เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 294 ให้ท่านอาเจ็ดไปกับข้าได้หรือไม่
บทที่ 294 ให้ท่านอาเจ็ดไปกับข้าได้หรือไม่?
บทที่ 294 ให้ท่านอาเจ็ดไปกับข้าได้หรือไม่?
ท้ายที่สุด เสี่ยวเป่าก็จ่ายค่ายาด้วยเหล้าที่นางจะบ่มในอนาคต ก่อนกลับไปที่วังพร้อมขวดและกระปุกยาจำนวนมาก
หลังจากที่ทุกอย่างพร้อมแล้ว วันรุ่งขึ้น นางก็พาพี่สามออกจากพระราชวังไปสำนักคุ้มภัย
นางไม่รู้ว่าท่านพ่อจะใช้เวลานานแค่ไหนในการเตรียมไปรษณีย์ให้เสร็จ
เสี่ยวเป่าเคยจ้างสำนักคุ้มภัยมาก่อนแล้ว นางเองก็เป็นลูกค้าประจำเหมือนกัน เมื่อพวกเขาเห็นลูกค้าเดินเข้ามา ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ สำนักคุ้มภัยก็ไม่กล้าที่จะละเลยแม้แต่คนเดียว
โดยเฉพาะเสี่ยวเป่าที่ไม่เพียงแต่งตัวหรูหราเท่านั้น แต่นางยังเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของที่นี่ด้วย พวกเขาจึงต้องอำนวยความสะดวกให้ผู้สูงศักดิ์ตัวน้อยรู้สึกสบายเหมือนอยู่บ้าน
เสี่ยวเป่ามักจะส่งของเป็นครั้งคราว และบางครั้งจุดหมายปลายทางของนางก็แตกต่างกัน แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าใครคือผู้รับ แต่สถานที่ที่นางส่งไปก็ไม่ธรรมดาเลย
ทั้งสองแห่งล้วนเป็นกองทัพ ดูเหมือนว่าอย่างน้อยสองคนในครอบครัวของเด็กหญิงคนนี้จะเกี่ยวข้องกับกองทัพ
การที่คนในครอบครัวซึ่งอยู่ในเมืองหลวงสวมผ้าเนื้อดีเช่นนี้ ทั้งยังส่งของมากมายทุกครั้ง โดยการเดินทางเพียงรอบเดียวก็ใช้เงินมหาศาล ตำแหน่งนายทหารคนนี้คงไม่ต่ำนัก
เสี่ยวเป่าและหนานกงฉีอวิ๋นเฝ้าดูพวกเขาขนของทุกอย่างขึ้นเกวียน จ่ายเงินมัดจำแล้วจากไป
“พวกเราน่าจะทำต้นแบบเตียงเตาในวันนี้ เสี่ยวเป่า เจ้าอยากไปดูหรือไม่?”
เมื่อพูดถึงเรื่องที่เขาสนใจ ดวงตาของหนานกงฉีอวิ๋นจะเปล่งประกายระยิบระยับ โดยทิ้งท่าทางเหนียมอายและเก็บตัวไปโดยสิ้นเชิง
เสี่ยวเป่าปรบมือและชมเชย “ข้ารู้ว่าพี่สามต้องทำได้ ท่านเก่งที่สุดเลย!”
หูของหนานกงฉีอวิ๋นแดงขึ้นเล็กน้อย แต่รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลากลับเด่นชัดยิ่งขึ้น
“ไม่ใช่แค่ข้า ทุกคนต่างยอดเยี่ยมมาก”
ในฐานะองค์ชายผู้มีอัธยาศัยดี มีไมตรีจิต ไม่โลภผลงาน ทุกครั้งที่ทำสิ่งใดสำเร็จ พระองค์จะไม่ลังเลที่จะกล่าวถึงความดีความชอบของทุกคนต่อหน้าบิดา จากจุดนี้ กระทั่งพวกใจแคบในกรมโยธายังประทับใจในตัวเขามาก
มีเจ้านายเช่นนี้ ใครบ้างจะไม่ชอบ?
ที่จริงแล้วตราบใดที่รู้หลักการทั่วไปของเตียงเตา ช่างฝีมือผู้มีประสบการณ์ย่อมทำได้ไม่ยาก
เมื่อเสี่ยวเป่าและหนานกงฉีอวิ๋นมาถึง ช่างฝีมือระดับปรมาจารย์เหล่านั้นก็เริ่มทำงานกันแล้ว
เพื่อเตียงเตานี้ พวกเขายังหาสถานที่เพื่อสร้างบ้านอิฐคล้ายกับบ้านของชาวนาขึ้น ก่อนจะเริ่มสร้างเตียงเตา
“ส่งอิฐตรงนั้นมาให้ข้าหน่อย”
“ต้องเปลี่ยนโครงสร้างนี้ ไม่เช่นนั้นความร้อนจะไม่สามารถผ่านได้”
บรรดาคนที่กำลังทำงานต่างไม่ได้สังเกตเห็นการมาถึงของหนานกงฉีอวิ๋น แต่ในไม่ช้า หัวหน้าก่อสร้างก็เหลือบไปเห็นเขาเข้ามาพอดี
“องค์ชายสามพ่ะย่ะค่ะ ตรงนี้ต้องเปลี่ยน แล้วก็ตรงนี้…”
ชายชราผู้กระตือรือร้นหยิบแบบร่างปรี่เข้าหาหนานกงฉีอวิ๋น ก่อนจะชี้นั่นชี้นี่ไปที่แผ่นกระดาษในมือ
หนานกงฉีอวิ๋นพยักหน้าเป็นครั้งคราว เมื่อพูดคุยในเรื่องที่ตนสนใจ นอกจากจะไร้ท่าทีเขินอายแล้วยังดูกระตือรือร้นอย่างมากด้วย
เสี่ยวเป่าจ้องมองด้วยดวงตากลมโต อยู่ที่นี่พี่สามจะต้องส่องประกายแน่ เขาจะไม่ดูไร้ตัวตนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว!
เมื่อเห็นว่าพี่ชายของนางและทุกคนกำลังยุ่ง เสี่ยวเป่าจึงหาเก้าอี้ตัวเล็ก ๆ มานั่งรออย่างเชื่อฟัง
“ไอ้หยา องค์หญิง เหตุใดพระองค์ถึงมานั่งตรงนี้เล่าพ่ะย่ะค่ะ ยามนี้ที่นี่ยุ่งวุ่นวายมาก ประเดี๋ยวคนจะเหยียบท่านเอาได้นะ!”
เมื่อได้ยินเสียงนั้น หนานกงฉีอวิ๋นก็ได้สติขึ้นมาทันที
น้องหญิงมาด้วยนี่!
เขาหันไปหาด้วยความรู้สึกผิดในใจ
“เสี่ยวเป่า”
เสี่ยวเป่านั่งจุมปุ๊กอยู่ข้าง ๆ เท้าเขา
“ท่านพี่!”
ท่านเกือบจะเหยียบข้าแล้ว…
หนานกงฉีอวิ๋นรีบก้าวถอยหลัง “ขอโทษ ข้าขอโทษ”
“ไม่เป็นไร ท่านพี่ไม่ได้เหยียบเสี่ยวเป่า”
หนานกงฉีอวิ๋นจับมือน้องสาวของเขาแล้วหันไปพูดกับชายชรา
“ท่านอาจารย์หม่า หลังจากแก้ไขแบบร่างแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมาก ดังนั้นโปรดทำงานของท่านให้แล้วเสร็จ ส่วนข้าจะพาน้องหญิงออกไปก่อน”
อาจารย์หม่าโค้งคำนับเสี่ยวเป่า “น่าละอายใจนัก ตาเฒ่าคนนี้เอาแต่มองไปที่ภาพวาดจนไม่ทันเห็นองค์หญิงเลย”
เสี่ยวเป่าเลียนแบบท่าทางของเขาและโค้งคำนับ “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เสี่ยวเป่าดูแลตัวเองได้”
ท่าทางของเจ้าตัวเล็กนั้นทำให้หลายคนหัวเราะด้วยความเอ็นดู
…
ไม่กี่วันต่อมา เมื่อเตียงเตาสร้างเสร็จ และการทดลองก็ประสบผลสำเร็จ ทั่วทั้งท้องพระโรงต่างตื่นตะลึง
นี่คือสิ่งที่สามารถทำให้ผู้คนจำนวนมากรอดชีวิตในฤดูหนาวได้
เพราะเสื้อขนแกะมีจำกัด ทั้งตกกลางคืนอากาศก็จะทวีความหนาวเย็นมากขึ้นบราวนี่ออนไลน์
แต่เตียงเตา เพียงใช้ฟืนเพียงเล็กน้อย ก็จะสามารถสร้างความอบอุ่นได้ตลอดทั้งคืน รวมถึงสามารถให้ความร้อนในการปรุงอาหารได้ สิ่งนี้จะช่วยประหยัดเงินให้กับผู้คนได้จำนวนมาก!
ในท้องพระโรง หนานกงสือเยวียนให้รางวัลแก่ผู้ที่มีส่วนร่วมทั้งหมด รวมถึงองค์ชายสาม จากนั้นจึงเริ่มพูดคุยแผนการต่อจากนี้
“ข้าจะให้ช่างฝีมือกรมโยธาส่งต่อพวกมันให้ช่างฝีมือพื้นบ้าน ชาวบ้านจะต้องมีเตียงเตาใช้ก่อนปีหน้า”
ขุนนางฝ่ายบู๊บุ๋นตะลึงงัน นี่… ฝ่าบาท นี่หมายความว่าจะสอนช่างฝีมือพื้นบ้านเปล่า ๆ และคลังหลวงจะไม่ได้รับเงินสักแดงอย่างนั้นหรือ
หนานกงสือเยวียนเงยหน้าขึ้นมองพวกเขา “พวกเจ้ามีข้อโต้แย้งหรือไม่”
สุดท้ายขุนนางเฒ่าก็กัดฟันแล้วก้าวไปข้างหน้า “ฝ่าบาท คลังหลวง…”
หนานกงสือเยวียนยกมือขึ้นเพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดต่อไป
“คลังหลวงจะไม่ขูดรีดกับประชาชนเพื่อผลกำไรเพียงเล็กน้อยเช่นนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว ชายคนนั้นก็แทบจะกระอักเลือด เตียงเตาหนึ่งหลังเป็นเงินไม่มาก แต่ต้าเซี่ยมีนับร้อยนับพันครอบครัว
ท่านก็แค่ถามพอเป็นพิธีสินะ? ในเมื่อพระองค์ไม่ต้องการความคิดเห็นของเรา เหตุใดจึงต้องถามด้วย?
“มีคำถามหรือไม่”
ใช่แล้ว ประโยคที่แท้จริงของมัน คือ ‘ใครกล้าออกความคิดเห็น’ ต่างหาก
“ลูกไม่คัดค้าน” หนานกงฉีซิวยืนขึ้นก่อน
หนานกงฉีอวิ๋นเออออตามพี่ชายของเขาไปทันที “ลูกก็ไม่คัดค้านเช่นกัน”
จุดประสงค์ในการสร้างเตียงเตานี้คือเพื่อให้ผู้คนสามารถเอาชีวิตรอดในฤดูหนาวได้มากขึ้น ซึ่งแนวทางของเสด็จพ่อตรงกับความต้องการของเขาอย่างยิ่ง
หนานกงสือเยวียน “ดี เช่นนั้นเราจะต้องทำให้ทุกคนรู้จักและเข้าใจประโยชน์ของเตียงเตา ประชาชนจึงจะยอมรับด้วยความเต็มใจ”
ขุนนางฝ่ายบู๊บุ๋น “…”
ไม่ ยังมีบางคนมีความคิดเห็นแต่ไม่กล้าพูดออกมา
“ในเมื่อองค์ชายสามเป็นผู้นำ เรื่องนี้คงต้องฝากองค์ชายสามแล้ว”
หนานกงฉีอวิ๋น “…”
เขา… เขาไม่ไปได้หรือไม่ ถ้าไปจะต้องพูดคุยกับคนจำนวนมากสินะ? เมื่อคิดถึงตรงนี้ก็ทำให้หนังศีรษะของเขารู้สึกตื้อชา
“เสด็จ… เสด็จพ่อ”
หนานกงฉีอวิ๋นซึ่งก้าวกลับไปยืนอย่างเงียบ ๆ ที่มุมห้องแล้ว พลันลุกขึ้นยืนอย่างกล้าหาญอีกครั้ง
“ว่ามา”
หนานกงฉีอวิ๋นกล่าวว่า “ให้ท่านอาเจ็ดไปกับข้าได้หรือไม่”
หนานกงสือเยวียนเหลือบมองใครบางคน ก่อนจะพยักหน้าโดยไม่ลังเลใจ
“ได้”
หนานกงหลีที่พิงกำแพงอยู่และกำลังหาว “หืม???”
“อะไรนะ?!!!”
ไม่สิ เขายืนอยู่ตรงนี้ดี ๆ ทั้งยังพยายามอย่างหนักเพื่อลดการมีตัวตน ทำไมถึงถูกลากไปเกี่ยวได้ล่ะ