เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 332 คุมภรรยาไม่ได้
บทที่ 332 คุมภรรยาไม่ได้
บทที่ 332 คุมภรรยาไม่ได้
ชายที่ดื่มจนเมามายผู้หนึ่งโอบหญิงงามเดินผ่านข้างกายพวกเขาไป แต่เพิ่งเดินผ่านไปได้ไม่ทันไร ชายผู้นั้นก็หยุดชะงัก ปล่อยมือจากหญิงงามในอ้อมแขน แล้วเดินโซเซมาขวางอยู่ตรงหน้าพวกเขา
พูดให้เจาะจงหน่อยก็คือขวางอยู่ตรงหน้าหนานกงชิง
เขากวาดสายตาขึ้นลง ทั่วร่างแผ่ซ่านกลิ่นอายต่ำช้าน่ารังเกียจ ทำให้คนอยากต่อยหน้าเขาสักหมัด
หนานกงชิงอารมณ์ไม่ดีเป็นทุนเดิมจึงตวาดว่า “ไสหัวไป!”
“น้องสาว เร้าใจจริง!”
ชายขี้เมาผู้นั้นไม่เพียงแต่ไม่หลบ ทั้งยังมีท่าทางครึ้มใจกว่าเดิม พูดจาลามปามไม่เกรงใจแม้แต่น้อย
“มา ๆ ๆ มาดื่มเป็นเพื่อนนายท่านอย่างข้าสักหน่อย หากปรนนิบัติได้ถูกใจข้า รับรองว่าเจ้าจะมีโชคลาภวาสนาไม่สุดสิ้น”
ว่าพลางยื่นมือปลาหมึกคู่นั้นมาลูบบั้นท้ายของหนานกงชิง
หนานกงชิง “(╯‵□′)╯︵┻━┻”
หยามกันเกินไปแล้ว
อารมณ์เดือดของเขาหาที่ระบายไม่ได้อยู่พอดี!
ขณะที่มือของชายผู้นั้นใกล้จะแตะถูกตัวเขา เจียงอู๋ฮ่วนก็รีบอุ้มเสี่ยวเป่าถอยหลังไปหลายก้าวอย่างรู้หน้าที่
จะได้ไม่โดนลูกหลง
“อ๊ากกก!!!”
เพิ่งถอยออกมา เสียงร้องโหยหวนก็พลันดังลั่น
คนที่กำลังหยอกล้อและคนที่กำลังร่ายรำล้วนหยุดชะงักเหลียวมองมาทางนี้
ก่อนจะเห็นว่าสตรีรูปงามร่างสูงผู้หนึ่งหักนิ้วมือของชายอีกคน ซ้ำแล้วนิ้วมือของชายผู้นั้นยังถูกบิดจนผิดรูป
“ซี้ด…”
คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกเจ็บแทน
ชายผู้นั้นเจ็บปวดจนสร่างเมาเป็นปลิดทิ้ง จ้อง ‘สตรี’ ตรงหน้าด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว
“ปล่อย ๆ ๆ! ปล่อยมือ เจ้ากล้าทำร้ายนายท่านอย่างข้า รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร!”
“ยืนบื้ออะไรอยู่ จับตัวผู้หญิงคนนี้เอาไว้ ข้าจะเอานางกลับไปสั่งสอน!”
ดูจากการแต่งกายของชายผู้นี้ก็ทราบว่าเขาเป็นคุณชายตระกูลร่ำรวยผู้หนึ่ง ข้างกายย่อมมีลูกน้องคอยติดตามคุ้มกัน
ไม่ผิดจากที่คาด หลังเขาร้องเสียงกร้าว ชายฉกรรจ์ที่แต่งกายอย่างบ่าวรับใช้กลุ่มหนึ่งก็ถือท่อนไม้ล้อมเข้ามา
หนานกงชิงยิ้มเย็น “ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร ตอนนี้ข้าอารมณ์ไม่ดีสุด ๆ เจ้าวอนหาเรื่องเองก็อย่ามาโทษข้า!”
กล่าวพลางยกเท้าถีบคนกระเด็นออกไป
ชายผู้นั้นร้องโหยหวนร่างกระแทกพื้น หนานกงชิงถลกกระโปรงที่เกะกะขึ้นมาแล้วหันไปตะลุมบอนกับคนที่เหลือ
เสี่ยวเป่าเห็นเช่นนั้นก็ร้อนใจ “ท่านรีบไปช่วยท่านพี่เร็วเข้า”
เจียงอู๋ฮ่วนตอบหน้าตาย “พวกเขาไม่ใช่คู่มือของพี่เจ้า ให้เขาได้ระบายโทสะสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน”
ถึงอย่างไรหนานกงชิงก็กำลังคับข้องใจเรื่องที่ต้องปลอมตัวเป็นผู้หญิงและหาที่ระบายไม่ได้อยู่พอดี
ดังคาด ถึงหนานกงชิงจะสวมกระโปรงต่อสู้ แต่คนที่เป็นหมัดมวยแค่พอถูไถเหล่านั้นหาใช่คู่มือของเขาไม่
เพียงครู่ ทุกคนก็ถูกเขาจัดการจนลงไปนอนกองบนพื้น
หนานกงชิงยกเท้าขึ้นเหยียบหลังคนที่อยู่แทบเท้าด้วยท่าทางนักเลง เผยให้เห็นเรียวขาขาว ปัดมือไปมาแล้วกวาดมองไปรอบ ๆ ด้วยแววตาดุดัน
“ยังมีใครอีก!”
จะยังมีใครได้อีก คนที่ชายผู้นั้นพามาล้วนถูกเขาจัดการไปหมดแล้ว
ที่หอนางโลมเวลานั้น นอกจากเสียงโอดครวญของคนเหล่านั้นก็ไม่มีเสียงอื่นอีก ทุกคนล้วนมองมาที่เขาด้วยความอึ้งงัน
ช่าง…ช่างเป็นสตรีที่ดุดันยิ่งนัก!
เวลานั้นข้างนอกพลันมีทหารกลุ่มหนึ่งผลุนผลันเข้ามา
“ทำอันใดกัน”
เมื่อชายมือปลาหมึกที่ถูกต่อยจนอวัยวะภายในเกือบจะย้ายที่อยู่รอมร่อเห็นทหารเหล่านั้น ดวงตาก็พลันสว่างวาบ รีบคลานไปหลบอยู่หลังทหารคนหนึ่งทันที
“ข้าเป็นคนตระกูลหม่า นาง…เป็นสตรีนางนั้นก่อความวุ่นวาย ข้ากับบ่าวไพร่ที่ข้าพามาด้วยล้วนถูกนางทำร้าย!”
ชายผู้นั้นบอกตระกูลของตนออกมาก่อน เมื่อตรองดูแล้วก็พบว่าถึงตระกูลหม่าจะไม่ใช่ตระกูลสูงศักดิ์ ทว่ามีผู้ใช้พิษกู่คนหนึ่งอยู่เบื้องหลัง จึงพอมีอำนาจอิทธิพลอยู่ในหนานจ้าว
บ่อยครั้ง…คนเราก็วัดกันที่ภูมิหลังครอบครัวนี่เอง
ทหารผู้นั้นฟังคำพูดของเขาแล้วเหลือบมองหนานกงชิงสองที จากนั้นก็โบกมือ
“จับตัวเอาไว้”
“ช้าก่อน”
น้ำเสียงไม่เร็วไม่ช้าดังขึ้น เจียงอู๋ฮ่วนพาเสี่ยวเป่าเดินออกมา
คราวนี้สายตาของทุกคนล้วนมองมาที่ทั้งคู่
“ท่านแม่!!!”
ช่วงเวลาทดสอบทักษะการแสดงมาถึงแล้ว เสี่ยวเป่าร้องได้สมจริงยิ่งนัก ขาเล็ก ๆ วิ่งเตาะแตะเข้ามาหา
“โอ๊ย!”
ทว่าตั้งใจแสดงเกินไปจนไม่ทันสังเกตว่ามีแขนคนขวางทางอยู่จึงสะดุดล้มโครมใหญ่
หนานกงชิงที่เห็นญาติผู้น้องวิ่งมาอยู่ดี ๆ ก็พลันสะดุดล้มกลางทาง “…”
เปลือกตาเขาสั่นระริก ถูกคำเรียกว่าท่านแม่นั้นทำให้ใจสั่นสะท้าน
ตอนกลับไป เสด็จลุงคงไม่ฆ่าเขาหรอกนะ!
เขารีบรุดเข้าไปอุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นมา อย่าเรียกแล้ว อย่าเรียกแล้ว หัวใจเขารับไม่ไหว
“ซื่อจื่อ*[1]”
ทหารที่เป็นหัวหน้าจำฐานะของเจียงอู๋ฮ่วนได้
เจียงอู๋ฮ่วนพยักหน้าให้เขา “ก่อนที่ผู้บัญชาการหลิวจะจับคน ควรถามให้ชัดเจนก่อนจะดีกว่า”
เขามองชายแซ่หม่าผู้นั้นขณะเอ่ยเสียงราบเรียบ
“ข้าพาว่าที่ชายากับลูกสาวมาเปิดหูเปิดตา คนผู้นี้กลับประเสริฐนัก สตรีในหอนางโลมมีตั้งมากมายแต่กลับมาต้องตาว่าที่ชายาของข้าได้”
หนานกงชิงได้ยินเขาพูดคำก็ชายาสองคำก็ชายาจนรู้สึกปวดฟัน สีหน้าบิดเบี้ยว
ส่วนคนอื่นที่ได้ยิน “…”
ซื่อจื่อท่านนี้ช่างเปิดกว้างยิ่งนัก ถึงขั้นพาชายากับลูกสาวมาเที่ยวหอนางโลมเลยหรือนี่
มุมปากของผู้บัญชาการหลิวกระตุก สายตาที่มองหนานกงชิงเปี่ยมแววกังขา
“นี่…ว่าที่ชายากับคุณหนู มาสถานที่เช่นนี้…”
เจียงอู๋ฮ่วนแสดงสีหน้าโมโห ทว่าดูจะเอ่ยวาจาไม่ถูกจังหวะไปหน่อย “พวกนางมีนิสัยทำอะไรตามอำเภอใจ มาจากครอบครัวเล็ก ๆ ในชนบทไม่เคยพบโลกกว้างมาก่อน เห็นว่าที่นี่คึกคักดีจึงยืนกรานมา ข้าสู้นางไม่ได้จึงไร้ทางเลือก”
คนทั้งหลาย “…”
ประโยคที่ว่าสู้นางไม่ได้กล่าวได้อย่างอัดอั้นตันใจยิ่ง
แต่ครั้นดูจากฝีไม้ลายมือและทักษะการต่อสู้ของนาง ทุกคนล้วนเชื่อ
สายตาที่มองเจียงอู๋ฮ่วนเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ
“ท่านนี้คงเป็นซื่อจื่อแห่งจวนหนานหมานอ๋องกระมัง”
“ได้ยินว่ายังไม่แต่งภรรยา ธิดาตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวงล้วนไม่กล้าแต่งให้เขา เพราะเกรงว่าจะทำให้ฝ่าบาทและมหาปุโรหิตระแวงเอาได้”
“แต่นี่มันเรื่องอะไรกัน เหตุใดถึงมีว่าที่ชายาโผล่มาได้ ลูกก็มีแล้ว”
“นี่…เป็นไปได้ว่าคลอดลูกของซื่อจื่อแล้ว สตรีนางนี้ถึงมาหาซื่อจื่อกระมัง”
“ซื่อจื่อสู้ว่าที่ชายาไม่ได้ ท่าทางตอนนางจัดการคนพวกนั้นน่าเกรงขามยิ่ง หากแต่งสตรีเช่นนี้เข้าเรือนไปเกรงว่าคงทำให้เรือนหลังไม่สงบมากกว่ากระมัง”
“วันหน้าซื่อจื่อคงไม่กล้ารับอนุแล้วล่ะ ไม่เช่นนั้นบ้านคงแตกกันพอดี”
“คิดไม่ถึงเลยว่าซื่อจื่อของหนานหมานอ๋องจะรับมือภรรยาตัวเองไม่ได้!”
ถ้อยคำซุบซิบรอบด้านหาได้รบกวนการสนทนาของพวกเขา
แม้ว่าเพราะความระแวงของฝ่าบาท จวนหนานหมานอ๋องจึงเหลือซื่อจื่อท่านนี้เพียงคนเดียว ยามคนทั้งหลายพูดจาลับหลังก็ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตา แต่ถึงอย่างไรก็ได้ชื่อว่าเป็นราชนิกุล คุณชายหม่าตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งย่อมไม่อาจเทียบเคียงได้
และในยามนี้เจียงอู๋ฮ่วนยังยอมรับด้วยตนเอง ว่าหนานกงชิงที่ปลอมเป็นหญิงคือว่าที่ชายาของเขา มีศักดิ์ฐานะเช่นนี้ ถึงชายแซ่หม่าผู้นั้นจะถูกตีจนพิการก็ไม่มีใครพูดอันใด
“ใครก็ได้ กุมตัวคุณชายหม่าไป”
[1] ซื่อจื่อ (世子) หมายถึง บุตรชายที่สืบทอดบรรดาศักดิ์จากบิดา ส่วนใหญ่มักเป็นบุตรชายคนโต
——————————————-