เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 250 ไม่กล้าขยับ
บทที่ 250 ไม่กล้าขยับ
บทที่ 250 ไม่กล้าขยับ
ทว่า…
โดยไม่คาดคิด เมื่อพวกเขาเคลื่อนไหว เจ้าเสือสองตัวก็ไล่ตามมาทันที พวกมันกระโดดข้ามหัวองครักษ์ที่อยู่ข้างหน้าพร้อมกัน จากนั้นก็กระโจนเข้าใส่หนานกงฉีเฉินที่กำลังอุ้มเสี่ยวเป่า
ทุกคนต่างตกตะลึงหน้าซีดกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน บางคนถึงขั้นยกมือขึ้นปิดตาและกรีดร้องเสียงดังลั่นแข้งขาอ่อนปวกเปียกจนล้มลงกับพื้น สั่นเทาไปทั้งตัว
“องค์ชายหก องค์หญิง!”
“พี่หก น้องหญิง!”
แรงกระโดดของสัตว์ร้ายแข็งแกร่งมาก ไม่มีใครคาดคิดว่าพวกมันจะกระโจนข้ามหัวองครักษ์และพุ่งตรงเข้ามาหาพวกเขา ถึงขั้นว่าไม่แม้แต่จะวิ่งเข้าไปหาพวกที่มีกลิ่นผงล่อสัตว์อยู่บนตัว ราวกับว่าเป้าหมายของมันคือหนานกงฉีเฉิน เอ่อ…นี่มันไม่ถูกต้อง!
พวกมันพุ่งชนหนานกงฉีเฉินและเสี่ยวเป่าในอ้อมแขนของเขา
แรงของเสือนั้นมากเกินไป หนานกงฉีเฉินที่ถูกตะครุบปกป้องเสี่ยวเป่าไว้ในอ้อมกอดโดยไม่รู้ตัว เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจของเจ้าสัตว์ร้ายกำลังใกล้เข้ามา สมองของเขาก็พลันว่างเปล่า
เวลานี้เขาไม่ได้คิดถึงสิ่งอื่นใด เพียงแค่หวังให้มีใครสักคนมาช่วยน้องสาวให้รอดออกไปได้
ในยามที่เขากำลังเผชิญกับความสิ้นหวัง กลับไร้วี่แววความเจ็บปวดดังที่คาดเอาไว้ อุ้งเท้าขนาดยักษ์กำลังผลักเขาออก
ใช่แล้ว มันคือการผลักในแบบที่น่ารังเกียจที่สุด
ตัวที่กระโจนเข้าใส่คือเจ้าเสือโคร่งสีดำ อุ้งเท้าของมันมีขนาดใหญ่เท่ากับแผ่นหลังของเขา มันหิ้วร่างเขาขึ้นจากหิมะจากนั้นก็จับพลิกตัว
หนานกงฉีเฉินรีบก้มตัวปกป้องเสี่ยวเป่าไว้ในอ้อมกอด ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เด็กชายตัวโตก็หวาดกลัวจนริมฝีปากซีดขาว ใบหน้าไร้เลือดฝาดไม่ต่างจากคนอื่น ๆ
“อย่าขยับ!”
พวกองครักษ์โอบล้อมเข้ามา เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็พากันเหงื่อแตกพลั่ก
ทว่าในตอนนี้เสือสองตัวดูเหมือนไม่มีความคิดที่จะเขมือบพวกเขา หัวหน้าองครักษ์รีบสั่งหยุดคนที่กำลังเข้าไปใกล้ แม้จะหวั่นวิตกและหวาดกลัว แต่เขาก็ต้องพยายามสงบสติอารมณ์ให้ได้มากที่สุด
มิเช่นนั้นแล้ว หากว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กสองคนนี้ พวกเขาคงไม่แคล้วถูกฝังลงโลงตามไปด้วย
“ท่านพี่?”
เสี่ยวเป่าที่กำลังงุนงงพลันได้สติกลับมา เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นหัวขนาดมหึมาที่แทบประชิดใบหน้าของตน นัยน์ตาดุร้ายน่าเกรงขามกำลังจับจ้องมาที่นาง ในใจมีเพียงความสงสัยใคร่รู้
“เจ้า…เจ้าห้ามแตะต้องนาง ถ้าอยากกินก็กินข้าเลย!”
หนานกงฉีเฉินสีหน้าซีดเผือดขณะพูดเสียงสั่น ทั้งพยายามดึงดูดความสนใจของเสือทั้งสองตัว
หัวหน้าองครักษ์เองก็สั่งให้ทุกคนตะโกน เพื่อดึงดูดความสนใจของพวกมันเช่นกัน
บัดนี้เสือสองตัวกำลังเดินวนรอบ ๆ หนานกงฉีเฉินและเสี่ยวเป่า เจ้าเสือดำที่อยู่ใกล้กว่าเกือบจะถูกหมัดของหนานกงฉีเฉินชกเข้าใส่
มันส่ายหนวดไปมาพร้อมกับคำรามเสียงต่ำอย่างรำคาญ เสียงคำรามนี้ทำให้ความกล้าของทุกคนหายวับไปชั่วขณะ
ในขณะที่ทุกคนกำลังหวาดกลัวจนสติกระเจิง เสี่ยวเป่าก็โผล่หัวน้อย ๆ ออกมาจากอ้อมแขนของหนานกงฉีเฉินโดยไม่มีใครสังเกตเห็น จากนั้นมือน้อยสีขาวนุ่มนิ่มก็ดึงหนวดของเจ้าเสือดำเบา ๆ
เสี่ยวเป่ายื่นมือเท่าไหร่ก็เอื้อมไปไม่ถึงหัวของเจ้าเสือ มีเพียงหนวดยาวที่นางพอจะจับไว้ได้
“เสี่ยวเป่า เจ้าทำอะไรน่ะ! รีบปล่อยมือเร็วเข้า!”
หนานกงฉีเฉินแทบจะเป็นลมเมื่อเห็นการกระทำของเสี่ยวเป่า
ความกล้าเช่นนี้ เหตุใดถึงดูห้าวหาญเสียยิ่งกว่าเสือตัวจริงอีกเล่า!
พี่ชายดึงมือของนางกลับมา จากนั้นเจ้าเสือดำก็ก้มหัวตาม
ฝูงชน “ไม่นะ!”
หัวหน้าองครักษ์พุ่งเข้าไปด้วยความมุ่งมั่นที่พร้อมจะตาย
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ…หยุดเลียได้แล้ว มันจักจี้”
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ ทุกคนตรงนั้นต่างก็นิ่งอึ้ง ไม่ว่าเสียงกรีดร้องหรือว่าเสียงร้องไห้อย่างหวาดกลัวก็หยุดลงในทันใด ราวกับถูกกดปุ่มให้หยุดชั่วคราว ท่าทางอ้าปากค้างมองเหตุการณ์ตรงหน้าดูโง่เง่าสิ้นดี
แทนที่จะเป็นเสียงกรีดร้องน่าเวทนา กลับกลายเป็นเสียงหัวเราะชอบใจ
นะ…นี่มันเรื่องมหัศจรรย์อันใดกัน?
หนานกงฉีเฉินที่กำลังกอดเสี่ยวเป่าก็ตะลึงพรึงเพริดไม่แพ้กัน เขายกแขนขึ้นกำบังร่างของน้องสาวในตอนที่เสือยื่นหน้าเข้ามา ยอมเสียสละตนเองเพื่อให้น้องสาวได้มีโอกาสรอดชีวิต
ทว่าเจ้าเสือดำตัวนั้นกลับทำทีราวกับรังเกียจเขาเป็นอย่างมาก มันใช้ร่างขนดันแขนของเขาออกเพื่อจะเข้าหาเสี่ยวเป่า
จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของเสี่ยวเป่าโดยที่เขาไม่ทันได้โต้ตอบ
คนอื่น ๆ ได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง สมองอันว่างเปล่าผุดความคิดว่าเสือตัวนี้จะเลียก่อนแล้วค่อยกินหรือไม่
“ออกไป เจ้ากำลังทำให้ท่านพี่กลัวนะ”
น้ำเสียงของนางยังคงอ่อนหวานเหมือนทุกครั้ง แต่บัดนี้เจ้าก้อนแป้งกำลังพูดสิ่งที่กล้าหาญมากที่สุดด้วยเสียงที่อ่อนโยนและนุ่มนวลที่สุด ถึงขั้นทำในสิ่งที่ดูอาจหาญยิ่งกว่าเดิม
นางยื่นมือไปผลักปากของเจ้าเสือดำให้ถอยออกไป!
ทุกคนรู้ทุกคนเห็น เด็กน้อยแปะมือลงบนปากของเจ้าเสือดำจริง ๆ! จากนั้นก็ผลักออกไปสุดแรง
ริมฝีปากที่ถูกผลักออกเผยให้เห็นฟันซี่ขาวประดุจใบมีดแหลมคม นัยน์ตาของหนานกงฉีเฉินพลันมืดมน เมื่อได้สัมผัสมันใกล้ ๆ หากว่าถูกกัด เขาต้องตายไม่เหลือซากเป็นแน่!
เด็กหนุ่มหวาดกลัวสุดขีด ไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะห้ามพฤติกรรมที่แสนอันตรายของเสี่ยวเป่า
เจ้าเสือดำส่ายหางไปทางซ้ายทีขวาที นอกจากจะไม่ถอยออกไปแล้ว มันกลับโน้มหัวลงคลอเคลียและถูไถฝ่ามือของเสี่ยวเป่าไปมา ดูคล้ายกับแมวยักษ์ที่ถูกขยายใหญ่จนมีขนาดมโหฬาร
หัวหน้ากับพวกองครักษ์ที่รีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับอาวุธในมือ “…”
เจ้าเสือขาวที่อยู่ไม่ไกลหันขวับจ้องมาที่พวกเขา ไม่มีฝ่ายใดขยับเขยื้อน
นัยน์ตาดุร้ายทั้งยังดูบ้าระห่ำของเจ้าเสือขาวกวาดมองพวกเขาทีละคน แม้มันจะพูดไม่ได้ แต่ราวกับว่าทุกคนมองเห็นตัวหนังสือเขียนอยู่บนหน้าของมัน
‘พวกเจ้าคิดจะทำอันใด?’
เหล่าองครักษ์ที่กำลังถืออาวุธแข้งขาไร้เรี่ยวแรง มิกล้าเข้าใกล้หรือฟาดฟันอาวุธใส่พวกมันอีก
มะ…ไม่กล้าขยับ
วันที่อากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ แต่พวกเขากลับเหงื่อออกจนเสื้อเปียกชุ่มไปทั้งตัว ไหลย้อยตามกรอบใบหน้าราวกับสายน้ำ
พวกเขามิกล้าเคลื่อนไหวพลางกลั้นหายใจ ทั้งยังลอบกลืนน้ำลายอย่างระมัดระวัง เกรงว่าลูกพี่ท่านนี้จะไม่พอใจ แล้วตบพวกเขาด้วยอุ้งเท้าอย่างง่ายดายราวกับตบแมลงวัน
“อย่าดื้อสิ ถอยไปหน่อย เจ้าทับเสี่ยวเป่ากับท่านพี่อยู่นะ”
แผงอกนุ่มฟูของเจ้าเสือดำแทบจะทับพวกเขาสองพี่น้องไว้ใต้ร่าง จริงอยู่ที่รู้สึกอบอุ่น ทว่ามันหนักเกินไป
เจ้าเสือดำกระดิกหูไปมาราวกับเข้าใจในสิ่งที่นางพูด จากนั้นก็ค่อย ๆ ก้าวถอยหลัง จนกระทั่งมันกลับไปยืนเต็มตัวอยู่ท่ามกลางผืนหิมะ หางที่ทั้งใหญ่และหนากวาดหิมะบนพื้นไปมาจนมีรูปร่างคล้ายพัด
เหลือก็แต่หัวของมันที่ยังอยู่ห่างออกไปหนึ่งฉื่อ*[1]ครึ่ง นัยน์ตาจ้องมองพวกเขา หากจะพูดให้ชัดก็คือจ้องมาที่เสี่ยวเป่า
มันเหลือบมองคนรอบ ๆ ที่อยู่ใกล้กับมันและน้องชายเป็นครั้งคราว ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยแลดูดุร้ายน่ากลัว
พวกองครักษ์: มือสั่นจนดาบใกล้จะหลุดมือเต็มทีแล้ว
เสี่ยวเป่าลุกจากพื้นหิมะ จากนั้นก็พยายามดึงพี่หกที่ใบหน้าแปะคำว่า ‘ข้าเป็นใคร? ข้าอยู่ที่ไหน? ข้ามาทำอะไรที่นี่?’ ขึ้นมาด้วย
หลังจากนั้นเสี่ยวเป่าก็ใช้สองมือดึงพี่หก นางพยายามดึงสุดแรงเกิดจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่ท่านพี่ก็ยังไม่ขยับไปไหน
เสี่ยวเป่า: …เหนื่อยชะมัดเลย
“ท่านพี่ พี่หกรีบลุกขึ้นได้แล้ว พื้นมันเย็นนะ”
หนานกงฉีเฉินหันคอแข็งทื่อมามองนาง คล้ายกับว่าวิญญาณที่ตกใจกลัวจนหลุดลอยไปยังไม่กลับเข้าร่าง
เจ้าเสือขาวทนดูไม่ไหวอีกต่อไป มันใช้หัวดันแผ่นหลังของเขาอย่างไม่พอใจ บอกให้เจ้าลุกขึ้น ไม่ได้ยินหรือ สัตว์สองขาตัวนี้เป็นพวกโง่ทึ่มหรืออย่างไร
เพียงครู่เดียวก็ทำเอาคนข้าง ๆ ร้องตะโกนหน้าซีด
เสือสองตัวกระดิกหูไปมาพลางแยกเขี้ยว ท่าทางดูรำคาญ
ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าเสือขาว ในที่สุดหนานกงฉีเฉินก็ลุกขึ้นยืนได้ เพียงแต่แข้งขายังไร้เรี่ยวแรง ยืนโซเซอยู่บ้าง เขาตาปรือทำท่าจะล้มอีกรอบ แต่ร่างขนฟูซึ่งให้ไออุ่นรับเอาไว้ได้ทัน
ใบหน้าของเขาแข็งทื่อ เส้นผมตั้งลุกชัน ร่างกายตอบสนองรวดเร็วยิ่งกว่าสมอง ลุกขึ้นยืนทันพลัน
เจ้าเสือขาวเหลือบมอง ‘สัตว์สองขา’ ที่ยืนได้แล้ว จากนั้นก็ก้าวขาสั้น ๆ ไปหาเสี่ยวเป่าพลางสะบัดหางอย่างมีความสุข สีหน้าราวกับอยากจะได้คำชม
[1] ฉื่อ คือมาตราวัดความยาวของจีน 1 ฉื่อ ประมาณ 10 นิ้ว