เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 362 แต่งตั้งรัชทายาท
บทที่ 362 แต่งตั้งรัชทายาท
“แค่ก ๆๆ…”
เหล่าพี่ชายที่อยู่ด้านข้างร่วมแรงร่วมใจกระแอมไอแรง ๆ เตือนทั้งสองว่าอย่าเลยเถิดไปนัก ที่นี่ยังมีคนอยู่จำนวนมาก!
เสี่ยวเป่าเงยหน้าขึ้น เหลือบมองสายตาแปลกประหลาดหลากหลายจากบรรดาขุนนางที่จับจ้องนางกับเยว่หลี ก่อนจะลอบมองไปทางท่านพ่อ
ไม่โกรธใช่หรือไม่ นางถูกเยว่หลีล่อลวง QAQ
“แค่ก ๆ เยว่หลีเก่งกาจยิ่ง รีบสั่งให้พวกมันทั้งหมดกลับไปเถิด”
ใบหน้าน้อย ๆ ของเสี่ยวเป่าแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังในพริบตา นางลูบหัวเยว่หลีราวกับสุนัขพร้อมเอ่ยสั่งเสียงนุ่ม
เยว่หลีส่งเสียงโอ้ และทำตามอย่างว่าง่าย สั่งให้อสรพิษเหล่านั้นเลื้อยกลับเข้ากรง
เสี่ยวเป่ากลับไปนั่งคุกเข่าหลังตรงที่ตำแหน่งของตนเองอีกครั้ง ทว่าภายในหัวน้อย ๆ ของนางกำลังคิดจินตนาการถึงเรื่องอื่นอยู่
เยว่หลีจุดประกายให้นาง หากกลับไปแล้วนางอยากฝึกฝนกองทัพตัวต่อบ้าง
หลังจากที่เหล่างูถูกนำออกไป งานเลี้ยงเฉลิมฉลองก็ค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะเดิม
แม้สายตาของเหล่าขุนนางจะยังคงสับสน โดยเฉพาะยามมองไปทางองค์หญิงน้อยก็ตาม
ข้างกายมีเสือตัวใหญ่สองตัวอยู่เคียงข้างตลอด ตอนนี้ยังจะกล้าเล่นกับอสรพิษ
จบแล้ว ยังจะมีผู้ใดในเมืองหลวงกล้าแต่งงานกับองค์หญิงที่ไร้ความกลัวเกรงถึงเพียงนี้ ไม่ใช่ว่าฝ่าบาทจะคอยประคับประคองอยู่ในมือไปตลอดหรอกกระมัง
เสี่ยวเป่าไม่รู้เลยว่ามีคนเริ่มกังวลเรื่องชีวิตในอนาคตของนางแล้ว นางลูบขาตนเองที่ชาขึ้นมาเล็กน้อยจากการนั่งคุกเข่าอย่างเงียบงัน
หนานกงสือเยวียนเป็นผู้เริ่มเปิดปากเอ่ยออกมา ถามทุกคนว่ายังมีสิ่งใดข้องใจหรือไม่
เซี่ยกั๋วกงผู้เฒ่ายืนขึ้นมาในเวลาอันเหมาะสม เอ่ยถึงเรื่องราวสถานการณ์สงครามที่ผ่านมาด้วยเสียงอันดัง ผลงานของเยว่หลีถูกเน้นออกมาเป็นพิเศษ
หลังจากนั้นก็ส่งสายตามองไปทางเหล่าขุนนางเป็นนัยว่า ตอนนี้พวกเจ้ารู้แล้วใช่หรือไม่ หากไม่ใช่เพราะพลังของเยว่หลีพลิกสถานการณ์ ไม่รู้ว่าฝั่งพวกเราจะต้องมีคนบาดเจ็บล้มตายไปอีกมากน้อยเพียงใด
ไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้านอีก
เซี่ยกั๋วกงผู้เฒ่าเอ่ยต่อ “ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่ายังมีอีกผู้หนึ่งที่สมควรได้รับความดีความชอบ”
หนานกงสือเยวียน “พูด”
“องค์หญิงเจาเสวี่ย”
ควับ ควับ…
ทุกสายตาจับจ้องไปทางเสี่ยวเป่าอีกครั้ง
เสี่ยวเป่าที่กำลังเหยียดขาสั้น ๆ ยื่นให้พี่ชายคนเล็ก “…”
หนานกงฉีจวินที่กำลังบีบนวดขาให้น้องหญิง “…”
เสี่ยวเป่า : เหตุใดเวลานางเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ จึงต้องมองมาตลอดเลย ยามนางนั่งเรียบร้อยค่อยมองไม่ได้หรือ!
เสี่ยวเป่าฉุนเฉียวเสียจนแก้มขาวราวหิมะป่องออกจนกลายเป็นปลาปักเป้า ทว่ากลับดูนุ่มนิ่มอย่างมาก จึงดูไม่เหมือนกำลังโกรธเคืองผู้อื่น เหมือนกำลังฮึดฮัดใส่ตนเองมากกว่า
นางดึงขาสั้นป้อมของตนเองกลับไปเงียบ ๆ จากนั้นก็นั่งคุกเข่าถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม
“เฮ้อ”
เหล่าพี่ชาย : ฮ่า ๆ ๆ
เหตุใดพวกเขาจึงอยากหัวเราะมากเพียงนี้
เหล่าขุนนางเหมือนต้องการจะพูดสิ่งใดแต่ก็ยังคงลังเล พวกเขาทำเพียงแค่ถอนหายใจออกมา องค์หญิง ท่านเป็นถึงองค์หญิง! เหตุใด เหตุใดจึงไม่สำรวมท่าทางถึงเพียงนี้!
หนานกงสือเยวียนเมินเฉย ทำเป็นไม่เห็นสิ่งใด
เซี่ยกั๋วกงผู้เฒ่ามุมปากกระตุกเล็กน้อยก่อนเอ่ยออกมา “เยว่หลีได้รับการช่วยเหลือจากองค์หญิง และองค์หญิงก็เป็นคนพาเขากลับมา”
หมายความว่าองค์หญิงได้ช่วยชีวิตคนจำนวนมากของพวกเขาไว้ทางอ้อม อีกทั้งยังมีส่วนร่วมทางอ้อมให้ได้รับชัยชนะในสงครามกับหนานจ้าวอีกด้วย
สิ่งที่เขาไม่ได้กล่าวออกไป ก็คือเรื่องที่เยว่หลีผู้นี้มีความคิดแปลกประหลาด เชื่อฟังเพียงแค่คำพูดขององค์หญิงเท่านั้น
หนานกงสือเยวียนเหลือบตามองเซี่ยกั๋วกงผู้เฒ่าด้วยสายตาพึงพอใจ จากนั้นก็มอบรางวัลให้เสี่ยวเป่ามากมาย
เขาไม่คิดเสียดาย อย่างไรเสียของเหล่านี้ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าที่คัดเลือกมาจากทรัพย์สินของกษัตริย์หนานจ้าว
กลับมาครั้งนี้ พวกเขาได้ยึดคลังสมบัติของราชวงศ์หนานจ้าวและมหาปุโรหิตมาด้วย
ตำลึงทองรวมแล้วกว่าสองล้านตำลึง ตำลึงเงินอีกสามล้านตำลึง ยังไม่ได้นับรวมสมบัติล้ำค่าอื่น ๆ อีก
นอกจากนี้หลังการไต่สวนตัดสินความผิดของเหล่าขุนนางชนชั้นสูงและคนอื่น ๆ ในราชวงศ์หนานจ้าว ยังได้มีการตรวจค้นและยึดทรัพย์สินอีกด้วย
ทรัพย์สินที่ยึดมาจากหนาวจ้าวนั้นนับได้ว่ามั่งคั่งเสียยิ่งกว่าภายในท้องพระคลังของต้าเซี่ยเสียอีก ส่วนใหญ่ล้วนมาจากทรัพย์สมบัติส่วนตัวของมหาปุโรหิตและกษัตริย์หนานจ้าว ส่วนในท้องพระคลังมีสิ่งของอยู่น้อยนิดจนน่าเวทนา
อย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้เสียเปรียบแต่อย่างใด
ดังนั้นหลังจากมอบรางวัลให้กับกองทัพทั้งสามแล้ว หนานกงสือเยวียนก็มอบสมบัติล้ำค่าทั้งหมดให้กับบุตรและธิดาตนเองอย่างไม่มีหวง
เสี่ยวเป่าได้มากที่สุด เขามอบมันให้นางนำไปเล่น
รายชื่อของรางวัลแต่ละชิ้นทิ่มแทงใจเหล่าขุนนาง ของส่วนมากล้วนเป็นสมบัติที่แม้มีเงินก็ไม่อาจหาซื้อได้
สิ่งเหล่านี้ที่ยึดมาจากหนานจ้าวมีค่ามหาศาลยิ่ง ฝ่าบาทของพวกเขาถึงกับตัดใจละทิ้งได้
ส่วนเหล่าคนในครอบครัวขุนนางที่อยู่ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าเด็กสาวได้ยินแล้วต่างรู้สึกริษยาภายในใจ องค์หญิงเจาเสวี่ยได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท กระทั่งเหล่าองค์ชายยังตามหลังไปสองสามก้าว ผู้ใดกันจะไม่ต้องการความรักความโปรดปรานเช่นนี้
เสี่ยวเป่า : พอแล้วท่านพ่อ พระคลังน้อยของเสี่ยวเป่าไม่อาจยัดเพิ่มได้อีกแล้ว
เสี่ยวเป่าใช้นิ้วนับจำนวน ท่านพ่อโยนทุกสิ่งที่ไม่ต้องการให้กับนาง นางต้องเปิดคลังส่วนตัวขึ้นมาจึงจะพอเก็บได้!
ใช่ ตอนนี้เสี่ยวเป่าค้นพบแล้ว ท่านพ่อไม่ชอบของหรูหราเหล่านั้น ทว่าอย่างไรเสียก็เป็นสมบัติ ไม่อาจทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ได้
หลังจากมอบของให้เหล่าขุนนางกับนางสนมวังหลังแล้วก็ยังเหลือสมบัติอีกไม่น้อย เขาไม่ต้องการให้สิ่งเหล่านั้นเข้าท้องพระคลังหรือคลังสมบัติของตนเอง ดังนั้นจึงโยนทุกอย่างให้คนรอบกาย
เวลาจะให้รางวัลเหล่าขุนนางแล้วมีไม่พอ ก็เพียงแค่มาเอาจากตนไป
ฮึ่ม… นางมองท่านพ่อออกแล้ว!
หนานกงสือเยวียนเหลือบมองเจ้าก้อนแป้ง ดวงตาหนาวเหน็บน่าเกรงขามปรากฏรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อย
ก่อนใบหน้าจะแปรเปลี่ยนในพริบตา เขาทอดสายตามองทุกคนด้วยท่าทางโลกหล้าไร้สิ่งให้แยแส
“องค์ชายใหญ่”
หนานกงฉีซิวลุกขึ้นด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เดินไปกลางท้องพระโรงแล้วคุกเข่าลง
ทุกคนต่างเงียบเสียงลง องค์ชายใหญ่เป็นองค์ชายที่ถูกจับจ้องมากที่สุด ไม่รู้ว่าฝ่าบาทต้องการทำสิ่งใด
ยามนั้นเอง ฝูไห่ก็ประกาศพระราชโองการออกมา
“ด้วยโองการสวรรค์ ฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชา ช่วงระหว่างองค์ชายดูแลอาณาจักร กิจการบ้านเมืองไม่ขาด บริหารใช้งานคนดีเยี่ยมไม่มีหย่อนยาน องค์ชายใหญ่หนานกงฉีซิวเปี่ยมด้วยคุณธรรมและความสามารถ จึงรับสั่งให้แต่งตั้งองค์ชายใหญ่เป็นรัชทายาท!”
หลังจากพระราชโองการสิ้นสุดลง หนานกงฉีซิวพลันตื่นตะลึง เช่นเดียวกันเหล่าขุนนางที่บื้อใบ้ไปโดยพลัน
ไม่ใช่สิ เหตุใดจึงได้แต่งตั้งรัชทายาทขึ้นมาโดยไร้สัญญาณล่วงหน้าเช่นนี้!
หนานกงฉีซิวรีบกลับมาตอบรับ “ลูกขอบพระทัยเสด็จพ่อ”
เสียงกระจ่างชัดของเขาทำให้สติของทุกคนกลับมา
“ฝ่าบาทนี่…”
หนานกงสือเยวียนปรายตามองขุนนางบางคนที่มีสีหน้าไม่น่าดู “ผู้ใดมีปัญหา”
แม้อยากจะกล่าวว่ามี ทว่าก็ทำได้แต่เพียงหน้าแดงไม่เอ่ยอันใด
อยากจะกล่าวเหลือเกินว่าเหตุใดฝ่าบาทจึงไม่ปรึกษาพวกเขา แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ความคิดก็รู้ว่าฝ่าบาทจะตอกกลับเช่นไร
‘รัชทายาทของข้าจำเป็นต้องปรึกษาเจ้าด้วยหรือ’
ฝ่าบาทของพวกเขาทำอะไรตามอำเภอใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ฝ่าบาทก็มีความสามารถมากพอจะทำตามอำเภอใจตนเอง
ผู้ที่ควบคุมอำนาจทางการทหารไว้มากที่สุดคือตัวเขา เจิ้นหนานอ๋อง และตระกูลเซี่ย
เจิ้นหนานอ๋องภักดีต่อเสด็จพี่ของตน ตระกูลเซี่ยก็เป็นตระกูลมารดาขององค์ชายใหญ่ ไม่สิ ยามนี้ต้องเป็นองค์รัชทายาท
กิจการบ้านเมืองที่สำคัญทั้งหมดของอาณาจักรล้วนอยู่ในมือของเขา ไม่ว่าองค์รัชทายาทจะจัดการได้หรือไม่ ฮ่องเต้อย่างเขาก็ไม่จำเป็นต้องมองสีหน้าผู้ใด!