เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 210 แว้งกัด
บทที่ 210 แว้งกัด
บทที่ 210 แว้งกัด
หงกูเหนียง “ท่านใส่ร้ายผู้อื่น! ข้ากับองค์หญิงไท่จ่างไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน ทั้งข้ายังเป็นบ่าวคนสนิทของนาง ข้าจะวางยาพิษนางได้อย่างไร!”
เซวียนผิงโหวฮูหยินแสยะยิ้มเยือกเย็น “ไม่แน่ว่าเป็นเพราะเจ้ารู้มากเกินไป ผู้ใดจะไปรู้เล่า”
“ฝ่าบาทโปรดให้ความเป็นธรรมด้วยเพคะ บ่าวไม่มีเจตนาทำร้ายองค์หญิงไท่จ่างอย่างแน่นอนเพคะ”
“ข้าน้อยก็เช่นกัน ข้าน้อยเป็นเพียงหมอชาวบ้าน ความรู้มีเพียงน้อยนิด ไม่มีความสามารถถึงขั้นวางยาพิษองค์หญิงไท่จ่างได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ”
ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็รู้สึกสับสน เพราะแต่ละคนยึดมั่นในคำพูดของตนเอง แม้ว่าเซวียนผิงโหวฮูหยินจะดูเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบายและน่าสงสัยไม่น้อย แต่ตามคำพูดของนางก็มีส่วนเป็นไปได้ ในเมื่อไม่มีหลักฐาน ก็ไม่มีผู้ใดพิสูจน์ได้ว่าการตายขององค์หญิงไท่จ่างเป็นฝีมือของผู้ใดกันแน่
ส่วนเซวียนผิงโหวก็นิ่งเป็นหิน พลางมองภรรยาของตนถูกกล่าวหาอย่างเฉยเมย เหอะ! ชายผู้นี้ใจดำเกินไปแล้ว
หนานกงสือเยวียน “ในเมื่อพวกเขาพิสูจน์ไม่ได้ แล้วนางเล่า”
คนผู้หนึ่งถูกนำตัวออกมา ทันทีที่เซวียนผิงโหวฮูหยินเห็นว่าเป็นผู้ใด นางก็ถึงกับหน้าถอดสีแทบทรงตัวไม่อยู่
เป็นไปได้อย่างไร นางตายไปแล้วมิใช่หรือ!?
“ถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ”
เซวียนผิงโหวฮูหยินจ้องสาวใช้นางนั้นตาเขม่งเหมือนไม่เข้าใจว่าไยเรื่องถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ที่แท้…ฝ่าบาททรงรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว! เหตุการณ์ในยามนี้เป็นการจัดฉาก หมายจะจัดการเซวียนผิงโหวให้สิ้นซาก!
หนานกงสือเยวียน “พูดความจริง”
“เพคะ บ่าวเคยเป็นสาวใช้ข้างกายเซวียนผิงโหวฮูหยิน ทุกคนในจวนเซวียนผิงโหวสามารถเป็นพยานให้บ่าวได้ ว่าองค์หญิงไท่จ่างถูกเซวียนผิงโหวและฮูหยินวางยาพิษ ยาพิษนั่นนางก็เป็นคนสั่งให้บ่าวไปซื้อ ทว่าหลังจากองค์หญิงไท่จ่างสิ้นพระชนม์ นางก็ส่งคนไปฆ่าปิดปากบ่าว ทว่าโชคไม่เข้าข้างคนชั่ว ความปรารถนาของฮูหยินจึงไม่เป็นผล เพราะบ่าวได้รับการช่วยเหลือจนรอดตายมาได้”
ที่คอของนางยังมีรอยรัดให้เห็นอย่างชัดเจน ทั้งเสียงเองก็แหบพร่า พิสูจน์ได้ว่านางไม่ได้โกหก
“โหวฮูหยินมอบเงินสำหรับซื้อยาพิษให้บ่าวเองกับมือ บ่าวกลัวว่าจะมีคนจำได้ จึงสวมเสื้อคลุมและออกไปซื้อในตอนกลางคืน หากไม่อยากปักใจเชื่อเพียงคำพูดของบ่าว ก็สามารถสอบถามคนที่ร้านขายยาก็ได้ พวกเขาต้องจำได้เป็นแน่ บ่าวเป็นเพียงสาวใช้ผู้หนึ่ง เดิมทีก็ไม่มีเรื่องหมางใจกับองค์หญิงไท่จ่าง ยิ่งไม่มีทางวางยานางเพราะความคับข้องใจส่วนตัว ที่ทำไปทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้คำสั่งของนาย”
พูดจบนางก็ก้มคำนับอย่างสุดซึ้ง “ฮูหยิน เป็นพวกท่านที่ไม่ใจดีกับข้าก่อน อย่าโทษว่าบ่าวอกตัญญูเลยนะเจ้าคะ”
ฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ บ่าวรับใช้ต่างก็รีบวิ่งมาพร้อมกับร่มในมือ
เสี่ยวเป่าอยู่ในอ้อมกอดพี่ใหญ่ใต้ร่มคันเดียวกัน ฟังบทสนทนาสุดแสนจะครึกครื้นรอบ ๆ ตัว
“ที่แท้สองสามีภรรยา เซวียนผิงโหวและฮูหยินเป็นผู้วางยาเองหรือนี่ ช่างเป็นการกระทำของเดรัจฉานเสียจริง!”
“โอ้สวรรค์ ข้าไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะเป็นคนเช่นนี้ องค์หญิงไท่จ่างไม่เพียงแต่ได้ชื่อว่าเป็นมารดาของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นพระญาติของฝ่าบาทด้วย เหตุใดพวกเขาถึงได้กล้าดีถึงเพียงนี้”
“เพียงเพื่อถ่วงเวลาถึงกับลงมือวางยามารดาตนเอง จิ๊จิ๊ ไม่นึกเลยว่าพวกเขาจะกล้าทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้”
“ไร้จิตสำนึกสิ้นดี ข้าว่าฝ่าบาทให้บุตรอกตัญญูสองคนนี้รับโทษหน้าหลุมศพองค์หญิงไท่จ่างในวันนี้ก็ดีแล้ว องค์หญิงไท่จ่างจะได้จากไปอย่างสงบเสียที”
หนานกงสือเยวียนมองคนทั้งสองด้วยสายตาเยือกเย็น “พวกเจ้ามีข้อแก้ตัวอันใดก็พูดมา”
เมื่อเห็นแววว่าทุกอย่างจะจบสิ้นแล้ว เซวียนผิงโหวฮูหยินก็ได้แต่ทำหน้าสลดหดหู่ใจ
ทันใดนั้นเอง เซวียนผิงโหวที่เคยนิ่งเป็นหินก็รีบโยนความผิดทั้งหมดให้กับภรรยาของตนทันที
“เรื่องนี้กระหม่อมมิได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งหมดเป็นแผนการของนาง เป็นความคิดของนางผู้เดียว กระหม่อมเองก็ไม่อยากทำเช่นนี้ เป็นนางที่บังคับกระหม่อม ฝ่าบาททรงเห็นแก่หน้ามารดา อภัยให้กระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
เซวียนผิงโหวเสแสร้งแกล้งทำหน้าสำนึกผิด คุกเข่าบนพื้นร้องขอความเมตตา ไม่มีศักดิ์ศรีของบุรุษอกสามศอกเลยสักนิด
เซวียนผิงโหวฮูหยินมองผู้เป็นสามีอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ไวเท่าความคิดนางก็วิ่งไปข่วนหน้าอีกฝ่ายทันที
“ท่านมันคนไร้ค่า! เหตุใดท่านแม่ถึงตาถั่วเลือกให้ข้าแต่งกับเศษสวะไร้ค่าอย่างท่านด้วย! ข้าน่ะหรือบังคับท่าน ข้าที่เป็นเพียงสตรีผู้หนึ่งสามารถเอามีดจ่อคอบังคับท่านได้อย่างนั้นหรือ!”
ไม่ใช่แค่เซวียนผิงโหวฮูหยินเท่านั้น แต่ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นล้วนดูถูกเขาไม่ต่างกัน
บุรุษเช่นนี้ช่างไร้ค่าเสียจริง
“นับจากนี้การหมั้นหมายควรจะต้องตรวจสอบให้ดี ข้าจะไม่ยอมให้บุตรสาวแต่งกับบุรุษไร้ค่าเช่นนี้แน่”
ยามนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าองค์หญิงไท่จ่างถูกเซวียนผิงโหวและฮูหยินวางยาพิษจนตาย
หนานกงสือเยวียนสั่งให้คนไปแยกทั้งสองที่กำลังต่อสู้กัน ทันทีที่พวกเขาแยกจากกัน ก็มีร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาตบหน้าเซวียนผิงโหวฮูหยินอย่างแรง
“นังสารเลว เจ้าวางยาแม่ข้า!”
หลี่เซียงอี๋กระชากผมแล้วตบตีนางอย่างบ้าคลั่ง
“นังต่ำช้า เอาแม่ข้าคืนมานะ!”
เซวียนผิงโหวฮูหยินถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว พอได้สตินางก็รีบสะบัดตัวให้หลุดจากพันธะ เมื่อนางเป็นอิสระจากองครักษ์ที่จับตัวนางไว้ก็เริ่มตอบโต้หลี่เซียงอี๋ด้วยการตบหน้าพลางก่นด่าอีกฝ่ายไม่หยุด
“เจ้าคิดว่าเจ้าสูงส่งนักหรือ ถ้าไม่ใช่เพราะแม่เจ้า หลี่เซียงอี๋! เจ้าก็คงจะเป็นเพียงสนมตำแหน่งเล็ก ๆ ช่างน่าขันเสียจริง หลี่เซียงอี๋ผู้หยิ่งยโสโอหัง แม้แต่ตำแหน่งกุ้ยเฟยก็ยังต้องให้องค์หญิงไท่จ่างผู้เป็นมารดาไปร้องขอมาให้
แล้วก็บุตรสาวของข้า เจ้ามันสารเลว ทำเป็นเอ็นดูบุตรสาวของข้าเป็นนักหนา ที่จริงเจ้าก็แค่ต้องการใช้นางเป็นแพะรับบาปให้เจ้า วาสนาเช่นนี้พวกข้าไม่ต้องการ
หลี่เซียงอี๋เจ้ามันน่าขันยิ่งนัก ป่านนี้ถึงมาทำตัวเป็นบุตรสาวผู้รักใคร่ห่วงใยมารดา ไม่เหมือนตอนที่รู้ว่าฝ่าบาทจะเสด็จมา ตั้งอกตั้งใจแต่งองค์ทรงเครื่องในวันฝังศพมารดาตนเอง เหมือนกลัวผู้อื่นไม่รู้ว่าเจ้าตั้งใจจะยั่วยวนฝ่าบาท นี่หรือความรักที่เจ้ามีต่อมารดา ฮ่า ๆ ช่างน่ารังเกียจเสียจริง!”
หลี่เซียงอี๋ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความเกลียดชัง นางแทบอยากจะกระโจนเข้าไปฉีกปากอีกฝ่าย
“หุบปาก!!!”
“เป็นอันใดไป เพียงข้าพูดแทงใจดำเจ้าก็กลัวแล้วหรือ ตระกูลหลี่ของพวกเจ้าไม่มีดีอันใดเลย พวกเจ้าสองพี่น้อง คนหนึ่งขี้ขลาดไร้ความสามารถ อีกคนหน้าซื่อใจคดเลวทรามต่ำช้า องค์หญิงไท่จ่างผู้นั้นก็ด้วย ทุกคนคงยังไม่รู้สินะว่า เซวียนผิงโหวผู้เฒ่าที่แสนดีถูกนางวางยาพิษจนตาย ฮ่า ๆ!!!”
อย่างไรเสียนางก็ต้องตาย ในเมื่อนางไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เซวียนผิงโหวฮูหยินจึงเปิดเผยเรื่องอื้อฉาวทั้งหมดที่ตนรู้
“ทั้ง ๆ ที่เซวียนผิงโหวผู้เฒ่าก็มีส่วนช่วยเหลือตระกูลมารดาฮองเฮาของนางไว้ แม่สามีคนดีของข้าก็ยังกล้าวางยาพิษเซวียนผิงโหวผู้เฒ่าจนถึงแก่ความตาย เพียงเพื่อความรุ่งโรจน์ของนางและบุตรบุตรี ช่างน่าขันยิ่งนัก สุดท้ายกรรมก็ตามสนอง นางถึงได้ถูกบุตรชายวางยาพิษจนตาย นี่คือสิ่งใด นี่ก็คือผลกรรมอย่างไรเล่า!”
นางยืนท่ามกลางสายฝน ดูเลื่อนลอยจนเหมือนกับว่านางเสียสติไปแล้ว
“แล้วก็เรื่องขององค์ชายใหญ่”
ไม่รอให้ผู้ใดโต้ตอบ นางก็ทิ้งระเบิดลูกใหญ่อีกหนึ่งลูก
ทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘องค์ชายใหญ่’ หลี่เซียงอี๋ก็เบิกตาโพลงด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด พลันรีบสาวเท้าเข้าไปหาอีกฝ่ายหมายจะปิดปากนางเอาไว้ให้มิด
“หยุดพล่ามได้แล้ว นังบ้าหุบปากไปซะ!”
นางรู้ได้อย่างไร นางรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร!!!