เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 237 เหล้าผลไม้
บทที่ 237 เหล้าผลไม้
บทที่ 237 เหล้าผลไม้
ในพริบตานั้นเอง เหล่าผู้ที่ชื่นชอบในสุราก็ไม่อาจนั่งติดที่ได้อีกต่อไป คอยชะเง้อคอต้องการจะมองเข้าไปในถัง
“สุราใดกันถึงมีกลิ่นหอมเช่นนี้ ไม่เคยได้กลิ่นสุราเช่นนี้มาก่อนเลย”
“กลิ่นหอมเช่นนี้ย่อมต้องเป็นสุราชั้นยอด ไม่รู้ว่าองค์หญิงน้อยแห่งต้าเซี่ยไปได้มาจากที่ใดกัน”
“องค์หญิงน้อยดูแล้วอายุเพียงสามปี ทั้งยังได้ยินว่ามารดาของนางเป็นชาวบ้านธรรมดา ๆ เช่นนั้นนางไปนำสุราชั้นยอดเช่นนี้มาจากที่ใด”
“แม้ว่าจะไม่มีการสนับสนุนจากตระกูลมารดา แต่พวกเจ้าอย่าลืมว่านางได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ เหล่าองค์ชาย และท่านอ๋อง นี่นับว่าเป็นการสนับสนุนที่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าตระกูลมารดาตั้งไม่รู้เท่าใด”
“ทว่าไม่มีทางที่พวกเขาจะเก็บสุราเอาไว้ให้องค์หญิงน้อยมาทำเป็นของขวัญเอาหน้าไม่ใช่หรือ อย่างไรเสียแม้จะชื่นชอบองค์หญิงน้อยเพียงใด แต่ในฐานะองค์ชายก็คงไม่ได้โง่งมถึงเพียงนั้นหรอกกระมัง”
“พวกเจ้าพูดสิ่งใดข้าล้วนไม่สนใจ ข้าเพียงแต่อยากลิ้มลองสุราที่มีกลิ่นแรงเช่นนี้ ไม่รู้ว่าฮ่องเต้ต้าเซี่ยจะสามารถให้พวกเราลองดื่มบ้างสักนิดได้หรือไม่”
ยิ่งเปิดฝาถังไม้ทิ้งไว้นานเท่าใด กลิ่นหอมที่ลอยอวลไปทั่วงานเลี้ยงก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นเท่านั้น
หลายคนแทบจะน้ำลายไหลออกมาจากปาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชาวหมาน
ชนเผ่าทุ่งหญ้ารักการร่ำสุรา สิ่งที่พวกเขาชอบคือสุรารสแรง
ทว่าสุราในเหลาอาหารของต้าเซี่ยนั้นรสอ่อนยิ่งกว่าของพวกเขามาก ดังนั้นจึงเป็นหนึ่งในสาเหตุให้พวกเขาสร้างเรื่องในเหลาอาหาร
เหตุผลอีกประการคือพวกเขาไม่พอใจเป็นอย่างมากที่ถูกบังคับให้ลงนามสัญญากับต้าเซี่ย ทั้งยังต้องยอมส่งมอบบรรณาการจำนวนมาก พวกเขาจึงไปร่ำสุราเพื่อต้องการบรรเทาความไม่พอใจ และก็ต้องการจะใช้เรื่องนี้มาดูหมิ่นทำให้ต้าเซี่ยต้องอับอาย
ทว่าพวกเขากลับเตะเข้าแผ่นเหล็ก สร้างความเกลียดชังให้กับเซียวเหยาอ๋อง ทำให้ถูกนำเรื่องในเหลาอาหารหยิบยกมาพูดบนโต๊ะเจรจา จนได้แต่เสียใจในภายหลัง
ยามนี้เมื่อได้กลิ่นหอมของสุรา เหล่าคนผู้มีกล้ามมัดเนื้อแต่ไม่มีสมองกลุ่มนี้ ก็มีเพียงไม่กี่คำวนเวียนอยู่ในหัว
หอม หอมยิ่งนัก…
อยากดื่ม…
คอของพวกเขายืดยาวจนเกือบจะกลายเป็นฉางจิ่งลู่*[1]แล้ว
“เสด็จพ่อ นี่คือเหล้าลูกพลับ ส่วนนี่คือเหล้าองุ่น”
เสี่ยวเป่ารีบวิ่งไปทางถังไม้ นางโน้มตัวก้มมองลงไปในถังก่อนจะเอ่ยแนะนำออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม
ส่วนเหล่าคอสุรา…
กล่าวตามตรงแล้ว ตอนนี้พวกเขาก็ต้องการชะโงกดูด้านในถังสุราเหมือนองค์หญิงน้อย อันที่จริงอยากจะเอาหัวจุ่มลงไปด้านในเสียด้วยซ้ำ
ขณะที่ทุกคนกำลังจับจ้องด้วยตาเป็นประกาย ก็ถูกคำพูดขององค์หญิงน้อยทำให้ตื่นตะลึง
“ทั้งหมดเสี่ยวเป่าเป็นผู้หมักเอง!”
เสียงนุ่มนิ่มที่เอ่ยออกมา ราวกับหย่อนระเบิดลงไป ทำให้พวกเขาเบิกตากว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ จับจ้องไปทางเจ้าก้อนแป้งที่ยังสูงไม่เท่าขาของตนเสียด้วยซ้ำ
“นาง…นางเพิ่งกล่าวสิ่งใดกัน ดูเหมือนข้าจะได้ยินผิดไป”
“องค์หญิง องค์หญิงกล่าวว่าหมักสุรานี่ด้วยตนเอง!”
“เป็นไปไม่ได้! ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน!!!”
“นางอายุเพียงเท่าใดเอง จะเป็นไปได้อย่างไร ต่อให้เป็นอัจฉริยะก็ไม่อาจหมักสุราตั้งแต่อายุเพียงสามขวบได้หรอกกระมัง”
“ประเดี๋ยวก่อน องค์หญิงเจาเสวี่ยเพิ่งแนะนำอันใดไปเมื่อครู่ เหล้าลูกพลับและเหล้าองุ่น สุราเหล่านี้ทำจากผลไม้อย่างนั้นหรือ”
มีคนค้นพบประเด็นสำคัญทำให้ไม่อาจคงความสงบได้
“ผลไม้สามารถทำเป็นสุราได้หรือ”
“สุราไม่ใช่ต้องทำจากธัญพืชหรอกหรือ”
ไม่เช่นนั้นแล้ว พวกเขาจะจำกัดปริมาณการผลิตและไม่อนุญาตให้หมักสุราเป็นการส่วนตัวได้อย่างไร นั่นเป็นเพราะมันกินเสบียงอาหารมากเกินไป
แต่หากสุราสามารถทำขึ้นมาจากผลไม้ได้ เช่นนั้นก็จะยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง!
อีกทั้งกลิ่นหอมของสุรายังมีมากเสียยิ่งกว่าสุราที่รินให้ในงานเลี้ยงวันนี้ ไม่ว่าใครก็คิดอยากลิ้มลอง
ไม่ต้องพูดถึงผู้อื่น กระทั่งหนานกงสือเยวียนและหนานกงหลีเองยังต้องตกตะลึง
เสี่ยวเป่าหมักสุราหรือ
พวกเขาไม่รู้เรื่องนี้เสียด้วยซ้ำ!
ถึงว่า…นางพาคนไปเก็บลูกพลับและองุ่นจำนวนมากในภูเขา หลังจากนั้นแม้พวกเขาไม่รู้ว่าลูกพลับและองุ่นเหล่านั้นไปอยู่ที่ใด แต่ก็ไม่คาดคิดว่านางจะนำมาหมักสุราจริง ๆ
ที่สำคัญสุดคือไม่ได้เพียงแค่ทำสำเร็จธรรมดา แต่ดูแล้วน่าจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
หนานกงสือเยวียนมองใบหน้าน้อย ๆ ที่แสดงความภาคภูมิใจออกมา ดวงตากลมโตสบมองเขาอย่างเปล่งประกายเหมือนกำลังร้องขอคำชม ทำให้ใจของผู้เป็นบิดาอ่อนลงและรู้สึกปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่ง
บุตรสาวตัวน้อยของเขามักจะนำพาเรื่องที่คาดไม่ถึงมาให้เขาเสมอ
“มานี่”
เมื่อหนานกงสือเยวียนกล่าวจบ เจ้าก้องแป้งที่แทบอดรนทนไม่ไหวก็รีบวิ่งตรงไปหาท่านพ่อทันที
ยามนี้ดวงตาของฮ่องเต้ไม่ได้เย็นชาอีกต่อไป ทว่ามีความซาบซึ้งอบอุ่นอยู่ภายในอย่างเห็นได้ชัด
นี่เป็นครั้งแรกที่ราชทูตจากอาณาจักรอื่นเห็นเขาแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมา ทำให้ต่างตกตะลึงไปชั่วขณะ
ส่วนเหล่าขุนนางต้าเซี่ยหาได้แปลกใจกับท่าทีทั้งรักทั้งเอ็นดูพระธิดาของฮ่องเต้ สีหน้าของพวกเขาไม่แปรเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
นี่มีอันใดให้น่าตื่นตกใจกัน
เป็นเพียงเรื่องเล็กเท่านั้น!
หนานกงสือเยวียนสัมผัสศีรษะของนาง ก่อนจะลูบหัวด้วยความเอ็นดู รอยยิ้มบางแสดงให้เห็นถึงความสุข
“ให้คนนำสุรามา”
เสี่ยวเป่าบ่นพึมพำว่า “หากท่านพ่อใช้ถ้วยแก้ว จะดูดีเป็นอย่างยิ่ง!”
แก้วมีความโปร่งใส แต่ก็มีราคาแพงเป็นอย่างยิ่ง
เสี่ยวเป่าที่ได้รู้ราคาเป็นครั้งแรกถึงกับอดเจ็บปวดใจไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าทั้งท่านอาเจ็ดและท่านพ่อมีเครื่องแก้วเก็บเอาไว้ในคลังส่วนตัว
อีกทั้งท่านพ่อยังมีมากกว่าท่านอาเจ็ด!
แต่ยังดีที่เครื่องแก้วเหล่านั้นส่วนใหญ่แล้วล้วนมาจากอดีตฮ่องเต้ ผู้ซึ่งเป็นปู่ของนางได้ทิ้งเอาไว้หลังจากโดนท่านพ่อสังหาร
ส่วนที่เหลือนั้นได้รับมาจากผู้อื่น ในครั้งนี้ก็มีราชทูตบางคนที่นำเครื่องแก้วมาเป็นของกำนัลด้วย
นี่ไม่นับว่าเป็นสิ่งที่มาจากเงินของท่านพ่อ เสี่ยวเป่าจึงไม่ได้เจ็บปวดใจนัก
ดังนั้นในใจของนาง มีเพียงแค่ท่านอาเจ็ดที่เสียเงินไปเสียเปล่า
หลังจากได้ยินคำพูดของเสี่ยวเป่าแล้ว หนานกงสือเยวียนก็สั่งให้คนไปนำถ้วยแก้วมาทันที
รอเมื่อรินสุราใส่แล้ว เขาถึงเข้าใจว่าเหตุใดเสี่ยวเป่าจึงพูดว่าควรใช้ถ้วยแก้ว นั่นเป็นเพราะสีของสุรานั้นงดงามเป็นอย่างยิ่ง!
เหล่าแขกที่ให้ความสนใจทางนี้มาโดยตลอดก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน พวกเขาแสดงสีหน้าราวกับได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนบนโลก
“นี่…ที่แท้ก็เป็นสีม่วง!”
“ไม่เคยพบเคยเห็นสุราสีเช่นนี้มาก่อน งดงามยิ่งนัก…
สุราที่พวกเขาเห็นมา ล้วนไม่มีสีอื่นนอกจากขาวและเหลือง แม้ว่าสุราสีเหลืองจะนับว่ามีสีสัน แต่มองแล้วกลับดูขุ่น อีกทั้งรสชาติก็ไม่ดีเท่ากับสุราสีขาว
ทว่าสุราสีม่วงที่เห็นในตอนนี้ ไม่มีความขุ่นปรากฏแม้แต่น้อย ยังคงใสกระจ่างและโปร่งแสง เมื่อสุราถูกรินออกมา กลิ่นหอมก็เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ชวนให้อยากลิ้มลองมากขึ้น
วิธีการหมักสุราของเสี่ยวเป่านั้นล้ำหน้ายุคสมัยนี้ไปหลายพันปี อีกทั้งวัตถุดิบยังได้รับการหล่อเลี้ยงจากพลังวิญญาณของนาง ระหว่างการบ่มเสี่ยวเป่าก็คอยมาดูทุกวัน ให้สุราทุกถังได้อาบย้อมพลังวิญญาณ
สุราที่บ่มออกมาไม่เพียงทำให้คนในยุคสมัยนี้รู้สึกว่าเป็นสุรารสเลิศเท่านั้น แม้กระทั่งคนยุคหลังจากนี้ก็ยังนับได้ว่าเป็นสุราชั้นสุดยอด
ดังนั้นไม่น่าแปลกใจเลยที่คนเหล่านี้แทบจะควบคุมตนเองไม่ได้
หนานกงสือเยวียนเองก็ไม่คาดคิดว่า เสี่ยวเป่าจะสามารถสร้างความตื่นตะลึงครั้งใหญ่ให้กับเขาได้
เหล้าองุ่นสีม่วง นอกจากจะมีกลิ่นหอมของสุราแล้ว ยังมีกลิ่นหอมขององุ่นอีกด้วย ส่วนอีกฝั่งหนึ่งที่มีสีเหลืองอ่อนใสคือเหล้าลูกพลับ
แม้สุราทั้งสองชนิดจะมีกลิ่นหอมแตกต่างกัน แต่สีสันล้วนดูแล้วสวยงาม เมื่อรินลงถ้วยแก้วแล้วใสสะอาดก็ราวกับสายธารจากขุนเขา ไม่มีตะกอนความขุ่น กลิ่นหอมลอยละล่องไปทั่วจนทำให้ผู้คนในงานเลี้ยงต่างน้ำลายสอ
[1] ฉางจิ่งลู่ (长颈鹿) คือ ยีราฟ