เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 331 เขาเสียสละครั้งใหญ่แล้ว
บทที่ 331 เขาเสียสละครั้งใหญ่แล้ว
บทที่ 331 เขาเสียสละครั้งใหญ่แล้ว
“โอ๊ะ ปากเล็ก ๆ นี่หวานจริงเชียว สาว ๆ ของพวกเราอย่างอื่นน่ะทำไม่เป็นหรอก แต่ทักษะการร่ายรำนั้นเป็นเลิศ”
สตรีผู้หนึ่งที่แม้จะมีอายุแล้วหากยังคงงามเย้ายวนเดินนวยนาดออกมา นางเลิกคิ้วมองมาที่คนทั้งสาม
“แต่ข้าว่านะเจ้าคะ นายท่าน ท่านพาบุรุษมาด้วยก็ไม่เป็นไรหรอก เหตุใดจึงพาเด็กผู้หญิงมาด้วยล่ะเจ้าคะ”
เจียงอู๋ฮ่วน “มาขอความช่วยเหลือจากเจ้า”
จากนั้นเขากระซิบอะไรบางอย่าง สตรีผู้นั้นมองประเมินหนานกงชิง ดวงตาทั้งคู่วาววับราวกับหมาป่า
เส้นขนทั่วร่างหนานกงชิงพลันลุกซู่
“พวกท่านคิดจะทำอะไร”
หนานกงชิงถูกพาตัวเข้าไปในห้อง หลังเจรจากันไปยกหนึ่งก็มีเสียงต่อต้านแกมเหลือเชื่อของเขาดังมาจากข้างใน
“อะไรนะ ปลอมเป็นผู้หญิง!!!”
หนานกงชิงชี้หน้าเจียงอู๋ฮ่วน “อุบายบัดซบอันใดของเจ้า เจ้าจะให้ลูกผู้ชายสูงเจ็ดฉื่อ*[1]อย่างข้าสวมกระโปรงประทินโฉมเป็นผู้หญิง ไยเจ้าไม่สวมกระโปรงเองเสียเลยเล่า!”
ใบหน้าของหนานกงชิงถอดแบบมาจากมารดา ในความหล่อเหลาแฝงไว้ด้วยลักษณะอ่อนโยนสง่างาม แน่นอนว่าย่อมรวมจุดเด่นของเจิ้นหนานอ๋องอยู่ด้วย นั่นก็คือเครื่องหน้าคมคาย
ถึงเขาจะเป็นแม่ทัพ แต่เป็นเพราะยังอยู่ในวัยก้ำกึ่งระหว่างเด็กหนุ่มกับชายหนุ่ม จึงมีรูปร่างสูงเพรียว กล้ามเนื้อยังไม่เติบโตเต็มที่ ทั้งยังค่อนข้างผอม เตี้ยกว่าเจียงอู๋ฮ่วนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“เอาแค่ความสูงของข้า มีผู้หญิงสูงขนาดนี้ด้วยเรอะ!”
“เรื่องนี้ท่านไม่ต้องกังวล”
สตรีผู้นั้นแย้มยิ้มลึกลับ “พวกข้ามีพิษกู่ชนิดหนึ่งที่สามารถปรับเปลี่ยนส่วนสูงของคุณชายได้ และยังมีพิษที่สามารถเปลี่ยนเสียงได้อีกด้วย”
หนานกงชิงหน้าดำคล้ำ “อย่าเอามาใช้กับข้าเชียว”
เจียงอู๋ฮ่วนกอดอกสีหน้าไม่ยี่หระ “ตามใจ นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการพานางเข้าจวนของข้าเท่าที่ข้าจะคิดออกแล้ว”
หนานกงชิงเข่นเขี้ยว “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
เจียงอู๋ฮ่วน “เจ้าปลอมตัวเป็นแม่ของนาง ข้าจะบอกคนอื่นว่าพวกเจ้าเป็นภรรยากับลูกสาวข้า”
ขณะกล่าววาจานี้ เขาหน้าไม่แดงใจไม่เต้นผิดจังหวะเลยสักนิด “เช่นนี้จึงจะสามารถพาพวกเจ้าเข้าวังได้อย่างราบรื่น”
เสี่ยวเป่ามองคนนั้นทีคนนี้ที ไม่พูดไม่จาอย่างฉลาดรู้
เพราะสีหน้าของญาติผู้พี่ไม่น่ามองอย่างมาก
“ถ้าไม่ทำตามวิธีของข้า เจ้าก็คิดหาวิธีอื่นเอาเอง”
หนานกงชิง “…”
สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปมา นิ่วหน้าคิ้วขมวดจนใบหน้าหล่อเหลานั้นแลดูดุร้ายถมึงทึงบราวนี่ออนไลน์
“ข้า…ตกลงก็ได้”
สุดท้ายเพื่อบิดาแล้ว เขาจึงยอมประนีประนอม
เขาเสียสละครั้งใหญ่แล้ว!
เมื่อสตรีผู้นั้นได้ยินว่าเขาตกลงแล้วก็รีบเรียกเด็กสาวสองคนมาช่วยแต่งหน้าผลัดอาภรณ์ทันที ความเคลื่อนไหวรวดเร็วเหมือนกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจกระนั้น
เสี่ยวเป่ากับเจียงอู๋ฮ่วนนั่งกินของว่างรออยู่ข้างนอก
เด็กน้อยแกว่งเท้าไปมา เอาของว่างใส่ปากจนแก้มป่องขณะมองคนตรงหน้า “ข้าต้องเรียกพี่ชายว่าท่านแม่ด้วยใช่หรือไม่”
เจียงอู๋ฮ่วนพยักหน้าพลางตอบรับ
เสี่ยวเป่ามีสีหน้ายุ่งเหยิง “แล้วต้องเรียกท่านว่า…”
“ท่านพ่อ”
เสี่ยวเป่า : …นางไม่เรียกได้ไหม รู้สึกแปลกพิกล
“มาเร็วเข้า รีบออกมาสิ!”
สตรีผู้นั้นกวักมือเรียกคนข้างในด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
น้ำเสียงรำคาญใจของหนานกงชิงดังมาจากข้างใน “เร่งอยู่นั่นแหละ ก็กำลังเดินออกไปอยู่เนี่ย!”
ทว่าน้ำเสียงนั้นฟังอย่างไรก็ดูร้อนตัวอยู่บ้าง
เสี่ยวเป่ากับเจียงอู๋ฮ่วนมองไปทางนั้นอยู่นานก็ยังไม่มีใครเดินออกมา
ในที่สุดหนานกงชิงก็ก้าวขาข้างหนึ่งออกมาอย่างอิดออด
ขาว…อืม เป็นขาที่ขาวมากข้างหนึ่ง
เขาสวมรองเท้าปักพื้นดำประดับมุกเงินอันเป็นเอกลักษณ์ของหนานจ้าว สวมชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงินปักลายบุปผา ติดตรงที่เปิดเผยช่วงขามากไปหน่อย
คนทางนี้ล้วนแต่งกายเช่นนี้
อ้อ…ทั้งยังค่อนข้างเปิดเผยช่วงท้อง
หนานกงชิงเดินออกมาอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ ใบหน้าแดงก่ำ
เครื่องเงินที่ประดับอยู่บนอาภรณ์ของเขาส่องประกายแวววาว
คนร่างสูงทั้งยังขาดส่วนโค้งเว้า เค้าโครงหน้าที่คมคายเกินไปก็ถูกพวกนางช่วยประทินโฉมให้แลดูอ่อนโยนกว่าเดิม มองดูแล้วเหมือนหญิงงามร่างสูงที่หน้าตาแลดูองอาจผู้หนึ่ง!
เสี่ยวเป่าอ้าปากหวอ ตามด้วยกล่าวชมเชยเสียงเจื้อยแจ้ว “งามมาก!”
หนานกงชิงถลึงตาใส่ญาติผู้น้องของตนเอง สำหรับเขานี่ไม่ใช่คำชมหรอกนะเข้าใจหรือไม่
อีกอย่าง…
เขาก้มมองขาของตนเองด้วยสีหน้าปั้นยาก ดวงตาฉายแววหมดอาลัยตายอยาก
“ขนหน้าแข้งของข้า!” ไม่เหลือเลยสักเส้น!!!
สตรีผู้นั้นมองเขาอย่างตำหนิ “สตรีอย่างพวกเรามีขนหน้าแข้งยั้วเยี้ยเช่นนั้นที่ไหนกัน ชายใดจะมาชมชอบ”
หนานกงชิงขึ้นเสียง “ข้าเป็นบุรุษ!”
สตรีผู้นั้นหัวเราะคิกคัก “แต่ยามนี้คุณชายเป็นสตรีนี่นา จริงด้วย สตรีไม่อาจพูดจาหยาบคายเช่นนั้นหรอกนะเจ้าคะ”
ในใจหนานกงชิง : ¥#*&%@!……
ล้วนเป็นถ้อยคำหยาบคายที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้
เขาทำเวรทำกรรมอันใดมาถึงต้องถูกบีบให้ทำเรื่องพรรค์นี้!
“พี่ชายอย่ากังวลไปเลย เดี๋ยวมันก็งอกออกมาใหม่เอง!”
หนานกงชิงไม่เหลือสิ่งใดให้อาลัยอาวรณ์อีกแล้ว เขาบอกว่าตอนนี้เสียใจทีหลังยังทันอยู่ไหม
“ความจริงแล้วด้วยรูปร่างของท่าน ไม่เปลี่ยนแปลงเสียเลยก็ยังได้ แม้สตรีร่างสูงเช่นท่านจะมีน้อยมาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเสียเลย ทว่าน้ำเสียงยังคงต้องปรับเล็กน้อย”
หนานกงชิง : หน้ากากแห่งความเจ็บปวด.jpg
มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาได้แต่ตวัดสายตามองเจียงอู๋ฮ่วนอย่างเคียดแค้น พลางกินยาลูกกลอนที่พวกเขานำมาให้เม็ดนั้น
“พวกเจ้าบอกว่าเป็นพิษกู่ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงเป็นยาลูกกลอนไปเสียได้”
สตรีผู้นั้นกล่าวหน้าซื่อ “ใช่แล้ว สิ่งที่ท่านเพิ่งกินเข้าไปก็คือไข่หนอนกู่ที่สามารถดัดแปลงเสียงได้”
หนานกงชิงหน้าเปลี่ยนสี ไข่หนอน แหวะ…
หนานกงชิงที่ไม่เคยอาเจียนในสนามรบมาก่อน ชั่วขณะนั้นกลับพะอืดพะอมขึ้นมา
เสี่ยวเป่าช่วยลูบหลังให้เขาอย่างเอาใจใส่
“ท่านพี่ท่านดื่มน้ำก่อน”
“ท่านพี่กินขนมเจ้าค่ะ”
เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งถ้วยชา เมื่อหนานกงชิงเปิดปากพูดอีกครั้ง น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นเสียงสตรี
ทั้งยังน่าฟังแปลก ๆ ทว่าสีหน้าของหนานกงชิงกลับบิดเบี้ยว
เสี่ยวเป่าจับมือเขา “พี่ชายไม่ต้องกลัว ช่วยท่านอาสี่เสร็จก็สามารถเปลี่ยนน้ำเสียงกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้ว!”
หนานกงชิง : …ไม่ได้รู้สึกว่าได้รับการปลอบโยนเลย แต่ขอบใจนะ
เจียงอู๋ฮ่วนมองสีท้องฟ้าข้างนอก “พวกเราไปกันเถอะ”
เสี่ยวเป่ามองของหวานที่เหลือบนโต๊ะ ถามตาละห้อย “ไม่เอาของพวกนี้แล้วหรือ”
สตรีผู้นั้นหัวเราะร่าขณะบีบแก้มยุ้ย ๆ ของเสี่ยวเป่า
“อยากกินหรือ ยกให้เจ้าหมดเลย”
เสี่ยวเป่าพลันยิ้มจนตาหยีด้วยความดีอกดีใจ
“พี่สาวช่างเป็นคนดีจริง ๆ”
“ไอ้หยา เด็กคนนี้ ไยถึงปากหวานเช่นนี้นะ”
สุดท้ายเสี่ยวเป่าก็โกยขนมเหล่านั้นใส่กระเป๋าของตัวเองแล้วเดินตามหลังพี่ชายไปต้อย ๆ
“รถม้าของข้ามารับพวกเราแล้ว อีกสักครู่พวกเราค่อยคุยเรื่องประวัติความเป็นมาของพวกเจ้าบนรถม้า”
ตอนพวกเขาออกไปก็เห็นรถม้าจอดรออยู่ดังคาด หนานกงชิงรู้สึกว่าชุดที่ใส่อยู่ไม่สบายตัวอย่างมาก เดินอย่างทุลักทุเล สีหน้าไม่น่ามองนัก
เสี่ยวเป่าคอยเตือนจากข้างหลังอย่างเป็นห่วง “ท่านพี่ ท่านพี่ ท่านเดินช้าหน่อย กระโปรงจะลอยขึ้นมาแล้วนะ!”
เจียงอู๋ฮ่วน “เรียกว่าท่านแม่”
เสี่ยวเป่าเปลี่ยนไปพูดว่า “ท่านแม่ท่านเดินช้าหน่อย สตรีไม่เดินแบบนี้นะเจ้าคะ กระโปรง กระโปรง!”
หากพี่ชายของนางยังเดินเช่นนี้ต่อไป กางเกงซับในจะโผล่ออกมาแล้วนะ!
เสี่ยวเป่าว้าวุ่นวายใจเป็นอย่างยิ่ง
หนานกงชิง “รู้แล้ว ๆ ข้าก็แค่ไม่ชินหรอกน่า!”
เดิมทีก็อารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว แต่เวลาแบบนี้กลับมีคนมาขวางพวกเขาไว้อย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ
[1] ลูกผู้ชายสูงเจ็ดฉื่อ 七尺男儿 เป็นวลีที่มักใช้บรรยายชายจีนในวรรณกรรมโบราณ เน้นที่ความเป็นเพศชาย คล้ายคลึงกับ ‘ลูกผู้ชายอกสามศอก’ ของไทย ทั้งนี้ ฉื่อ 尺 ของจีนในปัจจุบันและโบราณไม่เท่ากัน เจ็ดฉื่อในที่นี้คือส่วนสูงประมาณ 170 ซม.