เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 333 แล้วจะให้ข้าหน้าแดง
บทที่ 333 แล้วจะให้ข้าหน้าแดง?
บทที่ 333 แล้วจะให้ข้าหน้าแดง?
เมื่อผู้บัญชาการสอบถามความเป็นมาของเรื่องราวเสร็จแล้ว ก็คุมตัวคุณชายหม่ากับพวกบ่าวรับใช้ไป ทว่าก่อนจากไปสายตาที่ทหารเหล่านั้นมองเจียงอู๋ฮ่วนสะท้อนแววเห็นอกเห็นใจเป็นอย่างมาก
ซื่อจื่อสู้ชายาซื่อจื่อไม่ได้ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปจะต้องลือกันไปทั่วเมืองหลวงเป็นแน่ ฉายากลัวเมียของเขาคงสลัดไม่หลุดแล้ว
สีหน้าเจียงอู๋ฮ่วนแข็งทื่อ เขาเองก็ต้องเสียสละมากเหมือนกัน!
ตอนที่ชายแซ่หม่าคนนั้นถูกควบคุมตัวจากไปมีสีหน้าซีดเผือด ร่ำร้องขออภัยไม่หยุด
แต่ไม่มีใครสนใจเขา
หนานกงชิงที่ได้ระบายโทสะออกไปแล้วค่อยรู้สึกว่าเจียงอู๋ฮ่วนดูรื่นหูรื่นตาขึ้นมาหน่อย
เมื่อขึ้นไปบนรถม้า หนานกงชิงก็ตรวจดูร่างกายของเสี่ยวเป่า “เมื่อครู่ล้มเจ็บหรือไม่”
เสี่ยวเป่าส่ายหน้า “ไม่เจ็บ ไม่เจ็บ เสี่ยวเป่าล้มจนชินแล้ว!”
เห็นใบหน้ายิ้มแย้มไร้เดียงสาของนางแล้ว มุมปากของหนานกงชิงพลันกระตุก
ภูมิใจเพียงนั้นเชียว?
ในตอนนั้นเอง เจียงอู๋ฮ่วนก็เอ่ยขึ้น “ข้าจะเล่าประวัติความเป็นมาของพวกเจ้าให้ฟัง พวกเจ้ามาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ บนภูเขา สี่ปีก่อนข้าได้รับบาดเจ็บตอนไปล่าสัตว์ เจ้าช่วยข้าเอาไว้ ต่างฝ่ายต่างมีใจให้กัน…”
หนานกงชิงตัดบทหน้าแดงก่ำ “นี่ ๆ ๆ…ตอนเจ้าพูดเรื่องพวกนี้อย่าทำหน้าจริงจังนักจะได้หรือไม่!”
รู้สึกว่ามันย้อนแย้งพิลึก
เจียงอู๋ฮ่วนจ้องเขา “แล้วจะให้ข้าหน้าแดง?”
หนานกงชิง “…ช่างเถอะ เจ้าพูดต่อดีกว่า”
เสี่ยวเป่าชูมือ “เสี่ยวเป่ารู้ พี่ชายอู๋ฮ่วนหัวกระแทกทำให้สูญเสียความทรงจำจึงพักรักษาตัวในหมู่บ้านเล็ก ๆ บนเขา พอฟื้นฟูความทรงจำกลับมาได้ก็มีคนมาหาท่าน ท่านทิ้งข้ากับญาติผู้พี่ เอ้ย ทิ้งท่านแม่แล้วจากไป วันนี้ท่านแม่จึงพาข้ามาหาคนไร้หัวใจอย่างท่าน!”
ทั้งสองคน “…”
พวกเขาสะท้านใจเข้าแล้ว
ในหัวเล็ก ๆ นั่นมีแต่เรื่องพิลึกพิลั่นจริง ๆ
เจียงอู๋ฮ่วนไม่สนใจเสี่ยวเป่า “เพราะติดที่ฐานะ เดิมทีข้าตั้งใจว่าจะให้เจ้าติดตามข้าในฐานะอนุภรรยา แต่เจ้ามีนิสัยดื้อรั้นเย่อหยิ่ง พวกเราจึงแยกทางกัน เจ้าคลอดเสี่ยวเป่าออกมาในภายหลัง หมู่บ้านถูกโจรภูเขากวาดล้าง เจ้าพาเสี่ยวเป่าเร่ร่อนมาหาข้า และเพราะข้ายังไม่ได้แต่งงาน จึงเต็มใจตบแต่งเจ้าเป็นชายา”
สุดท้ายเขายังเสริมอีกว่า “จุดสำคัญอยู่ที่ข้าสู้เจ้าไม่ได้ นี่จะช่วยให้ฝ่าบาทกับมหาปุโรหิตมองว่าข้าเป็นคนไร้ความสามารถ และแต่งกับเจ้าเพราะถูกบังคับ คิดว่าพวกเขาคงดีใจที่ข้าได้แต่งหญิงสาวชาวบ้านไร้อำนาจอิทธิพลเช่นกัน ลูกสาวอย่างเสี่ยวเป่าก็ไม่อาจเป็นภัยคุกคามพวกเขา”
หนานกงชิงพยักหน้าแล้วสอบถามรายละเอียดภูมิลำเนาของตัวตนนี้อย่างละเอียด
เสี่ยวเป่ายังทำท่าเสียอกเสียดายอยู่ข้าง ๆ “เอ๋…ไม่มีสูญเสียความจำงั้นหรือ”
คนทั้งสอง : …เจ้าติดใจเรื่องสูญเสียความทรงจำมากเลยสินะ
เจียงอู๋ฮ่วนคิดภาพออกเลยว่า พอเขาออกมาจากหอนางโลม เรื่องที่เขากลัวชายารวมถึงมีลูกสาวแล้วคงจะลือไปทั่วทั้งตรอกสายนี้ในทันทีบราวนี่ออนไลน์
ทันใดนั้นผู้ใหญ่สองคนบนรถม้าก็พลันหมดอาลัยในชีวิต
จวนหนานหมานอ๋องเก็บตัวเงียบเพื่อจะได้ไม่ดึงดูดความสนใจของเบื้องบน เขาจึงออกไปข้างนอกน้อยครั้งมาก มิหนำซ้ำจวนหนานหมานอ๋องยังอัตคัดขัดสนมาก
แต่เพราะเจียงอู๋ฮ่วนออกไปเซ่นไหว้บุพการีปีละครั้ง เขาจึงกล้าแต่งเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา
อีกทั้งในยุคนี้ คิดจะหาหมู่บ้านในภูเขาที่ประสบเภทภัยสักแห่งเป็นเรื่องง่ายมาก คนของเขาเพียงเคลื่อนไหวเล็กน้อยก็ไม่มีใครสืบทราบฐานะของพวกหนานกงชิงได้แล้ว
ภายในจวนมีบ่าวรับใช้น้อยจนน่าเวทนา แต่กลับมีพ่อบ้านชราอยู่คนหนึ่ง
อีกฝ่ายเหมือนจะรอพวกเขามาแต่แรกแล้ว
เมื่อพ่อบ้านผู้นั้นเห็นหนานกงชิงกับเสี่ยวเป่า ดวงตาก็พลันเป็นประกาย
“นี่คงเป็นว่าที่ชายาซื่อจื่อสินะขอรับ พวกท่านลำบากแล้ว รีบเข้ามานั่งข้างในเถอะ”
พ่อบ้านชรายิ้มจนใบหน้ายับย่น สวรรค์ย่อมทราบว่าเขากลัดกลุ้มเรื่องงานมงคลของซื่อจื่อมากเพียงไหน ยังนึกว่าชั่วชีวิตนี้ซื่อจื่อจะไม่ได้แต่งภรรยาแล้วเสียอีก
ผู้ใดจะคาดคิดว่า ตอนนี้ไม่เพียงแต่ภรรยา กระทั่งลูกน้อยก็มีแล้ว!
สวรรค์มีตา ไม่ทำให้จวนอ๋องของพวกเขาต้องมาสิ้นทายาทในมือของซื่อจื่อ
เปลือกตาของเจียงอู๋ฮ่วนเต้นตุบ ๆ “ข่าวแพร่ไวเหลือเกินนะ”
แม้แต่พ่อบ้านของเขายังได้ข่าวแล้ว
หนานกงชิงหน้ามืดครึ้มตั้งแต่ตอนที่ได้ยินอีกฝ่ายเรียกตนเองว่าชายาซื่อจื่อแล้ว
วันนี้ต้องรีบไปสืบข่าวโดยเร็ว เขาจะได้เลิกปลอมตัวเป็นสตรีเสียที!
ไม่ผิดจากที่เจียงอู๋ฮ่วนคาดการณ์ไว้ ไม่ช้าก็ได้ข่าวจากในวัง พวกเขากลับมาได้ไม่นานก็ถูกเรียกตัวเข้าพบ
เจียงอู๋ฮ่วนเพียงพาหนานกงชิงไปด้วย และให้เสี่ยวเป่าอยู่ที่จวน
พวกเขาจากไปได้ไม่นาน นกพิราบที่คุ้นตามากตัวหนึ่งก็โฉบลงมาเกาะบนชายคาหน้าต่างห้องพักของนาง
ดวงตาของเสี่ยวเป่าเป็นประกาย พลางกอดนกพิราบตัวนั้นอย่างระมัดระวัง
จะต้องเป็นท่านพ่อตอบจดหมายนางกลับมาแน่แล้ว!
แกะปลอกส่งสารจากขาของพิราบ ข้างในมีจดหมายฉบับหนึ่ง
‘รอที่เผ่ากู่ขาวไปก่อน ข้าจะไปรับเจ้า’
พอเสี่ยวเป่าอ่านจบก็เริ่มไม่สบายใจขึ้นมา
ท่านพ่อยังไม่รู้ว่านางมาที่นี่
ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางยับยู่ยี่ ลังเลใจระหว่างบอกกับไม่บอก แต่สุดท้ายยังคงเลือกที่จะบอกออกไป
ไม่เช่นนั้น หากท่านพ่อมารู้ทีหลัง นางกับญาติผู้พี่คงแย่กว่าเดิม
เสี่ยวเป่าสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วหยิบพู่กันขึ้นมา
‘ท่านพ่อ เสี่ยวเป่ามีเรื่องจะบอกท่าน ท่านห้าม (ขีดฆ่า) ท่านอย่าโมโหนะ ข้ามาหาท่านอาสี่ที่หนานจ้าวแล้ว ตอนนี้อยู่กับญาติผู้พี่หนานกงชิงที่ปลอมเป็นสตรี (ขีดฆ่า) ในจวนพี่ชายซื่อจื่อ ในไม่ช้าก็จะสามารถแฝงตัวเข้าไปหาท่านอาสี่ในวังได้แล้ว เสี่ยวเป่ามีเรื่องอีกมากที่อยากพูด แต่เขียนไม่ได้แล้ว ท่านพ่อโปรดดื่มชาระงับโทสะ แล้วอย่าโกรธกันนะ’
เขียนจบก็สอดเข้าไปในปลอกส่งสาร
“รบกวนเจ้าแล้ว”
พิราบส่งสาร “…”
เพิ่งลงพื้นได้ไม่นานก็ต้องบินอีกแล้ว มันไม่ทำแล้ว!
พิราบโอดครวญอู ๆ ๆ ใส่เสี่ยวเป่าอย่างโมโห พิราบไม่มีสิทธิ์พักผ่อนเลยหรือไร
เสี่ยวเป่าได้ยินเสียงประท้วงของพิราบแล้วก็เหมือนจะนึกอะไรได้ จึงรีบอุ้มมันขึ้นมาลูบขน
“ขอโทษ ๆ ลำบากเจ้าแล้ว เดี๋ยวเสี่ยวเป่าหาอะไรให้กินนะ”
หาของอร่อยให้เจ้าพิราบกินเสร็จแล้ว ยังต้องหาเสื้อผ้ามาทำเป็นรังอันอบอุ่นให้มันพักผ่อน เจ้าพิราบถึงค่อยพออกพอใจ
วางใจเถอะ มีมันอยู่ด้วย จดหมายนี้ต้องไปถึงมือเทพสังหารผู้นั้นแน่นอน!
เสี่ยวเป่าดูพิราบกิน ตนเองก็กินด้วย หากในใจกลับเป็นห่วงคนสองคนในวัง
ยังดีที่พอฟ้าเริ่มมืด ตอนเสี่ยวเป่าเดินไปดูที่ประตูเรือนเป็นรอบที่นับไม่ถ้วนก็ได้เห็นรถม้าเรียบง่ายคันหนึ่งวิ่งตรงมาทางนี้
เสี่ยวเป่าวิ่งออกไป กำลังจะเรียกว่าท่านพี่ แต่ครั้นเห็นการแต่งกายของเขา คำว่าท่านพี่ที่กำลังจะออกจากปากจึงเปลี่ยนไปเป็นคำว่าท่านแม่แทน
หนานกงชิงตัวสั่นสะท้าน ถึงนี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยิน แต่ทุกครั้งที่ได้ยินญาติผู้น้องเรียกตนเองว่าท่านแม่ก็รู้สึกเหมือนตนเองเข้าใกล้ตำหนักพญายมเข้าไปทุกที
“แค่ก…ข้าเข้าไปก่อนนะ”
เมื่อไปถึงห้องหนังสือของเจียงอู๋ฮ่วน พวกเขาก็อุ้มเสี่ยวเป่าเอาไว้แล้วเริ่มเจรจาวางแผนกัน
เพราะเสี่ยวเป่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด นางจึงต้องฟังด้วย
เจียงอู๋ฮ่วน “สามวันให้หลัง ในงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพขององค์ชายห้าที่ได้รับความโปรดปรานมากที่สุด ถึงตอนนั้นข้าจะให้คนปลอมตัวเป็นเจ้าไปเข้าร่วมงานเลี้ยง พวกเจ้าอาศัยโอกาสนี้เข้าไปหาคน นี่คือแผนผังภายในวัง”
คิดจะก่อกบฏ เจียงอู๋ฮ่วนย่อมไม่อาจนั่งงอมืองอเท้า เขาลอบดึงเส้นสายเก่าแก่ของบิดามาเป็นพวก ทั้งยังสามารถโน้มน้าวขุนนางใหญ่มาได้ส่วนหนึ่ง ล้วนแต่เป็นขุนนางที่ไม่พอใจที่ราชสำนักถูกมหาปุโรหิตควบคุมเอาไว้
การหาแผนผังภายในวังจึงไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับเขา
——————————————-