เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 274 พายุหิมะ
บทที่ 274 พายุหิมะ
บทที่ 274 พายุหิมะ
หนานกงจ้านออกเดินทางลงใต้ไปพร้อมกับความรักอันเต็มเปี่ยมของหลานสาวตัวน้อย ท่ามกลางความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ทั้งของตัวเองและเจ้าเฉาเฟิง อาชาศึกแสนรัก
การทำสงครามนั้นผลาญทรัพยากรอย่างมหาศาล ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีกษัตริย์โง่ทึ่มคนไหนเลือกที่จะเปิดศึกกับอาณาจักรอื่นหากไร้ซึ่งความมั่นใจว่าตนจะได้รับชัยชนะ แต่ความทะเยอทะยานของหนานจ้าวมิได้เพิ่งเกิดขึ้นเพียงแค่วันหรือสองวัน มันกำลังจ่อคอฮ่องเต้เอาไว้ หากยังไม่แสดงท่าทีก็จะถูกมองว่าเป็นพวกอ่อนแอและขี้ขลาด
ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาและหนานจ้าวจึงถูกลิขิตให้ต้องสู้รบกันอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้
หนานกงจ้านมีอำนาจทางทหารในมือ หากว่าเป็นฮ่องเต้พระองค์อื่น ผู้มีความกระหายที่ต้องการจะควบคุมอำนาจ ทั้งยังเป็นคนหวาดระแวงย่อมไม่มีทางปล่อยให้เขาจากไปโดยง่าย แต่ว่าสิ่งสิ่งนี้คล้ายกับไร้ตัวตนในตระกูลหนานกง เพราะตั้งแต่ทำการกวาดล้างพวกคิดคดทรยศจนหมดสิ้น เชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ก็สามัคคีปรองดองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จนทำให้คนนอกเริ่มสงสัยและเกิดการตั้งคำถามกับชีวิต
หนานกงสือเยวียนยืนบนกำแพงเมืองโดยมีเสี่ยวเป่าอยู่ในอ้อมแขนเพื่อส่งหนานกงจ้านออกเดินทาง เจ้าตัวน้อยอยู่ในอารมณ์มัวหมอง เอนตัวพิงท่านพ่ออย่างรู้สึกอาลัย รอบดวงตากลมโตสีดำปรากฏรอยแดงจาง ๆ ให้เห็น และมีหยาดน้ำเล็ก ๆ เกาะที่ขนตา
เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวน้อยร้องไห้มา
“ท่านพ่อ พี่รองกับท่านอาสี่จะกลับมาเมื่อใดหรือ”
ขณะที่เสี่ยวเป่าเอนกายพิงไหล่ท่านพ่อ เสียงอ่อนหวานที่เอื้อนเอ่ยแลดูหดหู่
“ไม่รู้”
สงครามจะยืดเยื้อยาวนานเพียงใดเขามิอาจคาดการณ์ได้ ด้วยเพราะมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนมากเกินไป
หนานกงสือเยวียนมองดูหิมะที่ตกหนักขึ้นทุกวัน รู้สึกหนักหน่วงและไม่สบายใจเงียบ ๆ
เขาให้ความสำคัญกับสัญชาตญาณของตนเองมาโดยตลอด
“ท่านพ่อ หิมะตกหนักมาก มันจะตกแบบนี้ไปตลอดเลยหรือไม่”
เสี่ยวเป่าแหงนหน้ามองหิมะบนฟากฟ้า แม้จะงดงาม ทั้งยังไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของมันยามที่ร่วงหล่นลงบนมืออย่างแผ่วเบา แต่เมื่อซ้อนทับกันเป็นกองใหญ่ก็สามารถบดขยี้บ้านเรือนที่โครงสร้างไม่แข็งแรงให้พังทลายลงได้
ความคิดแวบขึ้นในหัวหนานกงสือเยวียนทันใด เขารู้แล้วว่าสิ่งที่ตนกำลังเป็นกังวลคือสิ่งใด
นัยน์ตาลุ่มลึกของฮ่องเต้จดจ้องผืนฟ้า พร้อมกับพูดเสียงเคร่งขรึมว่า
“หิมะตกหนักเกินไปจริง ๆ”
เสี่ยวเป่าสังเกตเห็นอารมณ์ของเขา แต่ก่อนที่จะได้ถามอะไร ท่านพ่อก็อุ้มนางแล้วหันหลังกลับลงไปยังเบื้องล่าง
นางมิได้พูดสิ่งใด ทำเพียงกอดคอผู้เป็นพ่ออย่างว่าง่าย
ทันทีที่กลับมาถึงวัง หนานกงสือเยวียนก็เรียกเหล่าขุนนาง เจ้ากรมต่าง ๆ รวมทั้งพระโอรสที่มีส่วนร่วมในกิจการบ้านเมืองให้เข้าเฝ้า
ฮ่องเต้เรียกเข้าเฝ้าอย่างเร่งด่วน ต่อให้กำลังหลับใหลก็ต้องลุกจากเตียงไปที่พระราชวัง
หนานกงสือเยวียนไม่รีรอให้เสียเวลา เขาบอกว่าฤดูหนาวปีนี้อาจเกิดพายุหิมะขึ้น
“เรื่องนี้…สำนักหอดูดาวหลวงเป็นผู้คาดการณ์หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เป็นความจริงที่ปีนี้หิมะตกหนักกว่าปีที่ผ่าน ๆ มา เตรียมพร้อมไว้แต่เนิ่น ๆ ก็ถือเป็นเรื่องดี”
“จะเตรียมพร้อมอย่างไร หากว่าเกิดพายุหิมะขึ้นจริง ๆ ต้องมีมากกว่าหนึ่งแห่งเป็นแน่ มิหนำซ้ำพวกเราเองก็มิอาจคาดการณ์ได้ล่วงหน้าด้วย”
“หากว่าเตรียมตัวรับมือแล้วไม่เกิดพายุหิมะ เช่นนั้นย่อมสูญเสียทรัพยากรไปไม่น้อย โปรดฝ่าบาททรงใคร่ครวญด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
การโต้เถียงเริ่มขึ้นอีกครั้ง หนานกงสือเยวียนมีสีหน้าเคร่งขรึม
“ไม่ว่าจะเกิดพายุหิมะหรือไม่ก็จำเป็นต้องเตรียมการป้องกัน ด้านกรมคลังให้องค์ชายใหญ่จัดการตรวจนับเสบียงอาหารและเงินทอง กรมมหาดไทยสั่งการลงไปยังเมืองต่าง ๆ ที่ใดพบเห็นหิมะตกหนักมากกว่าปกติ ให้รีบจัดคนไปกวาดหิมะที่ทับถมบนหลังคาบ้านเรือนทันที หากว่าหิมะถล่มบ้านเรือนของราษฎร ให้กรมกลาโหมรีบส่งทหารไปช่วยเหลือและอพยพผู้ประสบภัย องค์ชายสามกับกรมโยธาออกตรวจบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย และรีบจัดส่งเสื้อผ้าป้องกันความหนาวออกไปให้เร็วที่สุด”
ทุกคนรับคำสั่งและเริ่มระดมกำลังทันที ภายใต้การเตรียมการอย่างเป็นระบบระเบียบของหนานกงสือเยวียน
องค์เหนือหัวเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นชาในตอนท้าย “หากข้าพบว่าผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งของข้าโดยทำต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง ข้าจะให้คนอื่นมารับตำแหน่งนั้นแทน”
เหล่าผู้คนที่มีท่าทีไม่แยแสในตอนแรกพลันสะดุ้งโหยงทันที
“กระหม่อมน้อมรับบัญชา”
ด้วยอำนาจและความน่าเกรงขามของหนานกงสือเยวียน ขุนนางทั้งหมดก็เริ่มดำเนินการ ทำจดหมายปิดผนึกจากเมืองหลวงส่งไปยังหัวเมืองสำคัญทั้งหมดให้เตรียมพร้อมรับมือ
เพียงชั่วพริบตาก็ล่วงเลยเข้าวันที่สิบ แต่หิมะกลับยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกแต่อย่างใด ซ้ำยังตกหนักยิ่งกว่าเก่า
ในที่สุด พวกขุนนางที่ก่อนนี้ยังคิดว่าฮ่องเต้ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ก็ตระหนักได้ว่าพายุหิมะกำลังจะมาเยือนต้าเซี่ยจริง ๆ
เป็นช่วงเวลาเช้าตรู่ดังเช่นที่ผ่านมา ม้าตัวหนึ่งควบมาถึงเมืองหลวงด้วยความรวดเร็วปานลมกรด
“รายงาน…เกิดพายุหิมะขึ้นหลายแห่งในเขตซ่างเหอ เขตเฉิงผิง และเขตหยาง มีผู้ได้รับความเดือดร้อนหลายแสนคน…”
ความสงบสุขในเมืองหลวงถูกทำลายลงด้วยข่าวร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดเรื่องที่พวกเขาเป็นกังวลก็เกิดขึ้นจนได้บราวนี่ออนไลน์
โชคดีที่ได้หนานกงสือเยวียนสั่งการไว้ก่อน งานที่เตรียมไว้ล่วงหน้าจึงพร้อมรับมือ
ทันทีที่ข่าวร้ายมาถึงพระราชวัง หนานกงสือเยวียนก็ออกคำสั่งให้ทุกคนดำเนินการตามหน้าที่ของตน
…
ณ เขตซ่างเหอ
แต่ไหนแต่ไรฤดูหนาวเป็นฤดูที่แสนสาหัสสำหรับราษฎร เพราะว่าอากาศที่หนาวเกินไป อีกทั้งประชาชนก็แทบไร้หนทางในการป้องกันภัยความหนาว ในช่วงฤดูนี้พวกเขาจึงทำได้เพียงลดกิจกรรมกลางแจ้ง และครอบครัวก็จะล้อมวงเพื่อให้ความอบอุ่นแก่กันและกัน
พวกเขาส่วนใหญ่ไม่มีแม้แต่เงินใช้ซื้อถ่านไม้คุณภาพต่ำ ทำได้เพียงขึ้นเขาไปหาฟืนก่อนที่ฤดูหนาวจะมาเยือน แต่ว่าฟืนเหล่านั้นก็ต้องนำมาใช้หุงหาอาหาร หากนำมาเผาก็นับเป็นการสิ้นเปลือง
“หิมะตกหนักเช่นนี้ไม่ดีแน่”
ชายชราผู้มีประสบการณ์รู้สึกถึงลมหนาวที่พัดผ่านหน้าต่างเข้ามาด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย หัวใจของเขาค่อย ๆ จมดิ่ง
“ท่านพ่อ ท่านอย่าพูดจาอัปมงคลสิ”
แม้ปากจะโต้แย้ง แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน และรับรู้ได้ว่ากำลังจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
ทันใดนั้นผู้คนในหมู่บ้านก็ได้ยินเสียงดังโครม พร้อมกับเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
“บ้านถล่ม บ้านถล่มแล้ว!”
เดิมบ้านมุงหลังคาด้วยฟางก็อยู่ในสภาพทรุดโทรมอยู่แล้ว เมื่อทนแรงกดทับจากกองหิมะไม่ไหวจึงพังครืนลงมา ทว่าโชคดีที่เป็นบ้านฟาง คนภายในบ้านจึงบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยไม่ได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ที่โชคร้ายก็คือครอบครัวนี้ไม่มีบ้านให้อยู่อีกต่อไป
บ้านฟางที่พังทลายหลังนี้คล้ายกับเป็นสัญญาณบางอย่าง บ้านเรือนหลายหลังในหมู่บ้านเริ่มทนแรงกดทับจากหิมะไม่ไหว จากนั้นก็ค่อย ๆ พังทลายตาม ๆ กันไป
ไม่นานเสียงร้องไห้คร่ำครวญก็ดังขึ้นทั่วทุกหนแห่ง
บ้านพังทลาย เสบียงถูกทับอยู่ใต้ซาก ไหนจะสูญเสียทรัพย์สินที่เก็บสะสมมาหลายปีอีกไม่น้อย แล้วพวกเขาจะใช้ชีวิตต่อไปเช่นไร!
“พวกทหารมาแล้ว ๆ”
ผู้คนในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้เผชิญหน้ากับเหล่าทหารที่เดินทางมาถึง นอกจากจะไม่รู้สึกยินดีแล้ว กลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ครั้งนี้พวกเขามาพร้อมกับข่าวดี
“ท่านเจ้าเมืองพบถ้ำแห่งหนึ่งที่ด้านหลังภูเขาไว้ให้ทุกคนได้พักพิงชั่วคราว ให้คนแก่และพวกเด็ก ๆ ขึ้นเขาไปพร้อมกับข้า คนเจ็บก็ให้ตามมาด้วยจะมีหมอคอยช่วยรักษา ส่วนพวกผู้ชายที่ยังมีแรงเหลือก็ให้ช่วยกันขุดบ้านเรือนที่พังเพื่อนำเสบียงออกมา หลังไหนที่ยังอยู่ดีให้รีบกวาดหิมะออกจากหลังคาให้เร็วที่สุด!”
ชาวบ้านที่แต่เดิมไร้หนทางและสิ้นหวังพลันเริ่มขยับเขยื้อนภายใต้การสั่งการอย่างเป็นระบบ บรรดาผู้ที่สิ้นหวังเหล่านั้นได้เห็นแล้วว่าราชสำนักมิได้ทอดทิ้งพวกตน ทั้งยังจัดหาที่ทางให้พวกเขาได้หลบภัย ในใจพลันค่อย ๆ มีความหวังขึ้นมา
พวกผู้หญิงจึงพาคนแก่และพวกเด็ก ๆ รวมถึงผู้ที่บาดเจ็บขึ้นไปบนภูเขา ในใจยังรู้สึกเป็นกังวลว่าผู้คนจะอาศัยอยู่ในถ้ำภายใต้สภาพอากาศที่หนาวเหน็บเช่นนี้ได้หรือ แล้วเมื่อไปถึงถ้ำแล้วพวกเขาจะกินอะไร