตัวของมันจะไม่มีอะไรให้กิน เจ้าหมีแพนด้าก็จะนอนราบลงบนพื้นหญ้าและเริ่มใช้อุ้งเท้าดึงหญ้างอกงามใส่เข้าปากอย่างมีความสุข
แม้ว่าไผ่ที่เสี่ยวเป่าสั่งให้คนปลูกจะยังไม่งอก แต่ด้วยของว่างและหญ้ามากมายพวกนี้ ถวนจื่อจึง
ไม่เคยต้องทนหิวเลยสักวัน
ตำหนักฉินเจิ้งนั้นเข้มงวดมาก เสด็จพ่อของเขาเองก็มีนิสัยค่อนข้างจริงจัง ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ดูแล้วเรียบง่ายต่างก็ให้ความรู้สึกหรูหราและเคร่งครัดพอดู
ทว่าโถงปีกข้างที่อยู่ไม่ห่างจากตำหนักฉินเจิ้ง กลับให้ความรู้สึกสดชื่นเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง
มองอย่างไรก็ไม่เข้าคู่กันแท้ ๆ แต่ก็เหมือนกับเสด็จพ่อและเสี่ยวเป่านั่นแหละ กลมกลืนเป็นอย่างดี
ขณะที่หนานกงฉีซิวมองกวางและแพนด้าที่กำลังหยอกล้อกันบนสนามด้วยท่าทางผ่อนคลาย มันเทศที่ล้างจนสะอาดหมดจดก็ถูกนำเข้ามา
เขาเงยหน้าขึ้นมอง พลันพบว่าหนึ่งเถามีมันเทศถึงสิบสองหัว แม้จะมีขนาดแตกต่างกันไป แต่มันก็มีขนาดเท่ากับฝ่ามือของผู้ใหญ่ ทั้งยังมีน้ำหนักมาก
“เจ้านี่มันกินอย่างไรหรือ?”
เสี่ยวเป่านับทีละนิ้ว “จะต้มหรือเผาก็ได้ทั้งนั้น หรือใส่ลงไปต้มกับโจ๊กก็ได้เหมือนกัน มีรสหวานทั้งยังทำให้อิ่ม อ้อ ๆ เอาไปทำเป็นแป้งมันเทศก็ได้นะเพคะ แป้งมันเทศอร่อย แต่ว่าตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว”
“เช่นนั้นให้พวกเขาทำมาอย่างละชนิด เสร็จแล้วพวกเราไปทูลเสด็จพ่อกัน”
หนานกงฉีซิวในฐานะองค์ชายใหญ่ย่อมเฉลียวฉลาดและมีไหวพริบทางการเมือง เพียงได้ฟังสิ่งที่
เสี่ยวเป่าพูดก็จินตนาการได้แล้วว่า มันเทศพวกนี้มีความสำคัญต่อราชวงศ์ต้าเซี่ยของพวกเขาเพียงใด
มันเทศถูกยกไปยังห้องเครื่อง วิธีทำนั้นง่ายมาก เสี่ยวเป่าสอนชุนสี่แค่ครั้งเดียวก็จำได้หมดแล้ว
ส่วนเสี่ยวเป่าก็พาพี่ชายไปดูผลงานการถักเสื้อของเหล่านางกำนัล
สำหรับสิ่งที่ไม่ใช่พืชพันธุ์ เสี่ยวเป่าได้เรียนรู้มาเพียงนิดหน่อยเมื่อครั้งท่องเที่ยวอยู่ในโลกมนุษย์ แต่นางไม่รู้วิธีสร้างสรรค์มัน
งานฝีมือต้องใช้ความเชี่ยวชาญ เสี่ยวเป่าปั่นด้ายและถักทอเสื้อไม่เป็น หน้าที่เหล่านี้จึงตกเป็นของนางกำนัลที่เก่งงานเย็บปักถักร้อย
งานปั่นด้ายไม่ยากเท่าใดนัก ขนแกะที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีและทำความสะอาดหมดจด ถูกหวีจนเรียบตรง จากนั้นนางกำนัลก็จะค่อย ๆ ปั่นขึ้นเป็นไหมพรม
ขนสีขาวราวหิมะหยาบบ้างละเอียดบ้างปะปนกันไป ขนแกะที่หยาบจะถูกนำไปทำเป็นด้ายหนา เสี่ยวเป่าตั้งใจจะใช้มันทำเป็นหมอนหรือไม่ก็เบาะรองนั่ง
ส่วนไหมพรมที่ปั่นขึ้นจากขนแกะอ่อนนุ่มจะมีลักษณะเป็นเส้นเล็กบาง เนื่องจากเสื้อขนสัตว์ที่ถักด้วยไหมเส้นเล็กมีความหนาแน่นทำให้ลมผ่านได้ยาก และช่วยให้ความอบอุ่น ทั้งยังดูดีเวลาสวมใส่
เสี่ยวเป่าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการถักเสื้อขนสัตว์ รู้เพียงว่าต้องใช้เข็มถักที่เรียวยาว ส่วนต้องถักอย่างไรนั้น นางเองก็ไม่รู้ ดังนั้นเด็กน้อยจึงให้เหล่านางกำนัลศึกษาหาวิธีกันเอง และหากพวกนางทำสำเร็จก็จะมีรางวัลให้
หลังจากใช้ความพยายามอยู่หลายวัน ในที่สุดนางกำนัลคนหนึ่งก็ทำได้สำเร็จ
หงซิ่วเป็นนางกำนัลที่เชี่ยวชาญการถักตาข่าย วิธีถักเสื้อขนสัตว์ก็เป็นนางที่ค้นคว้าได้เป็นคนแรก ด้วยเหตุนี้ องค์หญิงจึงตกรางวัลให้นางสิบตำลึงเงิน ผู้อื่นต่างก็พากันอิจฉาตาร้อน
เสื้อขนสัตว์ตัวแรกที่ใช้ไหมพรมระดับกลางถูกถักทอขึ้นด้วยมือของนาง
เนื่องจากเป็นการลองทำครั้งแรก นางจึงไม่กล้าใช้ไหมที่ดีที่สุด เพราะกลัวว่าจะทำให้ไหมพรมต้องเสียของ
แต่ข้อดีของการถักเสื้อขนสัตว์ด้วยไหมพรมก็คือ ต่อให้มีจุดที่ถักผิด เพียงแค่เลาะออกก็สามารถนำมาใช้ต่อได้แล้ว
หงซิ่วใช้ทักษะการถักตาข่ายของนาง ในที่สุดเสื้อขนสัตว์ทดลองตัวแรกก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
เสื้อขนสัตว์สีขาวสะอาดสะอ้านตา ยาสมุนไพรที่เสี่ยวเป่าเตรียมไว้ไม่เพียงช่วยขจัดกลิ่นสาบของขนแกะ แต่ยังช่วยให้ขนที่หยาบกระด้างนุ่มขึ้นด้วย
แม้ว่าเสื้อขนสัตว์ตัวนี้จะทำจากไหมพรมระดับกลาง แต่กลับให้สัมผัสนุ่มนวลและเบามือยิ่ง