เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 330 เจียงอู๋ฮ่วน
บทที่ 330 เจียงอู๋ฮ่วน
บทที่ 330 เจียงอู๋ฮ่วน
คำแก้ตัวของลุงเฉินดูสมเหตุสมผลอยู่ไม่น้อย แต่ต่อให้เจ้าหน้าที่ผู้นั้นจะยังไม่ปักใจเชื่อ ทว่ากู่ติดตามที่อยู่บนมือเขากลับไม่ปฏิกิริยาใด ๆ
เขาลอบมองจับผิดลุงเฉินเป็นการทิ้งท้าย “ไป!”
และแล้วเจ้าหน้าที่กลุ่มนั้นก็ตบเท้าจากไป
ถึงเสียงข้างนอกจะเงียบลงแล้ว พวกเขาก็ยังไม่กล้าออกไป เกิดคนเหล่านั้นย้อนกลับมาเจอเข้า พวกเขาซวยแน่
“เด็กพวกนั้นซ่อนอยู่ในห้องลับอีกฝั่ง เราเองก็พักผ่อนกันที่นี่เถอะ”
เสี่ยวเป่าหาวแล้วหาวอีก วันนี้เป็นวันที่เจอแต่สถานการณ์ลุ้นระทึก
หนานกงชิงจุดตะเกียงน้ำมันในห้องลับเล็ก ๆ ที่มีเพียงเตียงเดียว แน่นอนว่ามันตกเป็นของเสี่ยวเป่า
หนานกงชิงกับชายหนุ่มผู้นั้นนั่งพิงกำแพงเพื่อพักสายตา
เสี่ยวเป่าเหนื่อยมากและหลับทันทีที่หัวถึงหมอน ผ่านไปสักพักก็เริ่มกรน
แต่นิสัยนอนดิ้นของนางยังรักษาไม่หายจึงกลิ้งตกจากเตียง หนานกงชิงและชายหนุ่มต่างลืมตาพรึบ
ทั้งสองมองหน้ากันในความเงียบ “…”
ยามตื่นนางเป็นเด็กดีว่าง่ายและเชื่อฟัง แต่พอนอนหลับกลับกลายเป็นเด็กดื้อ กลิ้งไปกลิ้งมาไม่หยุด
ชายหนุ่มเลียนแบบวิธีการของปู้หนานอี ใช้ผ้าห่มพันรอบตัวคนไว้เหมือนเปาะเปี๊ยะ
ม้วนเสร็จ เขาก็ปัดมือ “เรียบร้อย”
หนานกงชิง “ทำ… ทำเช่นนี้ไม่ดีกระมัง”
นางเป็นญาติผู้น้องตัวน้อยของเขานะ ทำเช่นนี้นางจะหลับสบายหรือ
“หรือเจ้ามีวิธีอื่น”
หนานกงชิง “…เช่นนั้นก็ช่างเถิด”
บัดนี้ทั้งสองตื่นเต็มตา หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
“ข้าชื่อหนานกงชิง ยังไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามของเจ้าเลย”
“เจียงอู๋ฮ่วน” หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็เอ่ยชื่อของตน
หนานกงชิงเงยหน้ามองเขาทันที
“เจียง… เจ้าเป็นเชื้อพระวงศ์ของหนานจ้าวหรือ”
เจียงอู๋ฮ่วนพยักหน้า “บิดาข้าคืออดีตหนานหมานอ๋อง”
หนานหมานอ๋อง… ว่ากันว่าหนานหมานอ๋องคือผู้สืบบัลลังก์กษัตริย์หนานจ้าว แต่มหาปุโรหิตและพรรคพวกเข้ามาขัดขวาง สุดท้ายกษัตริย์อวิ๋นซึ่งเป็นกษัตริย์องค์ปัจจุบันก็ได้นั่งบัลลังก์แทน
หนานกงชิงเริ่มมองอีกฝ่ายเหมือนไม่ไว้ใจ แม้ชายผู้นี้จะเคยช่วยเหลือพวกเขามาก่อน แต่… “เจ้ามีจุดประสงค์ใด”
เขาไม่เชื่อว่าคนในราชวงศ์หนานจ้าวจะช่วยเหลือพวกเขาโดยไม่มีเหตุผลบราวนี่ออนไลน์
เจียงอู๋ฮ่วนลูบฝักดาบ ทั่วทั้งร่างเขาตกอยู่ในเงามืด
“ข้าต้องการ… กวาดล้างมหาปุโรหิตกับพรรคพวก”
มหาปุโรหิตและเผ่ากู่ดำจะต้องชดใช้ การจากไปของท่านพ่อ ท่านแม่ และพี่น้องของเขาล้วนเป็นฝีมือคนพวกนั้น ถึงตอนนี้หนานจ้าวได้ชื่อว่าเป็นของคนตระกูลเจียง แต่จริง ๆ แล้ว กษัตริย์และรัชทายาทเป็นเพียงหุ่นเชิดของมหาปุโรหิต
คนภายนอกมองว่าหนานจ้าวเป็นของตระกูลเจียง แต่ความจริงแล้วมันเป็นของมหาปุโรหิตและพรรคพวก
หนานกงชิง “แล้วอย่างไร เจ้าช่วยเราเพื่อสิ่งใด”
เจียงอู๋ฮ่วน “ข้าช่วยพวกเจ้าตามหาคนผู้นั้นได้ เพียงหวังว่าพวกเจ้าจะช่วยข้ากำจัดคนของมหาปุโรหิต”
หนานกงชิงเหน็บแนม “คนของมหาปุโรหิตอย่างนั้นหรือ… หึ ในหนานจ้าวยังเหลือคนที่ไม่ใช่คนของมหาปุโรหิตอยู่อีกหรือ”
“เผ่ากู่ดำและเผ่าหมอผีล้วนเป็นศัตรูของเรา ข้ายังรู้บางอย่างเกี่ยวกับดอกสามชีวา สามารถชี้แนะพวกเจ้าได้”
ดอกสามชีวา ตัวยาสำคัญในการรักษาพิษกู่ในตัวเสด็จลุง!
หนานกงชิงนั่งหลังตรงและส่งสัญญาณให้เขาพูดต่อ
เจียงอู๋ฮ่วนหลุบตาต่ำ “ดอกสามชีวาต้องหล่อเลี้ยงด้วยเลือดมนุษย์ถึงจะเติบโตได้ แม้มีชื่อเรียกเป็นดอกไม้ แต่ความจริงแล้วมันคือกู่ชนิดหนึ่ง หลังจากดอกสามชีวาได้รับการชุบเลี้ยงจนเติบโตสมบูรณ์แล้ว มันจะกลายเป็นราชากู่ เคยมีหลายคนพยายามปลูกมัน แต่พวกเขาทั้งหมดล้วนล้มเหลว เพราะผู้ที่สามารถปลูกดอกสามชีวาได้จะต้องเป็นผู้ที่มีพลังพิเศษ และขั้นตอนสุดท้ายก็คือ คนผู้นั้นจะต้องกลืนกินดอกสามชีวานี้ลงไป หากสามารถเป็นหนึ่งเดียวกับดอกสามชีวาและมีชีวิตรอดได้ คนผู้นั้นจะเป็นอมตะ เมื่อนั้นดอกสามชีวาจะเติบโตโดยสมบูรณ์และกลายเป็นราชากู่”
ยิ่งเขาเล่า หนานกงชิงก็ยิ่งขมวดคิ้วมากขึ้นเรื่อย ๆ
ยากเย็นปานนั้น เขาจะตามหามันได้อย่างไร
“หากเป็นจริงตามที่เจ้าเล่า แล้วข้าจะไปตามหาคนที่สามารถปลูกดอกสามชีวาได้จากที่ใด”
เจียงอู๋ฮ่วนแววตาแข็งกร้าวขึ้น “คนพวกนั้นหาพบแล้ว”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“มหาปุโรหิตและพรรคพวกพบคนผู้นั้นแล้ว แต่เขาถูกขังเอาไว้ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาถูกขังไว้ที่ใดหรือยามนี้ดอกสามชีวาเติบโตถึงขั้นไหนแล้ว ข้ารู้เพียงว่ามหาปุโรหิตและพรรคพวกจะต้องไม่ได้ครอบครองราชากู่ ไม่เช่นนั้นใต้หล้าจะตกอยู่ในความโกลาหล”
ทุกคนรู้ว่าราชากู่พลังแกร่งกล้าเพียงใด ไม่มีสิ่งใดหยุดมันได้ ราชากู่สามารถสั่งการกู่ทั้งใต้หล้าได้ หากมหาปุโรหิตได้ครอบครองราชากู่ ความโลภไม่มีที่สิ้นสุดของเขาจะทำให้เกิดปัญหาไม่จบสิ้น หากวันนั้นมาถึงใต้หล้าย่อมไม่มีทางสงบสุข
หนานกงชิงหน้าเครียด “ในเมื่อพวกเจ้าไม่รู้ว่าคนผู้นั้นอยู่ที่ใด แล้วเราจะตามหาเขาได้อย่างไร”
เจียงอู๋ฮ่วนหลุบตาลงต่ำ “ข้าก็ไม่รู้ แต่ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าจะหาพบ”
หนานกงชิงแทบอยากจะกลอกตาใส่เขารอบที่ล้าน แค่บอกว่าจะหาพบ ก็จะหาพบจริง ๆ อย่างนั้นหรือ!
จากนั้นทั้งคู่ก็ตกอยู่ในความเงียบงัน นอนไม่หลับเพราะจิตใจที่หนักอึ้ง
หนานกงชิงทอดตามองเสี่ยวเป่าที่ยังคงนอนหลับสนิททั้งที่ถูกม้วนไว้ในผ้า อดไม่ได้ที่จะบีบแก้มป่อง ๆ ของนาง
“นอนหลับสบายเชียว ราวกับไม่ต้องกังวลสิ่งใด”
เสี่ยวเป่างึมงำและนอนหลับต่อ
วันรุ่งขึ้นนางถูกอุ้มออกจากเตียงทั้งที่ยังไม่ตื่น
นางงัวเงียตื่นนอนพลางขยี้ตา “ท่านพี่?”
หนานกงชิงลูบหัวเล็กอย่างรักใคร่
“พวกเราจะแฝงตัวเข้าวังได้อย่างไร”
เขาชี้ไปที่เสี่ยวเป่า “ในเมื่อเรายังมีเด็กน้อยตั้งหนึ่งคน”
เด็กน้อยที่ว่าตื่นเต็มตาทันที ก่อนจะมองคนทั้งสองตาปริบ ๆ “เสี่ยวเป่ามีประโยชน์มากนะ สามารถเรียกตัวต่อมาช่วยได้และพวกกู่ก็ไม่ทำร้ายเสี่ยวเป่า อีกอย่างเสี่ยวเป่าเป็นดาวนำโชคด้วย ก่อนหน้านี้ยังช่วยพี่สามกับท่านอาเจ็ดปราบโจรภูเขา แล้วเสี่ยวเป่าก็ค้นพบเหมืองเงินด้วย!”
หนานกงชิงเบิกตากว้าง เหมืองเงินอย่างนั้นหรือ เขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
เจียงอู๋ฮ่วนจ้องนางทันที “ดาวนำโชค?”
เสี่ยวเป่าพยักหน้าพร้อมยืดอกอย่างภาคภูมิ “ท่านพ่อและพวกพี่ ๆ ทุกคนต่างบอกเช่นนั้น!”
เจียงอู๋ฮ่วน “ไปกันเถอะ ไปที่บ้านข้าก่อน”
หนานกงชิง “เดี๋ยว ๆ จะไปทั้งอย่างนี้เลยหรือ แล้วเราจะเข้าไปในฐานะอะไร”
เจียงอู๋ฮ่วนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่ทำให้หนานกงชิงขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“เจ้า… เจ้าคิดจะทำสิ่งใด”
เจียงอู๋ฮ่วนถามเสียงเข้ม “เจ้ายังอยากช่วยบิดาของเจ้าอยู่หรือไม่”
หนานกงชิงกลอกตาอีกหนึ่งที “คิดว่าข้าล้อเล่นหรือ!”
เจียงอู๋ฮ่วน “เช่นนั้นก็ดี ตามข้ามา”
เขากล่าวเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินนำหน้าสองพี่น้องเข้าไปที่ เอ่อ… หอนางโลม
หนานกงชิง “…”
เขาอุ้มเสี่ยวเป่าไว้แนบอก มองตามแผ่นหลังชายผู้นั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยพลางยกมือปิดตาเสี่ยวเป่า
“ไยเจ้าถึงพาเรามาที่นี่”
เจียงอู๋ฮ่วนไม่ตอบ ยังคงเดินมุ่งหน้าเข้าไป
หอนางโลมเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเคล้าเสียงดนตรี
เมื่อเสี่ยวเป่าพยายามดึงมือพี่ชายที่ปิดตานางไว้ออกไม่เป็นผล นางก็พยายามส่องผ่านช่องว่างระหว่างนิ้ว
นางเห็นพี่สาวคนสวย ขาเรียวยาวสวมชุดสวยงาม เปลือยเท้าร่ายรำอยู่บนเวทีเพียงแวบเดียว
เท้าพวกนางเหยียบย่ำอยู่บนลานใจกลางหอนางโลม ยามพวกนางเคลื่อนไหว กระดิ่งที่ข้อเท้าจะส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง
งดงามอะไรเช่นนี้!
“ท่านพี่ ๆ ขอข้าดูหน่อย”
นางพยายามชะโงกหน้าออกไปมอง
หนานกงชิงดันหัวนางกลับเข้าไปแนบอกพลางบีบแก้มนุ่มเข้าหากัน
“เป็นเด็กเป็นเล็กจะดูสิ่งพวกนี้ไปทำไมกัน!”
เสี่ยวเป่า “พวกนางรูปโฉมงดงาม ร่ายรำพลิ้วไหว ไยเสี่ยวเป่าจะดูไม่ได้ ท่านพี่นั่นแหละคิดสิ่งใดอยู่!”
หนานกงชิง “…”
——————————————-