เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 311 เทพธิดาตัวน้อย
บทที่ 311 เทพธิดาตัวน้อย
บทที่ 311 เทพธิดาตัวน้อย
ชายชราตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่หลังจากตั้งสติได้แล้ว เขาก็ทำใจดีสู้เสือ ลองเดินเข้าไปมองใกล้ ๆ จึงได้เห็นว่าคนที่ถูกเสือทั้งสองทำร้ายล้วนเป็นเหล่าผู้คุ้ม ใจเขารู้สึกเฉยชา ไม่คิดสงสารคนพวกนั้นเลยสักนิด พอเห็นว่าเสือสองตัวไม่มีทีท่าว่าจะทำร้ายตน ชายชราจึงทรุดตัวลงบนพื้นพลางหัวเราะเสียงดัง
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของผู้คนที่กำลังตื่นตระหนก สับสน และหวาดกลัว เสียงหัวเราะของชายชราดูจะโดดเด่นกว่าใคร
“เทพพยัคฆ์ สวรรค์ทนเห็นคนชั่วช้าพวกนี้ต่อไปไม่ไหว จึงส่งเทพพยัคฆ์ลงมาคุ้มครองเรา!”
ชายชรากระโดดโลดเต้น “ทุกคนไม่ต้องตื่นตระหนก นี่คือเทพพยัคฆ์ที่สวรรค์ส่งลงมาคุ้มครองพวกเรา พวกมันทำร้ายเพียงคนชั่วที่จับเรามาทารุณเท่านั้น!”
ภายใต้ความชุลมุนวุ่นวาย มีเพียงชายร่างสูงได้ยินเสียงเขา ชายผู้นั้นเริ่มสังเกตจนแน่ใจว่าเป็นเรื่องจริง
ไม่ใช่แค่เสือเท่านั้น ดวงตาอันแหลมคมของเขายังสังเกตเห็นต่อตัวใหญ่บินวนอยู่บนอากาศรุมต่อยเพียงคนชั่วเหล่านั้น!
เมื่อได้เห็นด้วยตาตนเองแล้วก็พลันดีอกดีใจเหมือนชายชรา ใบหน้าที่เคยเศร้าหมองมีชีวิตชีวาขึ้นทันตา
“เทพพยัคฆ์ เทพพยัคฆ์จริงด้วย! ทุกคนไม่ต้องกลัว เทพพยัคฆ์ทั้งสองมาเพื่อช่วยเราจากขุมนรกนี่!”
ชายร่างสูงพูดพลางร้องไห้ นานแล้วที่พวกเขาถูกจับมา ทุกคืนวันได้แต่เฝ้าภาวนา ขอให้ทางการตามมาพบ และช่วยพวกเขาออกจากขุมนรกนี้เสียที
ทว่ากลับต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อเขาบังเอิญไปรู้บางสิ่งเข้า
เขาแอบฟังคนพวกนั้นคุยกันถึงได้รู้ว่าผู้คุ้มเหล่านั้น แท้จริงแล้วเป็นทหารของทางการ!
พวกเขาตกอยู่ในความสิ้นหวัง คิดว่าตนคงต้องถูกทรมานจนตายในขุมนรกนี้แล้ว ผู้ใดเลยจะคิดว่าจู่ ๆ เทพพยัคฆ์จะมาช่วยพวกเขา
ชายตัวสูงพยายามตะโกนให้ดังขึ้น ผู้ร่วมชะตากรรมเริ่มได้ยินและบอกต่อ ๆ กันไป บัดนี้ทุกคนต่างรับรู้ว่าเสือทั้งสองตัวเป็นเทพพยัคฆ์ที่มาช่วยพวกเขา
เหล่าคนงานเหมืองที่ถูกทรมาน คุกเข่าคำนับครั้งแล้วครั้งเล่าพร้อมร้องไห้คร่ำครวญ ระบายความคับแค้นใจกับความทุกข์ทรมานตลอดการอยู่ในขุมนรกนี้
“เฮยอู๋ฉาง ไป๋อู๋ฉาง”
เสียงเล็ก ๆ ของเสี่ยวเป่าแทรกเข้ามาท่ามกลางเสียงคร่ำครวญดังเซ็งแซ่จนกลบเสียงนาง แต่เสือตัวใหญ่สองตัวก็ยังได้ยิน และเตรียมตัวที่จะวิ่งไปหานาง
ท่ามกลางสายตาผู้คน เทพพยัคฆ์ทั้งสองหยุดไล่ตามคนร้ายที่พยายามหลบหนี ก่อนจะเลียเลือดรอบปากแล้ววิ่งหน้าตั้งมาตามทิศทางที่พวกเขาอยู่
ขณะนั้นเสียงทุกคนพลันหยุดชะงัก มีเพียงความเงียบงัน
ผู้คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นหัวใจเต้นแรงด้วยความลุ้นระทึก
แม้พวกเขาจะกล่าวขานเสือทั้งสองว่า ‘เทพพยัคฆ์’ อย่างเต็มปาก แต่ผู้ใดจะมั่นใจได้ว่าพวกมันจะไม่หันมาเล่นงานพวกเขา
นับว่าโชคดี เมื่อสิ่งที่พวกเขากังวลไม่เกิดขึ้นจริง เสือทั้งสองวิ่งผ่านคนทั้งหลายไปโดยไม่สนใจพวกเขาสักนิด
พอโล่งใจแล้ว ทุกคนก็ค่อย ๆ หันไปมอง ภาพที่เห็นคือเทพพยัคฆ์สองตัวเดินวนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ พยายามโน้มลำต้นลงมาด้วยอุ้งเท้าหน้า
ท่ามกลางใบไม้ที่ปกคลุมอย่างหนาแน่นบนกิ่งไม้ เด็กหญิงผิวขาวราวหิมะ ใบหน้างดงาม ใสซื่อบริสุทธิ์หย่อนตัวลงมาจากต้นไม้โดยมีเสือดำคอยรอรับ
ในขณะนั้น ทุกคนแทบลืมหายใจ สายตาจับจ้องไปที่เด็กหญิงผู้นั้นตาไม่กะพริบ
นางสวมชุดสวยงามที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน ผิวขาวนวลยิ่งกว่าหิมะ เนื้อตัวจ้ำม่ำน่ารักน่าชังกว่าเด็กทุกคนที่พวกเขาเคยเจอ ดวงหน้าเพริศพริ้งราวกับเทพธิดาตัวน้อยในภาพวาด
นางน่ารักเสียยิ่งกว่าตุ๊กตานำโชค และเสือทั้งสองก็คอยคุ้มกันนางเป็นอย่างดี
เทพพยัคฆ์ที่พวกเขาสรรเสริญ เดินวนเวียนรอบตัวตุ๊กตาตัวน้อยผู้งดงามราวกับเทพธิดาเหมันต์ ท่าทางน่าเกรงขามสง่างามแปรเปลี่ยนเป็นเชื่องประดุจสัตว์เลี้ยงในบ้าน!
พวกเขายังเห็นว่าเมื่อเทพธิดาตัวน้อยหยิบนกหวีดไม้ไผ่ออกมาเป่า ตัวต่อยักษ์หลายสิบตัวก็รีบบินเข้าไปในถุงผ้าใบเล็กที่นางถือ
นาง… นางคือเทพธิดาจริงด้วย!
“เทพธิดาตัวน้อย บุญคุณในครั้งนี้ใหญ่หลวงยิ่งนัก ขอบคุณท่านที่ช่วยชีวิต!”
ชายร่างสูงก้มหัวคำนับและกล่าวขอบคุณเสี่ยวเป่าเป็นคนแรก ใบหน้าหมองคล้ำแดงระเรื่อด้วยความตื่นเต้นดีใจ
พอได้ยินคำว่าเทพธิดาตัวน้อย ผู้คนที่เหลือต่างตกตะลึงไปตาม ๆ กัน รีบคุกเข่าคำนับเสี่ยวเป่า พร่ำกล่าวขอบคุณพร้อมกับหลั่งน้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจ
“ขอบคุณเทพธิดาตัวน้อย ขอบคุณยิ่งนักที่ช่วยชีวิตข้าน้อยไว้!”
เสี่ยวเป่าสับสนระคนตกใจ
พอตั้งสติได้นางก็รีบโบกมือปฏิเสธ “ข้าไม่ใช่เทพธิดาตัวน้อย ข้าชื่อหนานกงจิ่นซี เป็นองค์หญิง”
นางไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าความซาบซึ้งที่ผู้คนตรงหน้ามีต่อนางจะก่อให้เกิดแสงสีทองลอยล่องเข้ามาในตัวนาง
เสี่ยวเป่ารู้สึกเหมือนได้รับพลัง ร่างกายเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้น ความเหนื่อยพลันมลายหายไป
“พวกเจ้ารีบลุกขึ้นเถิด”
นางพลิกตัวลงจากหลังเสือแล้วสั่งให้เสือทั้งสองหลบไปก่อน
นางจับจ้องร่างชายหนุ่มผู้หนึ่งที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
ก่อนหน้านี้นางเห็นคนเลวหน้าตาดุร้ายทุบตีชายชราและชายหนุ่มที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้น จึงส่งตัวต่อและเสือทั้งสองเข้าไปช่วยเหลือ
“เทพธิดาตัวน้อย เทพธิดาตัวน้อย โปรดช่วยชีวิตบุตรชายข้าน้อยด้วย ช่วยเขาด้วยเถิด”
ชายชราเห็นเทพธิดาตัวน้อยเดินเข้ามาใกล้ ใจเขาเริ่มจุดประกายความหวังจึงเอ่ยวิงวอนขอความช่วยเหลือ
เสี่ยวเป่าคาดเดาจากสายตาแล้วจึงเอ่ยว่า “ร่างกายขาดสารอาหารขั้นรุนแรง ทั้งยังเป็นไข้หวัด”
ชายหนุ่มผู้นี้เป็นลมเพราะหิว บาดแผลตามร่างกายไม่ได้รับการรักษาจึงติดเชื้อจนมีไข้สูง
นางหยิบขนมอบแห้งที่นำติดตัวออกมา จากนั้นก็ขอให้คนไปหาน้ำมา
พวกเขาไม่ใช่แค่ขาดอาหารเท่านั้น แต่ยังขาดน้ำอีกด้วย
ทว่าตอนนี้ไม่มีพวกคนชั่วคอยควบคุมแล้ว คนงานในเหมืองไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวกฎเกณฑ์อีกต่อไป จึงรีบไปตักน้ำมาให้นางทันที
เสี่ยวเป่าแช่ขนมอบแห้งในน้ำ ระหว่างรอให้ขนมละลาย นางก็หยิบขวดยาใบเล็กออกมา บรรจงโรยผงยาลงบนบาดแผล และแอบใช้พลังวิญญาณรักษาเขาด้วย
เนื่องจากพ่อครัวอู๋เติมนมในขนมอบแห้งที่ทำให้นางเยอะเป็นพิเศษ เมื่อนำมาแช่น้ำ น้ำที่ได้จึงมีรสชาติหอมหวานคล้ายนม
หลายคนจ้องขนมอบแห้งที่ค่อย ๆ ละลายในชามพลางกลืนน้ำลายเสียงดังอึก
นับตั้งแต่ถูกจับมา พวกเขาจะได้รับอาหารเพียงหนึ่งมื้อต่อวัน เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขามีเรี่ยวแรงหลบหนี
ยามนี้ทุกคนต่างก็หิวโซมาก
ทันใดนั้นชายผู้หนึ่งก็เดินมาพร้อมกับอาหารของผู้คุม
“เทพธิดาตัวน้อย พวกเรากินของพวกนี้ได้หรือไม่”
เขาหอบอาหารมาถามเทพธิดาตัวน้อยก่อน
เสี่ยวเป่าเห็นว่าพวกเขาผอมแห้งจนเหลือเพียงกระดูกจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“กินเถิด กินเร็ว”
หลังจากได้รับอนุญาต คนกลุ่มหนึ่งก็รีบรุดเข้าไปคว้าทุกสิ่งยัดเข้าปากราวกับหมาป่าหิวโหย ต่อให้สำลัก พวกเขาก็ไม่ยอมคายมันออกมา ทำเพียงดื่มน้ำตามและพยายามกลืนมันลงไป
เสี่ยวเป่าตกใจไปชั่วขณะ
ชายชราคว้าหมั่นโถวยัดใส่ปาก ในมือยังกำอีกสองชิ้นไว้แน่น
เขาแบ่งชิ้นหนึ่งให้บุตรชายโดยการพยายามยัดใส่ปาก
“เขากินไม่ไหวหรอก เอานี่ให้เขาดื่มเถิด”
มันคือขนมอบแห้งละลายน้ำ
ชายชรารู้สึกขอบคุณนางอย่างถึงที่สุด ถึงกับก้มหัวจรดพื้นคำนับนางอีกครั้ง ก่อนจะหันไปป้อนอาหารให้บุตรชายพร้อมกับหลั่งน้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจ
อาหารในชามมีกลิ่นหอมหวานมาก ยิ่งเป็นอาหารที่เทพธิดาตัวน้อยมอบให้แล้วด้วย นับว่าเป็นสิริมงคลแก่บุตรชายของเขา!