เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 289 หาเงินเข้าท้องพระคลังท่านพ่อ
บทที่ 289 หาเงินเข้าท้องพระคลังท่านพ่อ
บทที่ 289 หาเงินเข้าท้องพระคลังท่านพ่อ
หลังทุกคนจากไปแล้ว แขนของเสี่ยวเป่าก็เต็มไปด้วยซองแดงจนไม่อาจถืออะไรได้อีก
ชุนสี่จำต้องเข้ามาช่วยเหลือ เสี่ยวเป่าจึงได้สองมือกลับคืนมาอีกครั้ง
“เยอะแยะไปหมดเลย”
เสี่ยวเป่าเพิ่งจะได้สติว่าซองแดงเหล่านี้เป็นของนางทั้งหมด!
นางเปิดซองแดงหยิบเอาถั่วทองคำที่อยู่ภายในออกมาหกเม็ด และพบว่ายังเหลืออยู่ภายในซองอีก!
เสี่ยวเป่าเริ่มตื่นเต้นมากขึ้น นางให้คนพาไปนั่งที่ม้านั่งเล็ก ๆ ก่อนจะเริ่มช่วยกันเปิดซองแดงทั้งหมดที่ได้รับมา
ของในซองแดงส่วนใหญ่คล้ายคลึงกัน บ้างก็เป็นถั่วทองคำ บ้างก็เป็นเมล็ดทานตะวันทองคำ บ้างก็เป็นปลาทองคำตัวเล็ก ๆ และรูปทรงอื่น ๆ ที่เอาทองคำมาทำเป็นรูปร่างต่าง ๆ ซึ่งมีความหมายมงคลและใส่มาในซองแดง
เสี่ยวเป่าส่งเสียงว้าวด้วยความตื่นเต้นทุกครั้งที่เปิดซองแดงออกมา
นางเพียงกล่าวอวยพรพวกเขาเท่านั้น แต่กลับได้รับซองแดงมาเป็นจำนวนมาก
ที่จริงแล้วมันไม่ได้มีมูลค่ามากมายอะไรถึงเพียงนั้น ซองแดงแต่ละซองมีเพียงตำลึงทองมงคลชิ้นเล็ก ๆ และพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะมอบให้มากกว่านี้
ในช่วงวันข้ามปีเช่นนี้ หาใช่เรื่องใหญ่อะไรที่จะถวายซองแดงแก่องค์หญิงน้อย เพื่อให้พระองค์อวยพรปีใหม่เป็นสิริมงคล แต่หากถวายเงินทองของมีค่ามากเกินไปจะถูกมองว่าเป็นการติดสินบนเอาได้ และหากฮ่องเต้ทรงทราบขึ้นมามันย่อมกลายเป็นปัญหาใหญ่แน่นอน
“ทำสิ่งใดอยู่”
สุรเสียงทุ้มต่ำของหนานกงสือเยวียนดังขึ้น ดวงตาของเขาจ้องไปทางเจ้าก้อนแป้งที่กำลังเปิดซองแดงอย่างมีความสุข
เสี่ยวเป่าเงยหน้าขึ้นมองท่านพ่อพลางยิ้มกว้าง ถือเมล็ดทานตะวันทองคำ ถั่วทองคำ และปลาทองคำชิ้นเล็กจิ๋วไว้ในมือพลางอวดให้เขาเห็น
“ท่านพ่อดูสิ วันนี้เสี่ยวเป่าได้เงินเยอะมากเลย!”
แม้ทองที่อยู่ภายในซองแดงจะไม่ได้มากมายนัก แต่นางได้รับซองแดงมากกว่าสิบซอง!
ชุนสี่ยิ้มอย่างมีความสุขและกราบทูลเรื่องราวทั้งหมดแก่ฝ่าบาท
กล่าวตามตรง นางก็สับสนเช่นกันที่ใต้เท้าหลิวมาขอคำอวยพรปีใหม่จากองค์หญิง เมื่อองค์หญิงน้อยถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้ใหญ่ พระองค์ก็เริ่มอวยพรเป็นคำมงคลแก่พวกเขาและรับซองแดงมาเรื่อย ๆ รู้ตัวอีกทีก็พบว่าได้รับซองมามากมาย
แต่ขณะเดียวกัน นางกำนัลใกล้ชิดอย่างนางก็ภูมิใจมากที่องค์หญิงน้อยเป็นที่สนใจและเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน
หลังจากหนานกงสือเยวียนได้ยินเรื่องทั้งหมด “…”
คาดไม่ถึงเลยว่าเหล่าขุนนางจะทำเช่นนี้ เขามองซองแดงก่อนจะพินิจว่าคนพวกนั้นมีเจตนาแอบแฝงอยู่หรือไม่
“เปิดดูหมดแล้วหรือ”
เสี่ยวเป่ายังเด็กนัก ไม่แปลกที่จะได้รับซองแดงตามเทศกาล ครั้นพูดถึงเรื่องนี้แล้วเห็นทีว่าเขาคงต้องช่วยนางเติมท้องพระคลังน้อย ๆ ด้วย
“ท่านพ่อ เสี่ยวเป่ามีของจะให้ท่านพ่อด้วย”
บนใบหน้าของเด็กน้อยปรากฏร่องรอยความตื่นเต้น นางรีบคว้ามือบิดาแล้วเดินนำไปที่ห้องปีกข้าง
“ท่านพ่อดูนี่สิ!”
ร่างเล็กรีบผลักประตูให้เปิดออก พร้อมกับเสียงหวานใสที่ดังกังวาน
นางจัดห้องเล็ก ๆ ไว้เป็นพิเศษ มีชั้นสำหรับวางของโบราณจำนวนมาก บนชั้นเต็มไปด้วยเครื่องเคลือบลายครามรูปแบบต่าง ๆ และยังมีตุ๊กตาหลายตัวรวมถึงนักษัตรทั้งสิบสอง
เครื่องเคลือบลายครามทั้งหมดเป็นฝีมือของช่างฝีมืออาวุโส ส่วนใหญ่เป็นเครื่องเคลือบสีขาว ทั้งแจกันคอยาวเลอค่าหรือทรงสั้นกลมที่ดูน่ารัก รวมถึงจานชามที่สวยงามราวกับหยกขาว
นอกจากเครื่องลายครามสีขาวแล้ว แร่ชนิดพิเศษที่เสี่ยวเป่าค้นพบยังถูกนำมาใช้ปั้นเป็นงานต่าง ๆ หลายชิ้นอีกด้วย มีเครื่องลายครามสีชมพูแบบดอกอิง*[1] สีน้ำเงินคราม และสีเขียวทะเลสาบให้เลือกสรร ดูงดงามจับตาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้มอง และยังดูแปลกใหม่มากอีกด้วย
หนานกงสือเยวียนประหลาดใจมากกับเครื่องลายครามที่ตั้งอยู่ภายในห้อง
“นี่มัน…”
ขณะที่เดินเข้าไป สายตาของเขาก็พลันถูกตุ๊กตาเครื่องเคลือบที่ถูกปั้นให้อยู่ในท่าทางต่าง ๆ ดึงดูด
หนานกงฉีอวิ๋นคอยสังเกตสีหน้าและอิริยาบถของน้องสาวมาตลอด จึงสามารถสร้างตุ๊กตาเหล่านี้ขึ้นมาได้อย่างไร้ที่ติ
เช่นเวลากินอาหาร แก้มกลมของเด็กน้อยจะพองขึ้นอย่างน่าเอ็นดู หรือยามนางวิ่งไปไหนมาไหนจะใช้มือเล็ก ๆ เลิกกระโปรงขึ้น นอกจากนี้ยังมีท่าทางกำลังถือจอบเล็ก ๆ ขุดดินปลูกพืช และเด็กน้อยที่ขี่หลังเสือกับกวางขาวด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข
เมื่อได้เห็นตุ๊กตาเหล่านี้ เขาก็ยกยิ้มอย่างอดไม่ได้ และคิดเช่นเดียวกับหนานกงหลีว่าต้องการจะครอบครองตุ๊กตาทั้งหมดไว้เอง!
เสี่ยวเป่าเขย่งปลายเท้ามองเครื่องลายครามบนชั้นแล้วเอ่ยว่า “ท่านพ่อช่วยเสี่ยวเป่าเลือกตุ๊กตานักษัตร กับของชิ้นเล็ก ๆ อื่น ๆ หน่อยสิเพคะ เสี่ยวเป่าจะเอาไปให้พี่ ๆ ท่านอาจารย์ แล้วก็ท่านอาสี่…”
เสี่ยวเป่านับนิ้วของตัวเอง พลันพบว่าตั้งแต่มาโลกนี้มีผู้คนที่ใจดีกับนางอยู่มากมาย ไม่เช่นนั้นภูตน้อยอย่างนางอาจจะไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างมีความสุขบราวนี่ออนไลน์
หนานกงสือเยวียน “…”
จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าการมีลูกชายมากเกินไปเป็นเรื่องน่ารำคาญใจเล็กน้อย
ตุ๊กตาเครื่องเคลือบทั้งหมดประณีตงดงามและน่ารักมาก ซ้ำยังมีเสี่ยวเป่าเป็นต้นแบบ ทำให้เขาทนไม่ได้ที่จะต้องจับพวกมันแยกออกมา
“สองชิ้น”
เสี่ยวเป่าเอียงคอมองท่านพ่อด้วยความสงสัย “เพคะ?”
ท่านพ่อกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน
“ของข้าสองชิ้น”
น้ำเสียงของเขายังคงราบเรียบ ราวกับเป็นการพูดเรื่องทั่ว ๆ ไป
ทว่าความจริง สำหรับหนานกงสือเยวียนเขาถือว่าตนยอมลงให้มากแล้ว
เสี่ยวเป่าเหลือบมองตุ๊กตาเครื่องเคลือบแล้วพูดรับปากว่า “ได้เลยเพคะ”
แน่นอนว่าเสี่ยวเป่าต้องตามใจท่านพ่ออยู่แล้ว
เด็กน้อยทำท่าภาคภูมิใจ “ท่านพ่อเอาไปสองตัวก่อน แล้วเสี่ยวเป่าจะไปขอให้พี่สามทำตุ๊กตาให้อีก”
หนานกงสือเยวียนเลิกคิ้ว “เจ้าสามเป็นคนทำหรือ”
แน่นอนอยู่แล้ว! พี่สามของนางเก่งกาจมาก
เสี่ยวเป่าเริ่มเล่าถึงพี่สามว่าเขาเป็นคนที่มีความรู้เรื่องสิ่งต่าง ๆ มากมาย และยังเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว…
หนานกงสือเยวียนหัวเราะเบา ๆ เจ้าต่างหากที่เรียนรู้ได้รวดเร็ว งานเช่นนี้เป็นสิ่งที่เจ้าสามสนใจอยู่แล้วจึงทำออกมาได้ดี ต่างจากการศึกษาเล่าเรียนในห้อง
ทว่าเมื่อเห็นเช่นนี้ เขาก็รู้สึกว่าตนตัดสินใจได้ถูกต้องแล้วที่ส่งบุตรชายไปกรมโยธา
พอรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นผลงานของบุตรชาย ซ้ำยังทำออกมาได้ดีอีกด้วย ผู้เป็นบิดาอย่างเขาก็ไม่รู้สึกเป็นห่วงอีกต่อไป
หนานกงสือเยวียนหันไปมองเครื่องเคลือบลายครามสีอื่นที่ไม่ใช่สีขาว
“ทั้งเครื่องเคลือบลายครามสีขาวและเครื่องเคลือบอื่น ๆ ในห้องนี้ แค่เอาใส่ในเตาเผามันก็ออกมาได้ดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
ถือว่าเป็นการพัฒนาครั้งใหญ่มาก
เสี่ยวเป่าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเสี่ยวเป่าเอง!”
เสียงเจื้อยแจ้วเล่าเรื่องทั้งหมด ว่าตนเองค้นพบดินเหนียวที่สามารถนำมาทำเครื่องเคลือบลายครามสีขาวได้ จากนั้นก็เผยสีหน้าคาดหวัง “เร็วเข้าสิท่านพ่อ ชมเสี่ยวเป่าหน่อย”
หนานกงสือเยวียนลูบเส้นผมนิ่มของลูกสาว “เก่งมาก”
เสี่ยวเป่ามีความสุขขึ้นมาทันที
“ท่านพ่อ ๆ ของพวกนี้เราเอาไปขายเพื่อหาเงินได้หรือไม่ ขายมันให้อาณาจักรอื่น ๆ หาเงินเข้าพระคลังของท่านพ่อเป็นรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างไรเล่าเพคะ!”
เด็กหญิงตัวน้อยฉลาดหลักแหลมยิ่ง ก่อนนี้ที่อาเจ็ดและคนอื่น ๆ มาซื้อสุรา นับเป็นการเปิดประตูสู่โลกใหม่ให้กับนางก็ว่าได้
พี่สามและช่างฝีมืออาวุโสด้านเครื่องเคลือบโบราณเคยบอกว่า เครื่องเคลือบลายครามสีขาวนั้นเป็นของหายากมาก และนอกจากสีเขียวหยกแล้ว ก็ไม่เคยเห็นเครื่องเคลือบสีอื่นมาก่อน
หากไม่เคยพบสีอื่นมาก่อน นั่นหมายความว่าของเหล่านี้สามารถสร้างรายได้ได้ด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกับเหล้าองุ่นและเหล้าลูกพลับของนาง
หนานกงสือเยวียนมองดูเครื่องเคลือบลายครามหลากสี พลันความยินดีก็ฉายชัดในแววตา “ความคิดดี”
สุราและเครื่องเคลือบลายครามเหล่านี้ทำกำไรได้มหาศาล เหมาะให้คหบดีและเหล่าขุนนางที่มีฐานะแย่งชิงกัน แต่เงินที่พวกเขาจ่ายนั้นไม่ได้เติมเข้ามาในท้องพระคลังหลวง
ฮ่องเต้มองธิดาของตน อดคิดไม่ได้ว่าเด็กตรงหน้าเขาในตอนนี้ กลายเป็นตุ๊กตานำโชคตัวน้อยจริง ๆ แล้วใช่หรือไม่
หนานกงสือเยวียนอุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นมา ก่อนจะบีบแก้มกลมของนาง
“เด็กน้อย เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจนัก”
เด็กเล็กซบหัวอยู่ในอ้อมแขนท่านพ่ออย่างน่ารัก เมื่อได้ยินคำชื่นชมเช่นนั้นก็เข้าไปกอดไหล่ของท่านพ่ออย่างรักใคร่ด้วยท่าทางเหมือนลูกแมวกำลังออดอ้อน
“เสี่ยวเป่าเป็นสมบัติน้อย ๆ ของท่านพ่อ แน่นอนว่าต้องทำให้ท่านพ่อประหลาดใจได้มากอยู่แล้วเพคะ”
[1] ดอกอิง คือ ดอกซากุระ