เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 382 วิธีออดอ้อนของบุรุษล่ำสัน
บทที่ 382 วิธีออดอ้อนของบุรุษล่ำสัน
บทที่ 382 วิธีออดอ้อนของบุรุษล่ำสัน
เสี่ยวเป่าเก็บดาบลงกล่อง ตั้งใจไว้ว่าจะไปพบท่านพ่อหลังจากนั้น ทว่าเหล่าพี่ชายกลับมาหาเสียก่อน
พวกเขามาหาเสี่ยวเป่าพร้อมขวดเหล้าในมือเพื่อแลกกับปิงจีหลิ่น
อากาศร้อนเช่นนี้จะขาดของหวานคลายร้อนแสนอร่อยได้อย่างไร
หนานกงฉีหลิงเกิดมาพร้อมกับจิตสัมผัสที่ไวต่อศาสตราวุธ จึงสังเกตเห็นดาบถังเหิงในกล่องที่เสี่ยวเป่ายังไม่ทันได้ปิด
เขารีบสาวเท้าเข้าไปหา จับจ้องสิ่งที่อยู่หน้าด้วยแววตาเป็นประกาย ราวกับกำลังมองความงดงามอันยากหาสิ่งใดเปรียบ
ผู้ใดจะไม่ชื่นชอบอาวุธที่ดูดีเช่นนี้ ยิ่งอยู่ในยุคโบราณที่มีการรบราฆ่าฟัน ทำสงครามกันอยู่เป็นนิตย์เช่นนี้ด้วย
“นี่มัน… นี่มันดาบอันใดกัน!”
หนานกงฉีหลิงตื่นเต้นจนเสียงสั่น เช็ดมือบนเสื้อเช็ดแล้วเช็ดอีก ก่อนที่จะใช้สองมือประคองดาบขึ้นมาจากกล่องอย่างทะนุถนอม
ดาบถังเหิงปรากฏแก่สายตาคนทั้งหลายอย่างชัดเจน มันเป็นอาวุธที่ดูแข็งแกร่งและทรงพลังยิ่ง ทั้งใบดาบยังคมกริบจนแทบตัดเส้นผมกลางอากาศได้
“เสี่ยวเป่าได้ดาบนี้มาจากที่ใด มันคือดาบอันใดหรือ มีเจ้าของหรือไม่”
ต่อให้มีเจ้าของแล้วอย่างไร เขาจะแย่งชิงมันมาให้จงได้!
หนานกงฉีหลิงร่ำร้องในใจ ลูบไล้ดาบด้วยความรักใคร่ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นชายหนุ่มผู้อาจหาญ แต่เหตุไฉนถึงได้แสดงท่าทีออกนอกหน้าเช่นนี้
อันที่จริงก็ไม่น่าแปลกใจที่เขาเป็นแบบนี้ พี่น้องที่เหลือชื่นชอบมันไม่ต่างกัน พอเห็นว่ามีดาบอีกสองเล่ม พวกเขาก็ถลาเข้าไปคว้ามันมาพินิจดูใกล้ ๆ
เสี่ยวเป่ารีบเอ่ยเสียงดังลั่น “ดาบพวกนี้เป็นของท่านพ่อ พี่ใหญ่ และพี่รอง!”
สีหน้าหนานกงฉีหลิงห่อเหี่ยวลงทันใด “เหตุใดไม่มีของข้าเล่า”
เขาไม่ควรค่าพอที่จะครอบครองมันอย่างนั้นหรือ วันหน้าอย่างไรเสียเขาก็ต้องได้เป็นแม่ทัพใหญ่ เหตุใดถึงไม่มีสิทธิ์ครอบครองดาบล้ำค่านี้
เสี่ยวเป่าถลาตัวเข้าไปปลอบโยนพี่ห้าทันที
“พี่ห้าอย่าพึ่งน้อยใจไป ดาบนี้เพิ่งทำเสร็จเพียงไม่กี่เล่ม ส่วนที่เหลือจะตามมาทีหลัง ท่านพ่อเป็นถึงฮ่องเต้ ต้องมอบให้เขาก่อน”
หนานกงฉีหลิงกอดดาบไว้อย่างหวงแหนแต่ก็ยอมพยักหน้า แม้จะเจ็บปวดมากก็ตาม เพราะที่น้องสาวพูดก็มีเหตุผล
“ส่วนพี่ใหญ่ก็เป็นถึงองค์ชายรัชทายาท เป็นพี่ชายของพวกเราทุกคน หากมอบดาบให้พวกท่านข้ามหน้าข้ามตาเขา นั่นเท่ากับว่าไม่ไว้หน้าเขามิใช่หรือ อีกอย่างพวกท่านมีกันหลายคน ดาบมิอาจทำเสร็จพร้อมกันในคราวเดียวได้”
ยิ่งนางอธิบายอย่างมีเหตุมีผล หนานกงฉีหลิงก็ยิ่งปวดร้าวราวกับถูกเลาะกระดูก
“แล้วอีกเล่มเล่า”
เสี่ยวเป่าเอ่ยเสียงหนักแน่น “ใกล้ถึงวันเกิดพี่รองแล้ว นี่เป็นของขวัญวันเกิดที่ข้าเตรียมไว้ให้พี่รอง พี่ห้าอยากแย่งของขวัญวันเกิดพี่รองหรือ”
หนานกงฉีหลิง “…”
ให้ตายเถอะ ใจเขาเหมือนถูกทิ่มแทงซ้ำ ๆ
“แล้วถ้าข้า…” อยากแย่งมันเล่า
“ไม่ได้เพคะ”
เสี่ยวเป่ารู้ว่าเขาจะเอ่ยสิ่งใด จึงรีบห้ามด้วยสีหน้าจริงจัง
หนานกงฉีหลิง “ฮือ…”
นี่สินะ เล่ห์เหลี่ยมมารยาชาย…
บุรุษอกสามศอกแสร้งทำเป็นร้องไห้ แม้เสี่ยวเป่าจะใจอ่อน แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น
เสี่ยวเป่าต้องการตักน้ำใส่ถ้วยให้เท่ากัน*[1] แต่ก็ไม่อาจละเลยพี่ใหญ่กับพี่รอง นางจึงจำเป็นต้องทำให้พี่ห้าเสียใจ
“ท่านพี่รีบดูเถิด พอท่านดูจนพอใจแล้วข้าจะได้นำมันไปมอบให้ท่านพ่อ”
เสี่ยวเป่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด อีกทั้งยังนางเอามือปิดตาไว้ ไม่อยากเห็นสีหน้าสิ้นหวังราวฟ้าถล่มดินทลายของพี่ห้า เพราะกลัวว่าตนเองจะใจอ่อน!
พวกเขาถือดาบทั้งสามเล่มมุ่งหน้าไปที่ลานกว้าง หนานกงฉีหลิงผู้เก่งวรยุทธ์อยู่เป็นทุนเดิม ถือดาบมือเดียวแล้วฟันมันลงบนโต๊ะตัวหนึ่ง
เขากวัดแกว่งดาบอย่างพลิ้วไหว ทำราวกับดาบนั้นเบาหวิว เหมือนไม่ได้ออกแรงมากนักด้วยซ้ำ ทว่าโต๊ะกลับแยกออกเป็นสองส่วน
ทุกคน : (⊙o⊙)
แม้ทุกคนจะคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าดาบนี้จะต้องคมมาก แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่ามันจะคมขนาดนี้!
ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจกว่าที่เสี่ยวเป่าคาดคิดไว้
และถ้านางไม่ได้ตาฝาดแล้วล่ะก็ พี่ห้าดูชอบมันมากกว่าเดิมอีก
เสี่ยวเป่า : …แย่แล้ว
“เสี่ยวเป่า น้องหญิง…”
เขาจ้องเสี่ยวเป่าตาปริบ ๆ ไม่รอให้เขาเอื้อนเอ่ยคำใดต่อ เจ้าตัวเล็กก็เอามือปิดหูพลางเอ่ยคำเดิมซ้ำ ๆ
“ไม่ฟัง ไม่ฟัง ข้าไม่ฟัง…”
“เสี่ยวเป่า~~~”
เขาตั้งตนเป็นบุรุษผู้มีจิตใจซื่อตรง คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ไม่รู้เรื่องมารยาหญิง ไม่เคยคิดจะทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจ
แต่ตอนนี้…
“เสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่า… พี่ชายอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพวกมัน”
หนานกงฉีหลิงเดินกอดดาบในฝักตามก้นนางไม่ห่าง
ฝักดาบก็งดงามมากเช่นกัน เพียงถือไว้เฉย ๆ ก็ยังดูโดดเด่นและสง่างามขึ้นมาทันที หากถือออกไปข้างนอก คนคงอิจฉากันตรึม
หนานกงฉีหลิงกอดมันไว้ไม่ยอมปล่อย เขาชอบดาบทั้งสามเล่มนี้มาก อยากเก็บพวกมันไว้เพียงผู้เดียว!
ส่วนน้องชายก็จ้องตาเป็นมันไม่ต่างกัน ดาบสองเล่มที่เหลือถูกพี่สี่กับน้องหกคว้าไปชื่นชม แม้ไม่อาจครอบครองก็ตาม เวลานี้เพียงได้สัมผัสก็พอใจแล้ว
ด้านคนอายุน้อยที่สุดสองคนที่เหลือทำได้แค่มอง
“เสี่ยวเป่า เจ้าส่งดาบนี้ให้พี่รองช้าหน่อยไม่ได้หรือ ไม่แน่ว่ายามนี้เขาอาจไม่ได้อยู่ที่เมืองหน้าด่านก็ได้”
เด็กหญิงตัวน้อยนั่งเท้าคางอยู่บนตั่งตัวเล็กในขณะที่พี่ห้าเขย่าตัวนางไม่หยุด
นางพองแก้มเอ่ยเสียงจริงจัง “ไม่ได้เพคะ วันพรุ่งนี้ท่านพ่อจะส่งจดหมายให้พี่รองแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดพี่รองแล้วด้วย”
หนานกงฉีหลิงพลันเสียใจที่ตนเองไม่ได้เกิดช่วงนี้
“จะไม่เปลี่ยนใจจริงหรือ” ทำตาปริบ
วิธีออดอ้อนของบุรุษล่ำสัน
เสี่ยวเป่าเกาะแขนเขาพร้อมออกความคิด “มิสู้ท่านลองไปอ้อนขอท่านพ่อเองดีหรือไม่”
หนานกงฉีหลิงตีหน้านิ่งทันที “หากทำเช่นนั้น เสด็จพ่อคงได้ไล่ตะเพิดข้าเป็นแน่”
เสี่ยวเป่า “พี่ห้ารออีกหน่อยเถอะ กรมโยธากำลังเร่งทำดาบนี้กันอยู่ ส่งอันนี้ให้พี่รองก่อน เขาจะได้มีอาวุธทรงพลังปราบปรามพวกซยงหนู”
หนานกงฉีหลิงเจ็บปวดเกินจะควบคุมสติ กอดดาบแนบอกพลางพึมพำว่าไม่ยอมไม่ยอม เศร้าจนอยากร่ำไห้
แต่ไม่ว่าเขาจะโศกเศร้าเพียงใด ช่วงเวลาที่เขาไม่อยากให้เกิดที่สุดก็ต้องเดินทางมาถึง สุดท้ายดาบทั้งสามเล่มก็ถูกส่งไปให้หนานกงสือเยวียน
เสี่ยวเป่าที่เดินทางมาพร้อมกับดาบทั้งสามเล่ม รอคอยคำชมจากท่านพ่ออย่างใจจดใจจ่อ
หนานกงสือเยวียนตะลึงไม่น้อยที่เห็นดาบใบตรงทั้งสามเล่ม
แม้เขาจะเติบโตในค่ายทหาร ทว่าผู้ฝึกวรยุทธ์อย่างเขาจะต้านทานอาวุธทรงพลังนี้ได้อย่างไร
ยิ่งเป็นดาบใบตรงที่ทั้งดูดีทั้งทรงพลังเช่นนี้ด้วยแล้ว บุรุษรูปงามก็ต้องคู่กับอาวุธคู่กายที่ทรงพลังถึงจะเสริมความแข็งแกร่งให้กันได้
สตรียังอดชื่นชมพวกมันไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงหนานกงสือเยวียนและเหล่าแม่ทัพเลย
“ท่านพ่อ ดาบที่ท่านถืออยู่เป็นของท่านเพคะ ส่วนสองเล่มนี้เป็นของพี่ใหญ่กับพี่รอง”
เสี่ยวเป่ามองบิดาด้วยสายตาปลาบปลื้ม ท่านพ่อของนางเท่สุด ๆ เดิมทีตัวเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เหลือร้าย หล่อเหลาเกินต้านอยู่แล้ว ดาบถังเหิงนี้เกิดมาเพื่อเขา ยิ่งมันอยู่ในมือก็ยิ่งดูดีขึ้นเป็นกอง
“เท่มาก!”
สมกับเป็นท่านพ่อของนาง เสี่ยวเป่าภาคภูมิใจที่สุด
หนานกงสือเยวียนยกยิ้มมุมปากพลางใช้นิ้วเรียวเคาะหน้าผากเจ้าตัวเล็ก
“ชมข้าหรือดาบที่เจ้าให้ข้า”
เสี่ยวเป่าหลุดขำเล็กน้อย “เท่ทั้งสองเลยเพคะ”
[1] ตักน้ำใส่ถ้วยให้เท่ากัน หมายถึง ปฏิบัติอย่างเท่าเทียม