เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 305 ปลุกปั่นความโกรธแค้นของประชาชน
บทที่ 305 ปลุกปั่นความโกรธแค้นของประชาชน
บทที่ 305 ปลุกปั่นความโกรธแค้นของประชาชน
แม้เจ้าเมืองหลี่จะอยากเคลื่อนไหวสักเพียงใด แต่เขาก็ต้องทำงานตามที่หนานกงหลีสั่งเสียก่อน
มิฉะนั้น เขากลัวจริง ๆ ว่าเซียวเหยาอ๋องจะส่งฎีกาถึงฝ่าบาทและริบตำแหน่งของตนไป
หลังจากผ่านไปสองวัน ช่างฝีมือก็มาถึง เมื่อทักทายกันสั้น ๆ แล้ว หนานกงหลีก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนจากกรมโยธา
เรื่องที่นี่ปล่อยให้หลานชายจัดการไป ส่วนเขาจะพาเสี่ยวเป่าออกไปเที่ยว!
ในความเป็นจริงตั้งแต่มาถึงเมืองจินโจว เขาก็เข้าเมืองไปบ่อยครั้ง ในสายตาของคนอื่น เขากลายเป็นคนมากตัณหาที่ไปสถานที่เช่นหอนางโลมเพื่อดื่มสุราเคล้านารี
ซึ่งเขาไปหอนางโลมจริง ๆ แต่ไปเพื่อสืบหาข้อมูลเท่านั้น หาได้มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง
กิจการอื่น ๆ ก็มีคนตระกูลอวี๋แทรกซึมอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่ไม่ใช่กับหอนางโลมนี้
เนื่องจากฮูหยินอวี๋เป็นสตรีขี้ระแวง หากทำกิจการร่วมกับหอนางโลม สามีนางจะไม่ไปหอนางโลมบ่อย ๆ โดยอ้างว่าเพื่อตรวจสอบหรอกหรือ
แต่หอนางโลมนี้นับเป็นสถานที่ที่สามารถรวบรวมข้อมูลได้มากและรวดเร็วที่สุด
เขามาที่นี่เพียงไม่กี่วัน แต่ก็สร้างความสัมพันธ์อันดีกับสตรีหลายคนในหอนางโลมได้แล้ว ทั้งยังได้รับข้อมูลมากมายเกี่ยวกับเจ้าเมืองจินโจวและตระกูลอวี๋อีกด้วย
ตราบใดที่รวบรวมหลักฐานได้เพียงพอ เจ้าเมืองหลี่นี้อย่าหวังว่าจะรักษาตำแหน่งไว้ได้
วันนี้สภาพอากาศไม่ค่อยดีนัก หนานกงหลีสวมชุดสีม่วงอุ้มเสี่ยวเป่าไว้ด้วยมือข้างหนึ่งแล้วเดินไปในตลาด
ระหว่างทาง ผู้คนที่เห็นเขาต่างพากันส่ายหัวและถอนหายใจ
“คุณชายคนนี้ ออกมาเดินเตร็ดเตร่เช่นนี้ ช่างไม่กลัวอะไรเลยจริง ๆ…”
กลัว? กลัวอันใด
ขณะที่หนานกงหลีครุ่นคิดถึงสิ่งที่ได้ยิน เสียงเกือกม้าพลันดังจนพื้นสะเทือน
“คุณหนูรองตระกูลอวี๋กลับมาแล้ว ทุกคนหลีกทางไปซะ!”
บ่าวที่ขี่ม้านำขบวนเหวี่ยงแส้ใส่ฝูงชนที่อยู่บนถนน บางคนที่หลบไม่ทันก็ถูกปลายแส้สะบัดทิ้งรอยแดงไว้บนผิวเนื้อ แต่ถึงโกรธเพียงใดกลับไม่มีใครกล้าพูดออกมาแม้แต่คนเดียว
หนานกงหลีแสดงสีหน้ารังเกียจพลางอุ้มเสี่ยวเป่าเดินหลบไปด้านข้าง
ทันใดนั้นเด็กคนหนึ่งก็วิ่งพรวดออกมาจากฝูงชนแล้วสะดุดล้มลง เด็กน้อยร้องไห้หามารดาและพยายามลุกขึ้นอย่างยากลำบาก แต่กลับตัวแข็งทื่อ ตกใจกับม้าตัวใหญ่ที่พุ่งเข้าชนจนหน้าซีดขาว
“ลูกข้า!!!”
องครักษ์ที่อยู่ข้าง ๆ หนานกงหลีพุ่งออกไปราวกับลูกธนู พลันคว้าเด็กไว้ในอ้อมแขน ไหล่ของเขากระแทกเข้ากับกีบม้าขณะกลิ้งหลบ
องครักษ์อีกคนหนึ่งแย่งแส้ไปจากมือบ่าวรับใช้ด้วยความโกรธแล้วกระชากตัวลงมาจากหลังม้า
อีกฝ่ายล้มลงอย่างแรงก่อนจะครวญครางด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้น แต่ไม่มีใครแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อเขา กลับกันทุกสายตาต่างเต็มไปด้วยความรังเกียจ
เสี่ยวเป่าโบกมือ เรียกตัวต่อที่บินออกไปให้กลับมาหาตน ตัวต่อเกาะอยู่บนมือของนางอย่างเชื่อฟัง
เดิมทีนางอยากจะให้ต่อต่อยคนคนนั้น แต่ตอนนี้นางว่าตีเขาเองน่าจะสะใจกว่า!
หนานกงหลีอุ้มเสี่ยวเป่าพลางเตะชายคนนั้นอย่างโกรธจัด ขณะมีรอยยิ้มชั่วร้ายประดับใบหน้า
“ช่างกล้านัก กล้าขี่ม้าบนถนนทั้งยังทำร้ายผู้คน!”
ดวงตาของเสี่ยวเป่าเองก็มีความโกรธอยู่ นางชูหมัดเล็ก ๆ ขึ้นแล้วพูดอย่างดุร้าย
“คนเลว! ท่านอาเจ็ดเตะอีก!”
แม้ชายคนนั้นจะเจ็บตัว แต่เขาก็ยังพูดข่มขู่อย่างหยิ่งผยอง
“เจ้าพวกไพร่ ข้าคือคนตระกูลอวี๋ เจ้ารู้หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจ้าทำให้ข้าขุ่นเคือง!”
หนานกงหลีมองอีกฝ่ายด้วยความรังเกียจ “เจ้าคงไม่ต้องการปากอีกแล้วสินะ ตัดลิ้นของเขาซะ”
องครักษ์คนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับกริช บ่าวรับใช้ผู้ชั่วร้ายมองกริชคมกริบด้วยสายตาอันหวาดกลัว เสียงร้องแหลมหูก็ดังขัดเสียก่อน
“เจ้ากล้าดีอย่างไรมาแตะต้องสมาชิกในตระกูลอวี๋ของข้า!”
รถม้าที่ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามขับผ่านมา ผ้าม่านถูกผลักเปิด ก่อนหญิงสาวร่างอวบจะเดินออกมา นางสวมเครื่องประดับอัญมณีงดงามเต็มแขนเต็มคอ เพื่อโอ้อวดความมั่งคั่งของตน
นางกลับไม่รู้ตัวเลยว่าตนไม่คู่ควรเครื่องประดับเหล่านั้นแม้แต่น้อย ไม่เพียงแต่จะทำให้เครื่องประดับทองคำเหล่านั้นดูหม่นหมอง แต่นางยังดูเหมือนหมูตัวใหญ่ที่สวมทองคำและเงิน
อวี๋จูจูลงจากรถม้า แต่สายตาของนางกลับจ้องมองไปที่หนานกงหลี ซึ่งแต่งกายด้วยชุดสีม่วงสง่างาม ดูมีความสามารถและหล่อเหลาไม่วางตา
นางกลายเป็นหญิงมากราคะขึ้นมาทันที
หนานกงหลีที่ถูกจ้องมองด้วยความหลงใหล พลันรู้สึกคล้ายอยากสำรอกอาหารเมื่อคืนออกมา
“คุณชาย ข้าไม่รู้ว่าบ่าวของข้าทำเรื่องใดให้คุณชายขุ่นเคือง หากคุณชายไม่รังเกียจ เชิญไปที่บ้านของข้า ข้า อวี๋จูจู จะต้องขออภัยคุณชายเป็นการส่วนตัวแน่นอน”
เสียงที่จงใจดัดให้อ่อนหวาน ทำให้หนานกงหลีและเสี่ยวเป่าต่างตัวสั่นและขนลุกไปทั่วทั้งตัว
แม้แต่องครักษ์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็ยังลอบกลืนน้ำลาย ก่อนจะมองท่านอ๋องด้วยท่าทีเห็นอกเห็นใจเล็กน้อย โชคดี… โชคดีที่ใบหน้าของเขาดูมีเหลี่ยมและสมชายชาตรี
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกปลอดภัย ถึงจะไม่หล่อก็ตาม บราวนี่ออนไลน์
หนานกงหลีแม้จะใช้ชีวิตอย่างคุณชายเจ้าสำราญมาหลายปี แต่เขาก็ยังเป็นอ๋อง ไหนเลยจะทนความรำคาญเช่นนี้ได้
เขาตะคอกด้วยความโกรธ “ไสหัวไป!”
จู่ ๆ ใบหน้าของอวี๋จูจูก็พลันมืดลง “การตัดสินใจไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า ไม่มีบุรุษใดที่ข้า อวี๋จูจู ต้องการแล้วคว้ามาไม่ได้ จับตัวเขาไว้!”
หนานกงหลีสบถ
ตระกูลอวี๋มีพิษสงมากนักใช่หรือไม่ หน้าตาดีหน่อยก็ถูกลวนลาม อยากได้ก็ฉุดคร่า!
ดังนั้นเขาจึงคว้าแส้ขี่ม้าในมือขององครักษ์แล้วสะบัดมันไปทางอวี๋จูจูด้วยความโกรธเกรี้ยว
“เจ้าคนตระกูลอวี๋ทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาจริง ๆ จับพวกมัน!”
“ขอรับ!”
เหล่าองครักษ์ต่างพุ่งตัวออกไป จับกุมบ่าวรับใช้ของอวี๋จูจูไว้ทั้งหมด
อวี๋จูจูเห็นว่านางกำลังเสียเปรียบจึงหันหลังหมายจะหนีไป แต่นางหาได้สำนึกผิดไม่
“พวกเจ้ารอก่อนเถอะ ตระกูลอวี๋ของข้าจะจัดการพวกเจ้าแน่!”
พี่เขยจะต้องจัดการกับคนเหล่านี้แน่!
ขณะที่นางกำลังจะขึ้นรถม้า นางก็เผชิญหน้ากับตัวต่อยักษ์ตัวหนึ่ง
“กรี๊ด!!!”
อวี๋จูจูถูกต่อยเข้าที่หน้า ความเจ็บปวดทำให้นางกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร่างอ้วนร่วงลงมาจากรถม้าทันที
เมื่อเห็นท่าทางของนาง ผู้คนต่างพากันหัวเราะเยาะทันที
บางคนอาศัยฝูงชนอำพรางตัวและส่งเสียงเหยียดหยาม ระบายความอัดอั้นที่ถูกตระกูลอวี๋กดขี่มาหลายปี
“นังหมูตอน!”
“นังหมูตอน ทำไมแกไม่ตายซะ!”
อวี๋จูจูปิดหน้าตัวเอง บ่าวรับใช้ของนางยังปกป้องตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ ส่วนคนที่ด่านางก็ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน นางจึงหาพวกเขาไม่พบ
ในตอนนั้นเอง ก็มีใครไม่รู้ปาไข่เน่าใส่นาง
การกระทำนี้เหมือนเป็นการเปิดทาง ผู้คนต่างพร้อมใจระดมปาของเน่าเสียใส่นาง
อวี๋จูจูสบถสาปแช่ง และใช้สองมือปัดป้องใบหน้าบวมปูดของตน แต่ทันทีที่นางหยัดกายขึ้นจากพื้น อ่างน้ำก็ตกลงมาจากท้องฟ้า ทำนางเปียกโชกจนถึงข้างใน พร้อมกับกลิ่นเหม็นโฉ่ที่ลอยมาตามลม
“อ๊า! ข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”
คุณหนูตระกูลอวี๋อย่างนางไม่เคยตกอยูในสภาพเช่นนี้มาก่อน! ตอนนี้นางได้รับความอัปยศอดสูเป็นอย่างยิ่ง!
องครักษ์นายหนึ่งเอ่ย “ท่านอ๋อง ท่านยังจะจับกุมผู้หญิงคนนั้นอยู่หรือไม่”
พวกเขาทั้งหมดต่างรู้สึกขยะแขยงมาก
หนานกงหลีเดาะลิ้น “ช่างเถอะ ไว้รอนางคลานกลับไปทำความสะอาดตัวเองที่จวนตระกูลอวี๋แล้วค่อยจับกุมนาง”
เมื่อมองดูท่าทางน่าอับอายของอวี๋จูจู หนานกงหลีก็เดาะลิ้นอีกครั้ง ดูท่าตระกูลอวี๋คงทำให้ผู้คนในเมืองจินโจวโกรธแค้นมานานแล้ว