เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 268 พี่รอง ไม่คิดเลยว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้!
- Home
- เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช
- บทที่ 268 พี่รอง ไม่คิดเลยว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้!
บทที่ 268 พี่รอง ไม่คิดเลยว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้!
บทที่ 268 พี่รอง ไม่คิดเลยว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้!
ยามนี้เสี่ยวเป่าทำสิ่งที่เรียกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมาได้สำเร็จ มิหนำซ้ำมันยังสามารถเก็บรักษาเอาไว้ได้ถึงหนึ่งเดือน!
นี่ตรงกับแนวคิดอันใดกัน
ปัจจัยสำคัญสามประการของการทำศึกสงคราม ได้แก่ กองกำลังทหาร เสบียงอาหาร และยุทโธปกรณ์
ทั้งสามประการไม่อาจขาดสิ่งใดได้ สำหรับเสบียงในสนามรบ เพื่อเป็นการประหยัดเวลาจึงมักถูกจัดเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าให้อยู่ในสภาพขนมปิ่ง มันแข็งประหนึ่งก้อนหิน อีกทั้งนอกจากความเค็มแล้วก็ไม่มีรสชาติอื่นใด
ทำให้อิ่มท้องได้ แต่ต้องใช้คำว่าจำใจฝืนกิน
การออกรบเผาผลาญพลังกายเป็นอย่างมาก หากขาดแคลนเสบียงอาหารก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ขนมปิ่งจึงช่วยรักษาชีวิตพวกเขาเอาไว้ได้
ขนมอบที่เสี่ยวเป่าทำออกมาคล้ายคลึงกับขนมปิ่งเหล่านั้น ขณะเดียวกันก็แตกต่างโดยสิ้นเชิง
ขนมอบนั้นกรอบมีหลากรสชาติ อีกทั้งยังอร่อยและทำให้อิ่มท้องได้ แม้ว่าจะไม่รู้สึกอิ่มเท่ากับขนมปิ่งก็ตาม
ส่วนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หนานกงฉีโม่ไม่เคยได้ยินเสี่ยวเป่าเอ่ยถึงมาก่อน ดังนั้นจึงเกิดความสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย
เด็กน้อยหยิบบะหมี่สำเร็จรูปออกมา
“เจ้านี่เป็นสิ่งที่กินง่ายมาก”
ตัวบะหมี่นั้นทำง่าย จุดสำคัญมีแค่ต้องทำให้แห้งเพื่อคงสภาพเดิมเอาไว้ แต่เครื่องปรุงนั้นทำยาก
สุดท้ายหลังผ่านการลองผิดถูกมานับครั้งไม่ถ้วน ผลจากความพยายามก็ได้ออกมาเป็นน้ำต้มกระดูกและพริกที่สามารถเก็บรักษาเอาไว้ในกระปุกปิดสนิทเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน
ตัวพริกนั้นเอาไปทอดในน้ำมัน จากนั้นก็บรรจุไว้ภายในกระปุกปิดสนิท ขอเพียงแค่เก็บรักษาอย่างเหมาะสมต่อไปเรื่อย ๆ ก็อาจจะอยู่ได้นานกว่าหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ
ส่วนเครื่องปรุงนั้น ในยามนี้สามารถทำออกมาได้เพียงจำนวนน้อย เสี่ยวเป่าไม่เคยทำสิ่งนี้มาก่อน ดังนั้นจึงได้แต่บอกความคิดกับแนวทาง หลังจากนั้นก็เป็นเหล่าพ่อครัวในห้องเครื่องปรึกษาและร่วมมือกันทำออกมา
กล่าวได้ว่าเรื่องเฉพาะด้านก็ปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญนั้นทำไป ส่วนนางมีหน้าที่แค่กินอย่างเดียว!
“ใส่เส้นบะหมี่ลงไป น้ำต้มกระดูกอีกหนึ่งช้อน ตามด้วยพริก ก่อนจะผสมทั้งสามอย่าง
เข้าด้วยกัน จากนั้นก็ใส่น้ำเดือดลงไป แล้วรออีกเพียงครู่เดียว”
เพราะในยุคสมัยนี้ไม่มีถุงซีลปิดผนึก ดังนั้นพริกและน้ำต้มกระดูกจึงถูกบรรจุใส่ในขวดไม้ที่ผ่านการดัดแปลงเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถปิดเก็บได้ดียิ่งขึ้น เมื่อต้องการกินก็เพียงแค่ตักออกมาทีละช้อน หลังจากกินเสร็จก็ปิดเก็บกลับไปไว้ในที่ร่ม
ขณะที่กำลังรอบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เสี่ยวเป่าก็หยิบสิ่งที่ตนแอบซุ่มทำอยู่หลายวันออกมา
“ท่านพี่ดู นี่เป็นของขวัญจากเสี่ยวเป่าเอง เสี่ยวเป่ามอบให้ท่าน!”
กล่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ขนาดเท่าฝ่ามือถูกเปิดออก เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน
ดวงตาจิ้งจอกของหนานกงฉีโม่เบิกกว้างทันทีที่เห็น
“นี่คือสิ่งใดหรือ”
เขาหยิบสิ่งที่อยู่ภายในกล่องออกมา
มันเป็นตุ๊กตาดินเผาที่ขนาดไม่ใหญ่เกินฝ่ามือ มีสีขาวราวหิมะให้ความรู้สึกประณีตและละเอียดอ่อน ใบหน้าของตุ๊กตาดินเผาถอดแบบมาจากเสี่ยวเป่าอย่างสมบูรณ์ เพียงแต่อยู่ในรูปลักษณ์ตุ๊กตาหัวโต ในมือถือเฉ่าเหมยเอาไว้พร้อมทำปากมุ่ย ดวงตาสีดำขลับดูเปล่งประกายเป็นอย่างมาก
แม้ว่าตุ๊กตาดินเผาจะมีสีขาวราวหิมะ ทว่าดวงตา เส้นผม หรือกระทั่งเสื้อผ้าและเครื่องประดับล้วนลงสีเพิ่มเติม
เครื่องลายครามที่มีหลากสีสันในชิ้นเดียวเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงเขาเลย กระทั่งเสด็จพ่อก็ยังไม่เคยเห็น!
เจ้าก้อนแป้งที่อยู่ด้านหน้าแสดงท่าทางภาคภูมิใจ คางน้อย ๆ เชิดขึ้นพร้อมเอ่ยออกมาด้วยเสียงนุ่มนิ่มบราวนี่ออนไลน์
“ดูดีใช่หรือไม่”
หนานกงฉีโม่ถือตุ๊กตาดินเผาหัวโตมาไว้ด้านข้างเสี่ยวเป่า
เสี่ยวเป่าหันหน้าไปมอง ก่อนจงใจทำท่าทางเลียนแบบโดยการมุ่ยปากน้อย ๆ ของตน
ไม่อาจใช้คำว่าคล้ายได้ ต้องกล่าวว่ามันเหมือนกันทุกประการ!
หนานกงฉีโม่อดหยิกแก้มกลม ๆ ของนางไม่ได้ เจ้าตัวน้อยนี่จะน่ารักเกินไปแล้ว
ตุ๊กตาดินเผาที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนนี้มีขนาดเพียงฝ่ามือเท่านั้น ทั้งงดงามและพกพาสะดวก สามารถถือเอาไว้แล้วเล่นด้วยได้ตลอดเวลา
“ทำขึ้นมาเช่นไร”
ในแววตาของชายหนุ่มมีรอยยิ้มอยู่ เขาลูบหัวของเสี่ยวเป่าด้วยความภาคภูมิใจ
น้องหญิงของเขาแตกต่างจากคนอื่นจริง ๆ ขณะที่เด็กคนอื่นอายุสามขวบยังเที่ยวป่วนภายในบ้าน ทว่าน้องหญิงกลับสามารถทำเรื่องมากมายเช่นนี้ได้
หากคิดดูให้ดีแล้ว ทุกสิ่งที่เสี่ยวเป่าทำขึ้นส่วนใหญ่ก็เพื่อพวกเขาทั้งนั้น
เพราะกลัวว่าเขาจะหนาวจึงคิดวิธีใช้ขนสัตว์ ทั้งยังทำให้พวกเขารู้จักคุณประโยชน์ของขนสัตว์ เพราะกลัวพวกเขาไม่ได้กินของอร่อย จึงปลูกเฉ่าเหมยและผักแปลกประหลาดทว่าอร่อยเหล่านั้นขึ้นมา เพราะกลัวว่าเขาจะต้องทนความยากลำบากระหว่างเดินทางไปชายแดน จึงทำขนมปิ่งและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้นมา เพราะเป็นวันเกิดของเสด็จพ่อ จึงตระเตรียมสุราที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะได้ยินเขาบอกว่าผู้คนเมืองด่านหน้าไม่ได้กินดีอยู่ดี จึงปลูกมันเทศและข้าวสาลีที่งอกงาม อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาเรื่องหญ้าสำหรับเลี้ยงม้าด้วย…
เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเริ่มจากสิ่งธรรมดาอย่างความห่วงใยของเสี่ยวเป่าที่มีต่อพวกเขา ทุกสิ่งที่นางทำก็เพื่อพวกเขา ทว่ากลับส่งผลต่อทั้งต้าเซี่ย
ถึงกระนั้นก็ดูเหมือนน้องหญิงจะไม่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งที่ตนทำขึ้นมาเลยสักนิด
“ท่านพี่ชอบหรือไม่ ยังมีหนูชางฉู่ตัวน้อยนี่ด้วย”
เสี่ยวเป่าหยิบตุ๊กตาดินเผาขนาดเล็กอีกชิ้นออกมาจากกล่อง
มันเป็นหนูชางฉู่ตัวน้อยสีครีม ดูโดยรวมแล้วค่อนข้างอ้วนกลม ในมือเองก็ถือเฉ่าเหมยขนาดเกือบเท่าร่างของมันไว้ บนเฉ่าเหมยมีรอยแหว่งอยู่เล็กน้อย ส่วนแก้มสองข้างของหนูชางฉู่ตัวน้อยพองกลม ดวงตาคู่เล็กราวกับจะเปล่งประกายออกมาได้
“เสี่ยวเป่าเกิดปีชวด ดังนั้นนี่ก็เป็นเสี่ยวเป่า”
หนูชางฉู่เองก็เป็นตุ๊กตาหัวโตเช่นเดียวกัน เมื่อวางไว้บนฝ่ามือแล้วดูนุ่มนิ่มชวนให้หัวใจละลายยิ่งนัก
หนานกงฉีโม่คาดไม่ถึงมาก่อนเลย ว่าหนูก็ยังสามารถออกมาเช่นนี้ได้!
ทุกคนต่างมีความประทับใจที่ไม่ดีกับหนู ปีนักษัตรที่ได้รับความนิยมน้อยที่สุดก็คือปีชวด
แต่เสี่ยวเป่ากลับทำลายภาพลักษณ์ของหนูในมุมมองของเขาโดยสิ้นเชิง หนูก็สามารถน่ารักได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ!
เขามองหนูชางฉู่ตัวน้อยที่ขนาดไม่ใหญ่ไปกว่าฝ่ามือ มันดูเปี่ยมชีวิตชีวาราวกับของจริงจนอดยื่นนิ้วไปจิ้มแก้มที่ป่องออกมาไม่ได้
“นี่คือหนูหรือ”
จะน่ารักถึงเพียงนี้ได้อย่างไร! เขาไม่เชื่อ!!!
เสี่ยวเป่าเท้ามือน้อย ๆ บนสะโพกของตน “ใช่แล้ว นี่คือหนูชางฉู่ มันน่ารักเหมือนกับเสี่ยวเป่า!”
หนานกงฉีโม่บีบหนูชางฉู่ในมือ น่าเสียดายที่มันไม่ได้มีชีวิตจริง ไม่เช่นนั้นสัมผัสของเจ้าตัวน้อยที่มีรูปร่างอ้วนท้วนน่าจะดีเป็นอย่างยิ่ง
เฮ้อ น่ารักพอ ๆ กับน้องสาวเลย
เหมือนตอนเสี่ยวเป่ายัดขนมใส่ปากจนแก้มพองไม่มีผิด
เขามองหนูชางฉู่ในมือ ก่อนจะมองเสี่ยวเป่าที่กำลังกินขนม
อืม…ดูน่ารักนุ่มนิ่มเหมือนกับน้องสาวจริง ๆ ด้วย!
“ชางฉู่? ข้าไม่เคยได้ยินสายพันธุ์นี้มาก่อนเลย”
ดวงตาของเสี่ยวเป่าสั่นไหวครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าชางฉู่จะเป็นสายพันธุ์ที่ไม่มีในอาณาจักร
“คือ… คือว่า…เสี่ยวเป่าเองก็ได้ยินเรื่องนี้มาจากอาจารย์!”
ขออภัยอาจารย์ เสี่ยวเป่าต้องให้ท่านแบกรับเรื่องนี้เสียแล้ว
เจี่ยเจินที่ไม่รู้เรื่องราวอันใด : …
คนเขานั่งอยู่ในบ้านดี ๆ จู่ ๆ ก็มีหม้อใบใหญ่ให้แบกโดยไม่คาดคิด
หนานกงฉีโม่ไม่ได้สงสัยอันใดมากมาย อย่างไรเสียหมอปีศาจก็มักออกเดินทางไปยังดินแดนต่าง ๆ ไม่แปลกใจที่เขาจะเคยพบเห็นหนูเช่นนี้มาก่อน
“มันค่อนข้างน่ารัก หากสามารถเลี้ยงไว้ดูเล่นได้ก็คงจะดี”
น้องสาวถูกเสด็จพ่อเลี้ยงดูแล้ว พวกเขานั้นไม่กล้าแย่ง ทว่าหากได้เลี้ยงหนูชางฉู่ที่ดูคล้ายน้องสาวก็คงจะดีไม่น้อย
เสี่ยวเป่า : ข้าเพียงแค่เกิดปีชวด ไม่ได้เป็นหนูชางฉู่ซะหน่อย!
เมื่อได้ยินว่าพี่รองต้องการจะเลี้ยงหนูชางฉู่สักตัว เสี่ยวเป่าก็รีบเอ่ยออกมาทันที “อาจารย์บอกกับเสี่ยวเป่าว่าได้ยินเรื่องนี้จากคนโพ้นทะเลมาอีกที”
ดังนั้นที่นี่ย่อมไม่มี พี่รองตัดใจเสียเถอะ
สีหน้าของหนานกงฉีโม่มีความเสียใจอยู่เล็กน้อย
“ไม่เป็นไร คราวหน้าหากพี่รองพบพ่อค้าโพ้นทะเล สามารถขอให้พวกเขาช่วยตามหาได้”
ระหว่างที่เขาเอ่ยออกมา ดวงตาจิ้งจอกก็หรี่ลงมองไปทางเจ้าก้อนแป้งพลันจับจุดน่าสงสัยได้
“เจ้าบอกว่าอาจารย์ได้ยินคำบอกเล่าจากพ่อค้าโพ้นทะเล ไม่เคยเห็นของจริง เจ้าจึงเพียงได้ยินต่อมาจากอาจารย์อีกทีเท่านั้น เหตุใดเจ้าถึงรู้ว่ามันมีรูปร่างลักษณะเป็นเช่นนี้”
เสี่ยวเป่า “…”
เด็กน้อยปิดหน้า เผยเพียงแค่ผมนุ่มฟูดูน่ารักให้เขาเห็นเท่านั้น
“เสี่ยวเป่ารู้ก็แล้วกัน ท่านพี่อย่าถามอีกเลยนะ!”
เจ้าก้อนแป้งที่กินปูนร้อนท้องเอ่ยออกมาเสียงดัง
หนานกงฉีโม่มองเด็กน้อยด้วยรอยยิ้มที่เหมือนไม่ยิ้ม หลังจากนั้นก็ลงมือขยี้ผมของนาง
“ได้ ๆ พี่รองไม่ถามแล้ว เด็กน้อยบ้านเรามีความลับมากมายเสียจริง”
บนตัวของเสี่ยวเป่ามีความลับอยู่ ทุกคนต่างตระหนักได้ ทว่าไม่ได้ขุดคุ้ยแต่อย่างใด
เมื่อได้ยินพี่รองเอ่ยเช่นนั้น จิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของเจ้าก้อนแป้งก็กลับมาเบิกบานอีกครั้ง
หนานกงฉีโม่ถือตุ๊กตาดินเผาหัวโตไว้ในมือขวา ส่วนมือซ้ายมีหนูชางฉู่แสนน่ารัก
“พี่ชอบมันมาก เช่นนั้นก็ยกให้พี่ทั้งสองตัวเถอะ”
ดวงตาของเสี่ยวเป่าพลันเบิกกว้าง ริมฝีปากเล็กเม้มแน่นด้วยความรู้สึกไม่เป็นธรรม
“แต่ว่า…เสี่ยวเป่าให้ท่านเลือกได้เพียงหนึ่งอัน”
นางกับพี่ชาย อีกทั้งยังมีช่างฝีมืออาวุโสด้านเครื่องเคลือบร่วมมือกัน ยังต้องเสียเวลาเป็นอย่างมากในการทำสองสิ่งนี้ และพี่รองกำลังจะเดินทาง นางจึงให้เขาได้เลือกก่อน ส่วนอีกชิ้นหนึ่งนั้นไว้สำหรับท่านพ่อ QAQ
หนานกงฉีโม่เลิกคิ้ว “อันใดกัน เพียงแค่หนึ่งหรือ”
เสี่ยวเป่าพยักหน้า ดวงตาใสแจ๋วมองเขา
“อีกอันเป็นของท่านพ่อ”
หนานกงฉีโม่ร้อง ‘โอ้’ ออกมาหนึ่งคำ จากนั้นก็เก็บของทั้งสองชิ้นลงไปในกระเป๋าของตนเองท่ามกลางแววตาใสแจ๋วของเด็กน้อย
หลังชิงตุ๊กตาดินเผาน่ารักทั้งสองไปแล้ว เขายังบีบแแก้มน้อย ๆ ของน้องสาวพลางเอ่ยข่มขู่ว่า
“ห้ามไปบอกเสด็จพ่อ เข้าใจหรือไม่”
ดวงตาของเสี่ยวเป่าเบิกกว้าง ราวกับไม่อยากจะเชื่อว่าพี่รองจะพูดออกมาเช่นนี้จริง ๆ
โทนเสียงนุ่มนิ่มของนางสูงขึ้นทันที “พี่รอง ไม่คิดเลยว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้!”
เด็กน้อยมองเขาอย่างคาดโทษ
หนานกงฉีโม่ยิ่งเบิกบานใจมากขึ้น พลันหัวเราะออกมาพร้อมบีบแก้มกลม ๆ อย่างมันเขี้ยว
“ห้ามบอก ไม่เช่นนั้นหลังจากนี้พี่จะมาแย่งเจ้ากินทุกวัน”
เสี่ยวเป่า “!!!”
พี่รอง นี่มันจะเกินไปแล้วนะ!
หนานกงฉีโม่โบกตุ๊กตาดินเผาตัวเล็กทั้งสองต่อหน้านาง จากนั้นก็แย้มยิ้มอย่างมีความสุขมากกว่าเดิมเมื่อเห็นสีหน้าโกรธเกรี้ยวของน้องสาว
เสี่ยวเป่าพองแก้มเล็ก ๆ ของตน ตัดสินใจว่าจะทำตุ๊กตาดินเผารูปลักษณ์เหมือนพี่รองขึ้นมา หลังจากนั้นก็จะลงมือจั๊กจี๊!
“พี่รองนิสัยไม่ดี บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่ให้พี่รองกินแล้ว!”
บะหมี่สำเร็จรูปพร้อมกิน กลิ่นหอมลอยเตะจมูกทันทีที่เปิดออก
พี่ชายน้องสาวส่งเสียงเอะอะกันอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายเสี่ยวเป่าก็บ่นงุบงิบระหว่างส่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปให้พี่ชาย
อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเจ้าก้อนแป้งที่ใจอ่อนเป็นพิเศษ ถูกคนรอบข้างทำให้หวั่นไหวได้บ่อยครั้ง
หนานกงฉีโม่ไม่ได้กินเพียงผู้เดียว แต่ตักคำแรกขึ้นมาป้อนให้นางด้วยรอยยิ้ม
เสี่ยวเป่ารู้สึกเขินอายขึ้นมา “พี่รอง ท่านกินเถิด”
มุมปากของหนานกงฉีโม่ยกขึ้น “เจ้ากินก่อน ข้าค่อยกินทีหลัง”
หลังจากนั้นเสี่ยวเป่าที่ดูเหมือนจะโกรธเมื่อชั่วอึดใจก่อน กลับกลายเป็นเกาะติดพี่รองหนึบ
สองพี่น้องกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วยความอบอุ่น ขณะเดียวกันหนานกงฉีโม่ก็ตื่นเต้นยินดีขึ้นมาอีกครั้ง นี่มันอร่อยยิ่งกว่าขนมอบมาก ที่สำคัญคือสามารถพกพาได้สะดวก!
ดวงตาของเขาเปล่งประกายตื่นเต้นดีใจ ทราบเป็นอย่างดีถึงความสำคัญของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีต่อกองทัพ หลังจากกำชับให้เสี่ยวเป่าเล่นคนเดียวไปก่อน เขาก็รีบนำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรงไปหาเสด็จพ่อ
ตุ๊กตาดินเผาแสนน่ารักทั้งสองตัวถูกพี่รองนำไปหมดแล้ว เสี่ยวเป่ามุ่ยปาก รู้สึกอยากทำเพิ่มอีกหลายตัวให้เร็วที่สุด ของท่านพ่อก็ต้องมี ท่านอาสี่กับท่านอาเจ็ดเองก็ควรจะได้
ท่านอาสี่เองก็กำลังเตรียมตัว ดูเหมือนกำลังจะเกิดสงครามขึ้น เสี่ยวเป่าเป็นกังวลระคนกลัดกลุ้มใจ จึงตัดสินใจจะทำปลาจิ๋นหลี่น้อยให้ท่านอาสี่ หวังว่ามันจะนำโชคมาสู่ท่านอาสี่ได้
ทั้งสองคนจากไปพร้อมกัน เสี่ยวเป่าอาลัยอาวรณ์เป็นอย่างยิ่ง แต่พวกเขาจำต้องเดินทาง
ด้วยความอาลัยอาวรณ์ทำให้เสี่ยวเป่าเริ่มพะวักพะวนขึ้นมา ต้องการเตรียมของให้พี่รอง ทั้งยังต้องเตรียมของส่วนท่านอาสี่ด้วยเช่นกัน