เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 339 ดอกสามชีวา
บทที่ 339 ดอกสามชีวา
บทที่ 339 ดอกสามชีวา
นั่นคือเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เมื่อเขาเห็นเสี่ยวเป่าก็เอียงคอน้อย ๆ มองนางอย่างสงสัย
ดวงตางดงามคู่นั้นใสพิสุทธิ์ราวเด็กทารก
แมวดำเดินเข้าไปใช้สีข้างถูไถกับขาของเด็กหนุ่ม
แววตาของเด็กหนุ่มเป็นประกาย อุ้มแมวดำขึ้นมาลูบไล้เบา ๆ
เสี่ยวเป่าลังเลเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไป
เขาอุ้มแมวเอาไว้ แต่สายตากลับมองตามความเคลื่อนไหวของเสี่ยวเป่า
“ท่านเป็นใคร”
เสี่ยวเป่าเดินเข้ามาถามเสียงเบา
เด็กหนุ่มไม่ตอบ เพียงใช้แววตาสงสัยใคร่รู้มองมาที่นาง
“เมี้ยว”
แมวดำส่งขนมที่คาบไว้ในปากถึงมือเขา ในที่สุดก็ส่งเสียงร้อง ทั้งยังทำทีคล้ายกับบอกให้เขารีบกิน
เด็กหนุ่มดูจะคุ้นเคยกับเรื่องเช่นนี้แล้ว จึงหยิบขนมเกาลัดชิ้นนั้นขึ้นมาตั้งท่าจะส่งเข้าปาก
เสี่ยวเป่ารีบเดินเข้าไปฉวยขนมเกาลัดมาจากมือเขา
“อันนี้กินไม่ได้”
กลับไม่ใช่เพราะรังเกียจว่าเป็นสิ่งที่แมวคาบไว้ในปากจึงกินไม่ได้ แต่เป็นเพราะแมวดำตัวนี้เป็นแมวจร ในตัวมันจะต้องมีเชื้อโรคมากมายเป็นแน่ ต่างจากแมวเลี้ยงที่ได้รับฉีดวัคซีนในชาติก่อน
ร่างกายมนุษย์เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ บางครั้งแข็งแกร่งมาก บางคราวอ่อนแอเปราะบาง หากเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายก็จะเจ็บป่วยได้ง่าย
เสี่ยวเป่าเปิดกระเป๋าพกใบเล็กของตัวเองแล้วหยิบขนมชิ้นใหม่ออกมาส่งให้ถึงมืออีกฝ่าย
“กินอันนี้ดีกว่า”
เด็กหนุ่มรับขนมไปแล้วกลับไม่ได้กินทันที แต่จ้องมองกระเป๋าพกที่ห้อยอยู่ตรงเอวของเสี่ยวเป่าอย่างสนอกสนใจ
เขายื่นมือออกมาแย่งไปทั้งอย่างนั้น แล้วเริ่มสำรวจอย่างจริงจัง ทั้งยังเทของข้าวในออกมาจนหมด
เสี่ยวเป่าปวดใจยิ่งนัก รีบเก็บขนมที่ตกลงบนพื้นขึ้นมาทันที
เด็กหนุ่มยกกระเป๋าพกใบนั้นขึ้นมาดูแล้วดูอีก
“อันนี้เป็นกระเป๋าที่มีไว้สำหรับใส่สิ่งของ ท่านชอบงั้นหรือ”
ตอนนี้เสี่ยวเป่าดูออกแล้ว ดูเหมือนว่าสมองของพี่ชายตัวน้อยที่งามเลิศล้ำผู้นี้จะไม่ค่อยปกตินัก
เด็กหนุ่มไม่พูดอะไร เพียงถือกระเป๋าพกไว้เช่นนั้น แววสงสัยใคร่รู้ในดวงตายังไม่สลายไป
เห็นเขาผ่ายผอมเพียงนั้น เสี่ยวเป่าจึงหยิบขนมชิ้นหนึ่งส่งให้ถึงปาก
เขาทำเสียงประหลาดใจเล็กน้อย ในที่สุดก็วางกระเป๋าพกที่เป็นงานฝีมือประณีตนั้นลง กัดขนมกินอย่างดีอกดีใจบราวนี่ออนไลน์
กินได้คำเดียวดวงตาก็เป็นประกาย ดวงตาสีม่วงจับจ้องขนมชิ้นอื่นในมือเสี่ยวเป่าสื่อความหมายว่าอยากกินอีก
ไม่รอให้เสี่ยวเป่าส่งให้ เขาก็แย่งขนมเหล่านั้นมากินอย่างเอาแต่ใจ
เสี่ยวเป่า : ขนมของข้า QAQ
ช่างเถอะ เห็นแก่ท่าทางซื่อบื้อของท่าน เสี่ยวเป่าใจกว้างพอ ไม่ถือสาหาความกับท่านหรอก
เสี่ยวเป่านั่งลงข้าง ๆ มองเขากินขนม ช่างน่ามองยิ่งนัก
แต่ก็โง่งมมากด้วย…
นางยังพบว่าพฤติกรรมหลายอย่างของเขาค่อนข้างคล้ายแมว
ยกตัวอย่างเช่นกินเสร็จแล้วก็จะเลียนิ้วมือ ทั้งยังงอนิ้วขึ้นมาลูบหน้าสางผม
ทั้งหมดนี้เหมือนกับแมวที่ทำความสะอาดร่างกายหลังกินอาหารเสร็จอย่างมาก หาใช่เพียงการเคลื่อนไหวเท่านั้น กระทั่งสีหน้าก็เหมือนมากเช่นกัน
เสี่ยวเป่า : หรือจะเป็นปีศาจแมว?
แต่นางไม่พบกลิ่นอายปีศาจบนร่างคนผู้นี้เลย
แทนที่จะบอกว่าเป็นปีศาจแมว ควรบอกว่าเขาเรียนรู้พฤติกรรมเหล่านั้นมาจากแมวมากกว่า
สายตาของนางกวาดไปทางแมวดำตัวนั้นอย่างห้ามไม่อยู่
พบว่าแมวดำตัวนั้นกินขนมเสร็จแล้ว ยามนี้กำลังหมอบอยู่บนพื้นทำความสะอาดใบหน้า
เสี่ยวเป่าสงสัยยิ่ง คนผู้นี้เป็นใครกันแน่ เพราะเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่
นางลองพยายามปลดโซ่ที่พันธนาการเด็กหนุ่มผู้นั้นออก แต่ไหนเลยจะง่ายดายปานนั้น
ไม่พูดถึงเรื่องอื่น ลำพังเรี่ยวแรงของพี่ชายผู้นี้ก็มากกว่านางที่เป็นเพียงเด็กหญิงวัยสี่ขวบมากโข ตัวเขาเองยังปลดไม่ได้เลย
เสี่ยวเป่าถอดใจแล้ว แต่นางยังไม่หมดหวัง
“ท่านรอก่อนนะ เดี๋ยวพวกท่านพี่ก็มาตามหาข้าแล้ว ข้าจะพาพวกเขามาช่วยท่าน”
เสี่ยวเป่าสงสารพี่ชายผู้นี้มากจึงล้วงน้ำตาลก้อนออกมาให้เขา
อาจเป็นเพราะได้กินน้ำตาลก้อนเป็นครั้งแรก เขาเลียไปไม่กี่ครั้ง ดวงตาก็พลันสว่างเจิดจ้า
แล้วก็เอาน้ำตาลก้อนนั้นเข้าปากอย่างอดใจไม่ไหว หรี่ตาส่งเสียงครางในลำคออย่างพึงพอใจ
ท่าทางนี้เหมือนแมวอย่างยิ่ง
แมวดำข้าง ๆ แกว่งหางเดินมาถึงข้างกายเสี่ยวเป่าอย่างอารมณ์ดี ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นขนของมันถูไถไปบนแขนของเสี่ยวเป่าอย่างออดอ้อน
เสี่ยวเป่าอุ้มมันขึ้นมาลูบไล้
“เจ้ากินอิ่มหรือยัง แต่ตอนนี้ไม่มีของกินแล้ว ออกไปข้างนอกได้เมื่อไหร่ข้าจะพาเจ้าไปกินของอร่อยเอง!”
ขณะกำลังลูบเพลิน ๆ ศีรษะสีขาวหิมะใบหนึ่งก็เบียดเข้ามา เลียนแบบท่าทางของแมวดำมาคลอเคลียกับแขนของนางเช่นกัน
เสี่ยวเป่า “!!!”
เด็กหนุ่มกลับหรี่ตามองนางด้วยท่าทางสงบนิ่ง
ราวกับไม่พอใจที่นางไม่ขยับเสียที จึงจับมือของนางไปวางไว้บนศีรษะตนเอง ดวงตาสีม่วงที่งดงามคู่นั้นจ้องมองนาง
เสี่ยวเป่า “…”
นี่เป็นครั้งแรกที่นางปฏิบัติกับคนเหมือนแมวตัวหนึ่ง
มือเล็ก ๆ ของนางลูบศีรษะของเด็กหนุ่มเบา ๆ
จากนั้นก็เห็นว่าเขาหรี่ตาลงครึ่งหนึ่งอย่างพึงพอใจ ส่งเสียงครางแผ่วเบาจากในลำคอ
ช่าง…เหมือนแมวมากจริง ๆ
“น่ารักจริง” เสี่ยวเป่ายิ้มตาหยีขณะเอ่ยชมเสียงนุ่มนิ่ม
ลูบศีรษะเขาเหมือนแมวตัวหนึ่งเช่นนี้ แต่กลับไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจเลยสักนิด
ทันใดนั้น สองคนหนึ่งแมวก็พลันได้ยินเสียงดังมาจากข้างนอก
แมวดำกระโจนไปข้าง ๆ อย่างรวดเร็ว แต่วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวพบว่าเสี่ยวเป่ายังไม่เคลื่อนไหวก็หันมางับมือนางเบา ๆ เป็นเชิงบอกว่าให้ไปด้วยกัน
เสี่ยวเป่าลุกตามไปซ่อนตัว แต่เมื่อหันกลับมาเห็นเด็กหนุ่มเอียงศีรษะน้อย ๆ มองทิศทางที่พวกนางหนีไปนิ่ง ๆ
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เห็นเขาที่เป็นเช่นนี้ในใจกลับรู้สึกแย่ขึ้นมา
หนึ่งคนหนึ่งแมวซ่อนตัวแล้ว ก็มีแสงไฟใกล้เข้ามาจากในทางเดิน
เป็นคนที่สวมชุดผู้ใช้พิษสีขาวสองคน คนหนึ่งเป็นผู้เฒ่า อีกคนอยู่ในวัยกลางคน
ชายวัยกลางคนผู้นั้นประคองดอกไม้สีแดงที่งดงามมากและเปล่งประกายสีแดงเลือดต้นหนึ่ง เดินตามหลังชายชรามาด้วยท่าทางนอบน้อม
สายตาของเสี่ยวเป่าหยุดอยู่ที่ดอกไม้ดอกนั้น
เหง้าและใบของมันล้วนเป็นสีขาวหิมะ โปร่งแสงเล็กน้อย ราวกับว่าแกะสลักมาจากหยกน้ำแข็งใสพิสุทธิ์ ในเนื้อหยกมีเส้นสีขาวขุ่น ตัวดอกกลับมีสีแดงสดดั่งโลหิต แลดูคล้ายดอกปี่อั้น*[1]ทว่างามสง่ายิ่งกว่า
ดอกไม้นั้นส่องแสงเรื่อเรือง ทำให้เสี่ยวเป่าเห็นแล้วนึกถึงเด็กหนุ่มที่ถูกขังไว้ในห้องลับขึ้นมาทันที
เด็กหนุ่มมองผู้มาทั้งสองด้วยท่าทางสงบนิ่ง ไม่มีความประหลาดใจแม้แต่น้อย
เห็นได้ชัดว่าคนทั้งสองมาที่นี่บ่อยครั้ง
สองคนนั้นมองเด็กหนุ่มสลับกับดอกไม้ในมือ ดวงตาทอแววคลั่งไคล้
ชายชราถือกริชพึมพำกับตนเอง “อีกไม่นาน อีกไม่นานพวกเราก็จะเพาะเลี้ยงราชากู่พิษที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกได้สำเร็จแล้ว ถึงตอนนั้นใต้หล้าก็จะอยู่ในการควบคุมของพวกเรา”
ชายวัยกลางคนไม่ยอมน้อยหน้า “ดอกสามชีวาใกล้จะเบ่งบานเต็มที่แล้ว เมื่อใดท่านมหาปุโรหิตจะกลับมาหลอมพิษกัน”
เสี่ยวเป่าเบิกตากว้าง นั่น…นั่นคือดอกสามชีวางั้นหรือ!
ไม่แปลกที่นางจะไม่รู้จัก กระทั่งความทรงจำที่เคยท่องภูเขาลำเนาไพรในชาติที่แล้วล้วนไม่เคยเห็นดอกไม้แบบนี้มาก่อน
ไม่ ไม่อาจบอกว่ามันเป็นดอกไม้ เสี่ยวเป่าสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงลมหายใจของมัน ดอกไม้ดอกนั้นมีชีวิต!
[1] ดอกปี่อั้น (彼岸花) คือ ดอกลิลลี่แมงมุมหรือรู้จักในชื่อฮิกัง บานะ
——————————————-