เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 259 ดีใจกับผีน่ะสิ!
บทที่ 259 ดีใจกับผีน่ะสิ!
บทที่ 259 ดีใจกับผีน่ะสิ!
การปรากฏตัวของเสือทั้งสองสร้างความตื่นตกใจเป็นอย่างยิ่ง ทว่าไม่นานทุกคนก็สงบลง
เจ้าเสือสีขาวดำเดินตามเสี่ยวเป่าเข้าไปข้างในกระโจมหลังใหญ่ที่สุดอย่างว่าง่าย
เสี่ยวเป่าเดินนำอยู่ข้างหน้า ช่างดูตัวเล็กกระจิริดไม่ใหญ่ไปกว่าอุ้งเท้าของพวกมันสักเท่าใด
เจ้าเสือตัวสูงใหญ่ทั้งสองต้องคอยมองเสี่ยวเป่าก้าวเดิน ด้วยเพราะกลัวตนเองจะเผลอไปเหยียบนางเข้า
จนกระทั่งเจ้าเสือดำสะบัดหางไปมา และคาบด้านหลังเสื้อเจ้าก้อนแป้ง จากนั้นก็ชูคอสูงแล้ววางนางลงบนหลังของน้องชาย ท่ามกลางสายตาไม่พอใจของหนานกงสือเยวียนและสายตาตะลึงงันของทุกคน
เมื่อรู้ว่าพี่ชายกำลังทำอะไร เจ้าเสือขาวก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มันหมอบลงกับพื้นพลางส่ายหางไปมาด้วยความตื่นเต้น
ดูไม่เหมือนเสือดุร้ายน่ากลัว แต่เหมือนสุนัขเอ้อร์ฮา*[1] จอมซื่อบื้อเสียมากกว่า
เสี่ยวเป่าเกาะหลังเจ้าเสือขาว ใช้มือคู่น้อย ๆ จับขนของมัน นิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะคิกคักด้วยความตื่นเต้น แย้มยิ้มจนแก้มปริพลางแกว่งขาสั้นป้อมอย่างมีความสุข ไม่รู้สึกกลัวแม้แต่นิดเดียว
“ฮ่า ๆ ๆ…ท่านพ่อ ท่านพี่ เจ้าเสือขาวตัวนุ่มสุด ๆ เลย ตัวก็สู้งสูงนั่งสนุกมาก พวกท่านรีบมาเร็ว!”
พูดจบก็พลันเห็นว่าเจ้าเสือขาวดูอ่อนแรง นางจึงถ่ายทอดพลังวิญญาณบางส่วนไปให้ จากนั้นมันก็กลับมาดูฮึกเหิมและมีพลังเปี่ยมชีวิตชีวาเหมือนเก่า
เวลาเจ้าตัวน้อยมีของดี ๆ ก็มักจะแบ่งปันให้กับท่านพ่อโดยไม่รู้ตัว ถ้าอย่างอื่นก็ไม่เป็นอันใด แต่ยกเว้นสิ่งนี้เท่านั้น…
นัยน์ตาสีทองของเจ้าเสือดำเหลือบมองหนานกงสือเยวียนแวบหนึ่ง จากนั้นมันก็สะบัดหน้าหนีอย่างรังเกียจ
หนานกงสือเยวียนก็มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่คิดอยากขี่เสือเลยสักนิด
ในขณะที่สายตาของเหล่าบุตรชายกลับเต็มไปด้วยความอิจฉาและกระตือรือร้นอยากจะลอง
โดยเฉพาะเจ้าห้า เจ้าหก และเจ้าแปด
เจ้าเสือขาวลุกขึ้นยืน นอกจากมันจะไม่หนักแล้ว ยังเชิดหน้าชูคอท่าทางภูมิอกภูมิใจเป็นหนักหนา เสี่ยวเป่าชี้ไปทางไหนก็เดินไปทางนั้น
เสือทั้งสองรู้สึกลำพองใจไม่เบา มันไม่ยอมให้ผู้ใดขึ้นขี่นอกจากเสี่ยวเป่า ด้วยเหตุนี้บรรดาพี่ชายจึงได้แต่ยืนมองตาปริบ ๆ ด้วยความอิจฉา
เดิมทีพยัคฆ์นั้นดุร้ายน่าสะพรึงกลัว แต่เมื่อมีเจ้าก้อนแป้งนุ่มนิ่มนั่งอยู่บนหลัง จู่ ๆ ทุกคนก็รู้สึกว่าพวกมันไม่น่ากลัวอีกต่อไป
ไม่เพียงชาวต้าเซี่ยที่มาชมภาพตื่นตาตื่นใจเท่านั้น บรรดาอาณาจักรอื่น ๆ เองที่ใจกล้ามากพอ เมื่อได้ยินข่าวก็รีบมามุงดูด้วยเช่นกัน พวกเขาต่างตกตะลึง เมื่อได้เห็นองค์หญิงน้อยแห่งต้าเซี่ยนั่งอยู่บนหลังเสือ
นับแต่โบราณกาลเสือขาวได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ นักรบวีรบุรุษมากมายล้วนรู้สึกเป็นเกียรติที่สามารถปราบพยศสัตว์ร้ายได้ โดยเฉพาะพวกชนเผ่าที่ยังคงนับถือสัตว์เทพอยู่
สีหน้าขององค์ชายเผ่าซยงหนูดูเคร่งขรึมและน่าเกลียดยิ่ง นักรบหลายคนที่ติดตามเขามาจิตใจก็เริ่มสั่นไหวเพราะคิดว่าต้าเซี่ยมีสัตว์เทพคอยปกปักรักษา ก่อนนี้พวกเขาโจมตีต้าเซี่ยถึงได้ถูกลงโทษ ข่านสิ้นชีพด้วยน้ำมือของโอรส ชาวซยงหนูเช่นพวกเขาต้องสูญเสียดินแดนไปไม่น้อย
“องค์ชาย ราชวงศ์ต้าเซี่ยนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว มีเทพสงครามอย่างฮ่องเต้แห่งต้าเซี่ย ทั้งยังมีผู้สืบทอดที่เก่งกาจมากมาย ไหนจะองค์หญิงที่ฝึกเสือผู้นั้นได้ตั้งแต่ยังเด็กอีก นางเป็นที่โปรดปรานของสัตว์เทพอย่างแท้จริง พวกเราจะโจมตีต้าเซี่ยมิได้เป็นอันขาดนะพ่ะย่ะค่ะ!”
ชาวซยงหนูเป็นพวกป่าเถื่อน นิสัยดุร้ายราวกับพวกสัตว์ป่าไร้อารยธรรม แต่ก็เพราะเหตุนี้เอง ความคิดความอ่านส่วนใหญ่จึงเรียบง่ายมาก อย่างเช่น หนักแน่นในการนับถือบูชาและเชื่อฟังผู้ที่แข็งแกร่ง รวมไปถึงบูชาเทพเจ้าแห่งทุ่งหญ้า
เจ้าพวกไร้ซึ่งความคิดคดในใจเหล่านี้ล้วนเป็นอาวุธที่ดีที่สุดของเผ่าซยงหนู
บัดนี้พวกเขายังคงมีความคิดเรียบง่ายตามเดิม ต้าเซี่ยมีสัตว์เทพคอยคุ้มครอง เช่นนั้นพวกเขาก็จะไม่บุกโจมตีต้าเซี่ยอีกต่อไป
องค์ชายซยงหนูมองแผ่นหลังของพวกเขาจากไปด้วยสีหน้าเย็นชา “หุบปากให้หมด! ทำไม? บุรุษแห่งทุ่งหญ้าเจอแค่นี้ก็หวาดกลัวแล้วหรือ”
“องค์ชาย บุรุษแห่งทุ่งหญ้ามิเคยเกรงกลัวสิ่งใด แต่ว่าสัตว์เทพ…”
“นั่นมิใช่สัตว์เทพ”
องค์ชายซยงหนูกล่าวตัดบทด้วยสีหน้าขุ่นมัว “สัตว์เทพเป็นผู้ปกปักรักษาบุรุษชาวทุ่งหญ้า เป็นเทพหมาป่าแห่งทุ่งหญ้า เกี่ยวอันใดกับพวกต้าเซี่ย พวกมันก็แค่ใช้วิธีต่ำช้าทำให้เสือสองตัวนั้นยอมจำนนเท่านั้น พวกเจ้าก็ได้เห็นความร่ำรวยของต้าเซี่ยแล้ว บ้านเมืองอันงดงาม สตรีและอาหารการกินมากมาย ผ้าไหมชั้นดี แล้วยังเหล้านั่นอีก หรือว่าพวกเจ้ามิอยากได้บ้าง”
พวกเขาไหนเลยจะไม่อยากได้ แววตาของชายอกสามศอกพลันเปล่งประกายด้วยความละโมบ ต้าเซี่ยอุดมสมบูรณ์ ต่อให้พวกเขาจะพ่ายแพ้ แต่พอได้เห็นชีวิตของขุนนางต้าเซี่ยและเหล่าพ่อค้าผู้มั่งคั่งแล้ว พวกเขาก็อยากมีชีวิตเช่นนั้นด้วยเช่นกัน
องค์ชายแห่งซยงหนูพอใจกับผลลัพธ์ในการโน้มน้าวของตนเป็นอย่างมาก
นี่ถึงจะสมกับเป็นชายชาตรีแห่งซยงหนู จะยอมจำนนด้วยเงื้อมมือของพวกต้าเซี่ยได้เช่นไร ความพ่ายแพ้ในตอนนี้เป็นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น เขามั่นใจว่าภายในไม่กี่ปีเสด็จพ่อของตนจะต้องฟื้นคืนซยงหนูให้กลับมายิ่งใหญ่ ถึงตอนนั้นค่อยบุกโจมตีต้าเซี่ยก็ยังไม่สาย
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของต้าเซี่ยจะต้องตกเป็นของพวกตน
คนบางคนเริ่มฝันกลางวันทั้งที่ยังลืมตาตื่น
ภายในกระโจม หนานกงสือเยวียนมองเสือทั้งสองเพียงครู่เดียว จากนั้นก็จัดการธุระของตนต่อ เขาถือโอกาสพาโอรสคนโตทั้งสองไปตรวจฎีกา ทั้งยังพาน้องชายอีกสองคนไปด้วย ฮ่องเต้ผู้ได้ลิ้มรสความหวานหนึ่งหน มิรู้สึกกล้ำกลืนแต่อย่างใดที่ต้องทิ้งงานให้กับบุตรและน้องชายของตน
หนานกงหลีไม่ใคร่อยากจะไป เขาอยากอยู่ดูเสือกับพวกหลาน ๆ จึงเริ่มแสร้งทำเป็นปวดท้อง
“เสด็จพี่ ข้าปวดท้องมากเลย พวกท่านไปกันก่อนเถิด…”บราวนี่ออนไลน์
เพื่อให้สมจริงยิ่งขึ้น เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูสั่นเครือเล็กน้อย
หนานกงสือเยวียนยืนกอดอกพลางมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม “ท่านหมอเจี่ย เซียวเหยาอ๋องปวดท้อง รบกวนท่านช่วยดูให้ที”
หนานกงหลีรีบพูด “มิต้อง ๆ เรื่องเล็กแค่นี้มิรบกวนท่านหมอเจี่ยให้ต้องลำบากหรอก ข้าพักเสียหน่อย ประเดี๋ยวก็หายแล้ว…”
ทว่าเจี่ยเจินไม่รู้สึกลำบากเลยสักนิด มิหนำซ้ำยังดึงข้อมือของเขาไปตรวจชีพจรด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เซียวเหยาอ๋องล้อข้าเล่นแล้ว สามัญชนอย่างข้าจะรู้สึกลำบากได้อย่างไร นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งต่างหาก”
เวลานี้หนานกงหลีอยากจะใช้กำปั้นเสยหน้าอีกฝ่ายยิ่งนัก หากว่าเจ้ามิได้มีเจตนาร้าย ทั้งยังยิ้มแย้มอยู่บนโชคร้ายของผู้อื่น ข้าจะไม่รู้สึกอยากอัดเจ้าเพียงนี้เลย
“ไอ้หยา เซียวเหยาอ๋อง นี่ท่าน…”
เขาส่ายศีรษะพลางทำสีหน้าเคร่งเครียด ทว่ากลับสามารถหลอกหนานกงหลีที่แกล้งป่วยจนติดกับไว้ได้ หัวใจของอ๋องเจ้าสำราญเต้นถี่ระรัว
โดยทั่วไปแล้วหากหมอหลวงทำสีหน้าเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็สังหรณ์ใจไม่ดีกันทั้งนั้น
เขาคงจะไม่ได้ป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หายจริง ๆ หรอกนะ
เสี่ยวเป่าที่นั่งเล่นอยู่บนหลังเจ้าเสือขาวในตอนแรกก็รีบวิ่งเข้ามาหา ก่อนจะยอบกายนั่งลงข้างท่านอาเจ็ด พร้อมกับมองอาจารย์ด้วยสายตากระวนกระวาย
หลังจากเรียกน้ำย่อยจนได้ที่แล้ว ในที่สุดเจี่ยเจินก็พูดขึ้นว่า “ไอ้หยา เซียวเหยาอ๋อง…ท่านมีอาการไตพร่อง”
ฝูงชน “…”
หนานกงหลี “(▼皿▼#)”
เขากดเจี่ยเจินลงพื้นพร้อมกับยกกำปั้นและกัดฟันกรอดอย่างเหลืออด “เจ้าอยากตายหรือไร!”
ทำเขากังวลเสียตั้งนาน แต่กลับพูดผลเช่นนี้ออกมาเนี่ยนะ!
เจี่ยเจินโบกมือไปมา “เซียวเหยาอ๋องมิต้องตกใจถึงเพียงนั้น นอกจากไตพร่องแล้ว สุขภาพของท่านล้วนดีเยี่ยม มิปวดท้องหรือปวดศีรษะ มีกำลังวังชาเต็มเปี่ยม ท่านดีใจหรือไม่เซียวเหยาอ๋อง”
หนานกงหลี : ดีใจกับผีน่ะสิ!
หนานกงหลีอยากต่อยคนตรงหน้าเต็มที ทว่าจู่ ๆ เงาดำก็ทอดลงมาปกคลุมร่าง ซ้ำยังรู้สึกเย็นยะเยือกที่หลังคอ เขาตัวสั่นเทิ้มขณะค่อย ๆ หันหลังไปมอง สัมผัสได้ว่าบัดนี้เสด็จพี่ของตนเปี่ยมล้นไปด้วยจิตสังหาร
[1] สุนัขเอ้อร์ฮา คือ ไซบีเรียนฮัสกี