เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 341 ความโกลาหลในวังหลวง
บทที่ 341 ความโกลาหลในวังหลวง
บทที่ 341 ความโกลาหลในวังหลวง
เสี่ยวเป่าไม่รู้ว่าตนเองร้องไห้อยู่นานเท่าไหร่ เด็กน้อยสะอึกสะอื้นพลางมองแมวดำที่อยู่ในอ้อมแขน ส่วนคนที่กำลังนอนหลับก็เอาศีรษะมาเกยอยู่บนขาสั้นป้อมของนาง
เด็กน้อยโกรธมาก!
นางร้องไห้แทบเป็นแทบตาย แต่คนร้ายกลับนอนหลับอย่างสบายใจเฉิบ
หลับแล้วยังทับขาสั้น ๆ ของนางอีก!
แก้มของเสี่ยวเป่าพองออก อยากจะดึงขาของตัวเองกลับมาเสียจริง แต่ก็พบว่ามันแข็งทื่อไร้การขยับเขยื้อน
ขานางชาไปหมดแล้ว
ในตอนนั้นเองที่รู้สึกชาหนึบอย่างมิอาจควบคุม ขาของนางดูจะไม่ใช่ของนางอีกต่อไป
“ตื่นนะ!”
เสี่ยวเป่าผลักเขา พลางใช้กำลังทั้งหมดที่มีดันหัวของเขาออกไป
เด็กหนุ่มกอดแมวดำพลางลุกขึ้นนั่ง มือขยี้ตาก่อนจะจ้องมองนางด้วยสายตาว่างเปล่า
เสี่ยวเป่าชี้ไปที่ขาของตัวเอง เด็กหญิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเชิงดุเล็กน้อย “ท่านทับขาของข้าจนชาไปหมดแล้ว!”
นัยน์ตาสีม่วงของเด็กหนุ่มมองตามที่นางชี้ไป ดูเหมือนเขาจะอยากรู้อยากเห็นจึงใช้นิ้วจิ้มจึก ๆ
เสี่ยวเป่า “…”
ใจเย็น อย่าโมโห อย่าต่อล้อต่อเถียงกับคนซื่อ
เสี่ยวเป่าลูบขาตัวเอง ขณะที่สีหน้ายังคงยับยู่พลางถอนหายใจ ตอนนี้นางยังเศร้าใจไม่หายเลย
“ข้าจะออกไปแล้ว”
เสี่ยวเป่านั่งหันหน้าเข้าหาเขา พลางยกขาสั้นขึ้นขัดสมาธิแล้วเอ่ยพูด
“ข้าไม่สามารถพาท่านออกไปได้ แต่ไม่ต้องห่วงนะ ข้าจะไปเรียกพวกท่านพี่มาช่วยคิดหาวิธีพาเจ้าออกไป ดังนั้นท่านต้องเป็นเด็กดีรอข้าอยู่ที่นี่ แล้วเดี๋ยวข้าจะไปตามคนมาช่วยท่านให้เร็วที่สุด ตกลงนะ”
“ข้าไปนะ”
นางลุกขึ้นยืน ปัดเศษหญ้าบนตัวพลางกำลังจะเดินจากไป แต่แล้วก็ถูกจับตรึงตรงเสื้อผ้าเอาไว้ ทำให้ยืนทรงตัวแทบไม่ไหว
เสี่ยวเป่า “???”
นางหันไปมองอีกฝ่าย “ท่านทำอะไรน่ะ ข้าต้องไปตามคนมาช่วย ท่านถึงจะออกไปได้”
เด็กหนุ่มไม่เอ่ยสิ่งใด ทำเพียงแค่จับชายเสื้อผ้าอย่างดื้อรั้น ไม่ยอมปล่อยให้นางไป
“ปล่อยมือ”
“…”
“ถ้าไม่ปล่อยข้าจะตีแล้วนะ”
“…”
“ท่านไม่อยากออกไปแล้วหรือ”บราวนี่ออนไลน์
ไม่ว่าเสี่ยวเป่าจะเอ่ยอย่างไร เขาก็ไม่ยอมปล่อยมือเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่เสี่ยวเป่าพยายามจะดึงมืออีกฝ่ายออกอยู่เนิ่นนาน นางก็รู้สึกมั่นใจขึ้นเรื่อย ๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่มีใครสักคนเชื่อใจนางมากขนาดนี้
เด็กน้อยถอนหายใจประหนึ่งตนเองเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ ก่อนจะยอมนั่งลงอีกครั้ง
คราวนี้เขายอมปล่อยมือออก ก่อนจะเอื้อมมาจับมือของนางอย่างมีความสุข แล้ววางมันลงบนหัวตัวเองเพื่อให้นางลูบ
มองเผิน ๆ เหมือนกับเป็นเด็กดี
แต่ตอนนี้เสี่ยวเป่ามั่นใจมากว่า ตนน่าจะโดนความซื่อของคนผู้นี้หลอกเข้าให้เสียแล้ว
จิตใจคนไม่เหมือนอดีต*[1] เด็กสมัยนี้ทุกคนต่างวาดหวังอยากมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งไปในแง่นั้นกันหมด
มือเล็กยกขึ้นเท้าคางพลางถอนหายใจ ไม่มีวิธีอื่นแล้ว เสี่ยวเป่าหยิบนางพญาต่อออกมาจากผมของตัวเอง
“เหลือเจ้าอยู่ตัวเดียวแล้ว ฝากเจ้าไปตามพวกท่านพี่ของข้ามาได้หรือไม่ แต่ต้องยึดเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก จำใส่ใจเอาไว้ด้วยนะ”
ก่อนหน้านี้นางรู้สึกปวดใจยิ่งที่ตัวต่อตายไปมาก
ในฐานะที่นางพญาต่อเป็นจ่าฝูงของพวกตัวต่อทั้งหมด มันจึงไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตนเอง และซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มผมของเสี่ยวเป่ามาโดยตลอด
ปีกของนางพญาต่อมีขนาดใหญ่กว่าปีกของต่อตัวอื่น ๆ มันส่งเสียงหึ่ง ๆ บินวนเวียนไปมาอยู่รอบตัวของเสี่ยวเป่าราวกับให้คำมั่นว่ามันจะทำงานให้สำเร็จลุล่วง หลังจากนั้นจึงโผบินออกไป
แต่ยังไม่ทันจะได้บินออกไปนอกหน้าต่างสู่ฟากฟ้า มือขาวซึ่งเย็นเฉียบก็ยื่นออกมาคว้าจับมันเอาไว้
เสี่ยวเป่า “…”
นางพญาต่อ “…”
มีบางอย่างอัดอั้นตันใจ แต่ไม่รู้จะเอ่ยออกมาเช่นไรดี
เด็กหนุ่มมองดูสิ่งเล็ก ๆ ที่อยู่ในมือของตน แววตาเป็นประกายดุจดั่งเด็กทารกฉายแววความอยากรู้อยากเห็น
หลังจากนั้นเขาก็เปิดปาก พยายามจะนำนางพญาต่อใส่เข้าไปในปาก
เสี่ยวเป่า “ปิดปาก!!!”
นางพญาต่อรู้สึกตื่นตระหนกยิ่ง มันพยายามกระพือปีกอย่างแรงด้วยความหวังจะบินหนีไป
ไม่ทราบเช่นกันว่าเพราะเหตุใด มันจึงไม่กล้าต่อยมนุษย์ผมขาวแปลกหน้าผู้นี้ กลับกัน มันกลัวมากกว่าเสียอย่างนั้น
โชคยังดีท้ายที่สุด เสี่ยวเป่าปิดปากของเขาไว้ได้ทัน จึงช่วยชีวิตนางพญาต่อเอาไว้ได้
เสี่ยวเป่ารู้สึกโมโหมาก ดวงตากลมโตถลึงจ้องมองเขา “ไยเจ้าถึงได้เอาแต่ใจเช่นนี้ คิดอยากจะกินอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ!”
ก่อนหน้าก็กินดอกสามชีวา มาครั้งนี้ยังจะจับนางพญาต่อกินอีก
ต่อให้หน้าตาดูดีเพียงใด แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำสิ่งใดตามใจตัวเองได้เสียหมด!
เด็กหนุ่มจ้องมองนางด้วยสายตาไร้เดียงสาอย่างเห็นได้ชัด
เสี่ยวเป่า : หน้าโกรธสุดขีด.jpg
เมื่อนางพญาต่อหลุดออกจากเงื้อมมือเขาแล้ว มันก็บินหนีไปเพื่อหวังเอาชีวิตรอด
น่ากลัวยิ่งนัก มนุษย์ผมขาวผู้นั้นน่ากลัวมากถึงขั้นจะจับตัวต่อกิน!
เสี่ยวเป่านั่งหันหน้าเข้าหาเขา ก่อนจะเอ่ยสั่งสอนอย่างระมัดระวังว่าแมลงไม่สามารถกินได้
เด็กหนุ่มเอียงคอ ไม่แน่ใจว่าเขาเข้าใจหรือไม่
เสี่ยวเป่า : ข้าเหนื่อยมาก
“ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าท่านพี่จะหาพวกเราเจอ”
ยามนี้ทั้งพระราชวังตกอยู่ในความอลหม่าน
เนื่องจากพระโอรสธิดาของกษัตริย์ รวมถึงบุตรธิดาของเหล่าขุนนางหลายคน ก่อนจะออกไปยังดูดีอยู่ แต่หลังจากกลับเข้ามาก็พากันร้องห่มร้องไห้ด้วยใบหน้าบวมเปล่ง จนพ่อแม่ของพวกเขาเองก็แทบจำหน้าเสียไม่ได้
พวกเขาโดนตัวต่อต่อย และทุกคนก็โทษไปที่เสี่ยวเป่า ทั้งที่ไร้ซึ่งหลักฐานใด ๆ
กษัตริย์พลันกริ้วขึ้นมา ก่อนจะชี้หน้าพลางเอ่ยถามซื่อจื่อของหนานหมานอ๋อง ว่าเขามีเจตนาแอบแฝงคิดก่อกบฏใช่หรือไม่
ผู้ใดจะรู้ว่าคำตอบของเขากลับทำให้กษัตริย์และเหล่าขุนนางต่างตกตะลึง
ชายหนุ่มลุกขึ้นพลางเอ่ยตอบอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่า…พ่ะย่ะค่ะ
กษัตริย์กริ้วหนักจนแทบควบคุมตนเองไม่ได้ ทว่าภายในใจของเขากลับรู้สึกตื่นเต้น เพราะในที่สุดเขาก็เจอหนทางกำจัดเจียงอู๋ฮ่วนที่เขาระแวดระวังมาโดยตลอดได้
หลังจากนั้นเขาก็เรียกทหารองครักษ์เข้ามา แต่ในขณะที่กำลังตื่นเต้นที่จะได้ประหารเจียงอู๋ฮ่วนนั้น ทหารยามส่วนใหญ่ก็ได้ทำการก่อกบฏขึ้น พร้อมกับลงมือสังหารทหารองครักษ์ของกษัตริย์อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
สภาพการณ์นี้ทำให้กษัตริย์รู้สึกตื่นตระหนกยิ่ง รีบออกคำสั่งให้คนคุ้มครองและพาเขาหลบหนี จิตใจเขาในตอนนั้นหาได้นึกถึงนางสนมกับลูกชายสุดที่รักของตนเลยแม้แต่น้อย
ในที่สุด การก่อกบฏในวังหลวงก็เริ่มต้นขึ้น
ทั้งเมืองหลวงแตกออกเป็นสองฝ่าย
แม้ว่าพลทหารเกือบครึ่งล้านจะเคลื่อนทัพออกจากวังหลวงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังหลงเหลืออยู่ประมาณเกือบหนึ่งแสนคนได้
เจียงอู๋ฮ่วนยุให้คนพวกนั้นก่อการกบฏได้เพียงสี่หมื่นคนเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จำนวนของไพร่พลทหารยังนับว่าแตกต่างกันมาก
แต่หากปล่อยให้โอกาสอันดีงามเช่นนี้ไป ก็ไม่รู้ว่าในภายภาคหน้าจะยังมีโอกาสที่ดีเช่นนี้อยู่อีกหรือไม่
เรื่องที่เขานึกเสียดายอยู่อย่างก็คือ ไม่รู้ว่ากษัตริย์ใช้ทางลับใดเพื่อหลบหนีไป
ในระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือดนั้น ฝ่ายทหารมือดีที่ออกไปตั้งค่ายอยู่นอกเมืองก็ได้กลับเข้ามา นอกจากนี้พวกเขายังลงมือสังหารขุนนางและไพร่พลทหารที่สนับสนุนฝ่ายกษัตริย์เสียหมดสิ้น ประหนึ่งสับผักเป็นชิ้น ๆ
เจียงอู๋ฮ่วนที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในตอนแรก พลันพลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบในทันที
ความโกลาหลในวังหลวงแห่งนี้ยังไม่สิ้นสุดลงจนกระทั่งท้องฟ้าย่างเข้าราตรีกาล
หนานกงสือเยวียนในชุดสีดำ มือถือดาบอาบเลือด เดินตรงเข้าไปในวังหลวงของหนานจ้าว
เจียงอู๋ฮ่วนมองคนผู้หนึ่งย่างกรายเข้ามาด้วยสีหน้าซับซ้อน แต่ก็ยังคงยกสองมือขึ้นประสานเป็นเชิงทำความเคารพ
“ฮ่องเต้ต้าเซี่ย”
พวกขุนนางและคนในครอบครัวพากันตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวอยู่ตรงริมทาง ขณะที่ด้านองค์หญิงและองค์ชายเมื่อเห็นหนานกงสือเยวียนกำลังเดินเข้ามา กอปรกับได้ยินเจียงอู๋ฮ่วนเอ่ยเรียกเขาก็พลันรู้สึกตกใจจนแทบลมจับ
ถึงกระนั้นก็ยังมีผู้หาญกล้าพอที่จะชี้นิ้วใส่เจียงอู๋ฮ่วนและเอ่ยต่อว่า “เจียงอู๋ฮ่วน เจ้าคนทรยศ เจ้าร่วมมือกับต้าเซี่ย!”
เจียงอู๋ฮ่วนทำเป็นไม่ได้ยินเสียงนกกาพวกนั้น เขาเกลียดที่อาณาจักรนี้ถูกพวกคนใช้กู่ควบคุมมานานแล้ว เกลียดจนอยากเห็นมันถูกทำลายลง
“หนวกหู”
หนานกงสือเยวียนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะขว้างดาบในมือออกไป และคนที่ตะโกนขึ้นมาเมื่อครู่นั้นก็ถูกดาบเสียบเข้าร่างในพริบตา
[1] จิตใจคนไม่เหมือนอดีต หมายถึง จิตใจของผู้คนแฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและไม่ซื่อสัตย์เหมือนคนรุ่นก่อน