เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 345 ถอนกู่ครั้งแรก
บทที่ 345 ถอนกู่ครั้งแรก
บทที่ 345 ถอนกู่ครั้งแรก
เพียงแต่ ณ เวลานี้เด็กหนุ่มยังเดินไม่ค่อยคล่องเท่าไรนัก แม้กระทั่งเท้ายังเปลือยเปล่า
เนื่องจากเขาไม่คุ้นชินกับการสวมใส่รองเท้า ใส่เพียงครั้งเดียวก็โยนทิ้ง เสื้อผ้าก็เช่นกัน หากไม่ใช่เพราะถูกบังคับอย่างเด็ดขาด ว่าหากไม่สวมเสื้อผ้าจะไม่ให้เข้าพบหนานกงสือเยวียน เขาก็คงจะสวมใส่เพียงกางเกงตัวเดียวแล้วเดินไปทั่วก็เป็นได้
เหตุการณ์นั้นสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นคนหน้าตาดีสักเพียงใด แต่หากทำตัวเช่นนั้นก็ไม่ต่างจากพวกวิกลจริต
พอต้องสวมใส่เสื้อผ้าอย่างไม่เต็มใจ เขาก็พยายามถอดมันออกเป็นครั้งคราว เดี๋ยวก็ดึงตรงโน้น เดี๋ยวก็ปลดตรงนี้ เผยแผ่นอกสีขาวนวลดุจหยก เหล่านางกำนัลที่ได้เห็นต่างพากันหน้าแดงยกใหญ่
เสี่ยวเป่าไม่เขินอายแม้แต่น้อย นอกจากนี้ยังหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ให้แล้วผูกอย่างเรียบร้อย
“อย่าเลียนแบบท่านอาเจ็ดนะ!”
ท่านอาเจ็ดของนางไม่ได้ซื่อ แต่แบบนี้เรียกว่าค่อนข้างทึ่ม
เด็กหนุ่มเอียงศีรษะของตน หิมะที่ทับถมอยู่บนหัวร่วงหล่นลงมา
“ผมของเจ้ายาวเกินไปแล้ว ตอนเหยียบไม่รู้สึกเจ็บเลยหรือ ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยด้วย มิเช่นนั้นแล้ว ผู้คนจะกล่าวหาว่าเจ้าเป็นพวกวิกลจริตได้ แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือหากคนอื่น ๆ เห็นว่าเจ้าหน้าตาหล่อเหลา พวกเขาอาจจะจับเจ้าไปเป็นสามี…”
เสี่ยวเป่าพูดจุกจิกไปเรื่อยด้วยความเป็นห่วง
สุดท้ายนางก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง “ข้ายังเด็กอยู่แท้ ๆ ทำไมถึงได้มีลูกตัวใหญ่ขนาดนี้”
“รองเท้าเจ้าอยู่ไหน”
เด็กหนุ่มนั่งอยู่บนเตียงโดยยกเท้าเปลือยเปล่าขึ้น ดวงตาสีม่วงจ้องมองนางโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ
“เจ้าพูดไม่ได้หรือ”
เสี่ยวเป่าจับมือของเขาพลางดึงให้ลุกขึ้นยืน “ช่างเถอะ ข้าจะไปหาเจ้าพี่ของข้า เจ้าอยากไปด้วยกันหรือไม่”
อันที่จริงไม่จำเป็นต้องถามด้วยซ้ำ พี่ชายคนงามติดนางมาก ไม่ว่านางจะไปที่ไหน เขาจะต้องตามติดไปด้วยทุกที่
แต่ว่า…
ตุบ…
เขาพยายามยืนและลอกเลียนวิธีการเดินของเสี่ยวเป่า เดินตุปัดตุเป๋ไม่กี่ก้าวก็ล้มลงไปกองกับพื้น
เขาไม่ได้ใส่ใจว่าจะเจ็บตัวหรือไม่ ทำเพียงลุกขึ้นยืนใหม่แล้วจ้องมองฝีเท้าของเสี่ยวเป่าต่อไป หลังจากก้าวเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ล้มลงอีกครั้ง
เสียงกายเนื้อกระแทกพื้นทำเอาเสี่ยวเป่ากัดฟันประหนึ่งเจ็บแทน
สุดท้ายนางก็ยังเห็นอกเห็นใจผู้คนไม่เปลี่ยน เสี่ยวเป่าก้าวเดินเข้าไปพลางจับมือของเขาแล้วเอ่ยพูดจาสั่งสอนด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุนหู
“ไม่เป็นไร ดูนะ”
เสี่ยวเป่าตั้งใจเดินให้ช้าลง ทำให้เขามองเห็นได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เด็กหนุ่มเท้าเปลือยเปล่าก้าวเดินไปบนพื้น พลางจ้องมองนางไม่วางตาบราวนี่ออนไลน์
คนหนึ่งสอนคนหนึ่งเรียนรู้ สุดท้ายแล้วหลังจากความพยายามผ่านไปเพียงหนึ่งก้านธูป เขาก็เรียนรู้วิธีการเดินได้สำเร็จ!
เป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนัก เสี่ยวเป่าดีใจมากจนแทบจะลั่นกลองเลยทีเดียว
เด็กหนุ่มเป็นคนที่เรียนรู้เร็วมาก เสี่ยวเป่ารู้ได้ทันทีหลังจากพยายามสอนเขาจนสำเร็จ
“ไปกันเถอะ พวกเราไปหาท่านพี่ของข้ากัน!”
ในที่สุดก็สามารถก้าวพ้นประตูได้แล้ว
ตอนนี้ปัญหาเพียงอย่างเดียวคือเขาไม่ยอมใส่รองเท้า และปฏิเสธหัวชนฝา
เสี่ยวเป่าบังคับให้เขาสวมรองเท้า แต่ความรู้สึกไม่คุ้นชินทำให้กลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง… เด็กหนุ่มล้มพับกองกับพื้น
เสี่ยวเป่า “…”
ช่างเถอะ ข้าเห็นใจจึงยกโทษให้ก่อนหรอกนะ การสอนเดินไม่ใช่สิ่งที่หนักหนาสำหรับนางขนาดนั้น
ครั้นได้ยินเรื่องราวของหนานกงชิงและท่านอาสี่ และยิ่งกังวลยิ่งกว่าเดิมตอนที่รู้ว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บ ขาสั้น ๆ จึงก้าวด้วยความเร็วที่มากขึ้น
แต่ด้วยความที่เด็กหนุ่มยังเดินได้ไม่แข็งนัก เมื่อเห็นเสี่ยวเป่าวิ่ง เขาก็พยายามก้าวตามจนล้มลงอีกครั้ง
“เอ่อ…หาคนมาอุ้มเจ้าดีกว่านะ”
นางตะโกนเสียงดังท่ามกลางความว่างเปล่า “ผู้ติดตามข้าวันนี้คือใคร”
ไม่นานนัก องครักษ์เงาที่สวมใส่ชุดสีดำและหน้ากากก็ปรากฏตัวขึ้น
“ท่านไม่ใช่อิ่งอีนี่”
พิจารณาจากรูปร่างแล้วดูผอมเพรียวกว่าอิ่งอี
“กระหม่อมอิ่งสือเอ้อร์พ่ะย่ะค่ะ”
การตั้งชื่อเช่นนี้ค่อนข้างสะดวกไม่น้อย
นางชี้ไปยังเด็กหนุ่ม “ให้เขาขี่หลัง ข้าต้องรีบไปหาท่านอาสี่และท่านพี่หนานกงชิง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ในตอนนี้ เสี่ยวเป่าสามารถวิ่งเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว
ตำหนักของหนานกงจ้านค่อนข้างวุ่นวาย เสี่ยวเป่ายังไม่ทันได้เดินเข้าไปใกล้ เสียงโหวกเหวกโวยวายก็ดังมาจากบริเวณด้านใน
“เจิ้นหนานอ๋อง เจิ้นหนานอ๋อง ได้โปรดฟื้นเถอะพ่ะย่ะค่ะ นี่พวกเราเองนะพ่ะย่ะค่ะ!”
“เสด็จพ่อ…”
“เร็วเข้า เจิ้นหนานอ๋องกำลังจะควบคุมตนเองไม่ได้แล้ว รีบพาเขาออกไปเดี๋ยวนี้”
เสี่ยวเป่าผลักประตูเข้าไป “เกิดอะไรขึ้น”
เจิ้งหนานอ๋องที่ถูกคนหลายคนรัดแขนรัดขาเอาไว้อยู่ในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงและดวงตาแดงก่ำ บ้าคลั่งประหนึ่งเป็นสัตว์ป่า กำลังทำร้ายทุกคนไม่เลือกหน้า
เสี่ยวเป่าปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ในชั่วขณะหนึ่งท่าทีของทุกคนจึงเปลี่ยนไป เจิ้นหนานอ๋องอาศัยจังหวะในช่วงที่ทุกคนกำลังหยุดนิ่งเพื่อหนีให้พ้นจากการเกาะกุม นิ้วทั้งห้ากางกรงเล็บออกก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปทางเสี่ยวเป่าทันที
สีหน้าของหนานกงชิงแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก “เสี่ยวเป่ารีบหนีไป!”
แต่มันก็สายเกินไปเสียแล้ว
ในช่วงเวลาคับขัน เด็กหนุ่มผมสีขาวก็รีบลงจากหลังของอิ่งสือเอ้อร์พลางโถมร่างเข้ามากอดเสี่ยวเป่า ดวงตาสีม่วงคู่นั้นจับจ้องไปยังเจิ้นหนานอ๋องที่ถูกตรึงเอาไว้
มือของเขาหยุดชะงักห่างจากตัวเสี่ยวเป่าเพียงแค่เอื้อม ทุกคนเริ่มเคลื่อนไหวช้าลงก่อนจะหยุดนิ่งไม่ไหวติง
ทุกคนต่างตกตะลึงกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้าจนลืมที่จะขยับเขยื้อน พลางจ้องมองด้วยสายตาว่างเปล่า
ทันใดนั้น เจิ้นหนานอ๋องก็บีบรัดลำคอของตนด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนจะออกแรงบีบจนเส้นเลือดปูดนูนประหนึ่งไส้เดือน
เพียงไม่นานนัก ผิวของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำอย่างน่ากลัว ดูเหมือนใกล้ขาดอากาศหายใจเต็มที
“เสด็จพ่อ!!!”
หนานกงชิงรีบวิ่งเข้าไปโดยเร็ว ก่อนจะใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อคลายมือที่กำลังบีบคอออก
แต่ไม่นานเขาก็สังเกตเห็นว่า การบีบคอเช่นนี้ ทำให้มีเส้นอะไรบางอย่างที่น่าสะพรึงขยับไปมาอยู่บริเวณคอของหนานกงจ้าน
เจ้าสิ่งนั้นกำลังคลานไต่ขึ้นมาจากลำคอเสด็จพ่อของเขา ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบข้างรู้สึกสะอิดสะเอียนอีกทั้งยังหวาดกลัวไปพร้อม ๆ กัน
“น… นี่คือสิ่งใดกัน!”
“คงไม่ใช่หนอนกู่นั่นหรอกใช่หรือไม่ เช่นนั้นจะทำอย่างไร องค์ชาย ได้โปรดคิดหาวิธีโดยเร็วด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
เสี่ยวเป่าเองก็เป็นกังวลเช่นกัน ก่อนจะรีบเอ่ยบอกหนานกงชิง
“ท่านพี่ รีบกรีดผิวบริเวณสันกรามท่านอาสี่เร็วเข้า!”
หนานกงชิงคิดหาวิธีอื่นไม่ได้แล้ว จึงลงมือตามคำที่เสี่ยวเป่าบอก
เด็กหนุ่มหันมองเสี่ยวเป่า ก่อนจะเข้าใจความรู้สึกว่านางเองก็ต้องการช่วยท่านอาของตนไม่ต่างกัน ดังนั้นระหว่างที่ทุกคนกำลังตื่นตระหนก เขาจึงเดินไปหยุดอยู่ด้านข้างของหนานกงจ้านอย่างใจเย็น ก่อนจะคว้ากริชออกมากรีดลงบนข้อมือของตัวเอง
ทันใดนั้น สายโลหิตกลิ่นหอมหวนก็ไหลรินออกมา ขณะเดียวกันนั้น หนอนกู่ที่อยู่ในตัวของหนานกงจ้านเองก็ดูเหมือนจะกระสับกระส่ายมากกว่าเดิม มันคลานไต่ไปตามลำคอแล้วขึ้นไปยังใบหน้า พยายามเบียดแทรกออกมาจากบาดแผลบริเวณใบหน้าของเขา
ในขณะนี้ ทุกคนต่างกลั้นหายใจ
ไม่นานนัก หนอนที่มีลักษณะคล้ายกับเส้นเลือดก็คลานออกมาจากบาดแผล
ผู้คนที่มีอาวุธอยู่ในกำมือต่างกระชับแน่นขึ้น สายตาจับจ้องไปยังหนอนตัวนั้นเขม็ง
ช่างน่าขยะแขยงยิ่งนัก หากใครถูกหนอนแบบนี้ชอนไชอยู่ในร่างกายก็ล้วนต้องรู้สึกกระสับกระส่ายกันทั้งนั้น
แต่ทุกคนก็รู้สึกตื่นเต้นกันมากยิ่งขึ้น เพราะว่านี่คือหนอนกู่ที่ควบคุมจิตใจของเจิ้นหนานอ๋อง!
เมื่อกู่ออกมาทั้งตัวแล้ว พวกมันก็รีบเคลื่อนไหวไปหาเด็กหนุ่มผมสีขาว
มันเคลื่อนไหวเร็วมาก จนผู้คนไม่สามารถไหวตัวได้ทัน
แต่ผู้ที่เร็วกว่าก็คือตัวของเด็กหนุ่มผู้นั้นเอง
ไม่ทันได้สังเกตด้วยซ้ำว่าเด็กหนุ่มขยับเคลื่อนไหวอย่างไร แต่เมื่อทุกคนละสายตาไป กลับพบว่าหนอนกู่ได้อยู่ในมือของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว