เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 387 หนานกงหลีถูกหมีแพนด้าไล่ล่าไปทั่วพระราชวัง
- Home
- เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช
- บทที่ 387 หนานกงหลีถูกหมีแพนด้าไล่ล่าไปทั่วพระราชวัง
บทที่ 387 หนานกงหลีถูกหมีแพนด้าไล่ล่าไปทั่วพระราชวัง
บทที่ 387 หนานกงหลีถูกหมีแพนด้าไล่ล่าไปทั่วพระราชวัง
ในขณะเดียวกัน เสี่ยวเป่าก็กำลังขุดดินอย่างเอาเป็นเอาตาย
จากนั้นก็นำสุราแช่โสมอายุห้าร้อยปีและสมุนไพรอื่น ๆ ฝังลงไป
นางมิได้ทำแค่ยาดองโสมเท่านั้น แต่ยังทำยาดองเขากวาง ยาดองงู ยาดองน้ำผึ้ง และยาดองเก๋ากี่อีกด้วย
ของพวกนี้ล้วนแต่เป็นยาบำรุงร่างกายชั้นดีที่นางเตรียมไว้ให้ท่านพ่อทั้งนั้น!
สุราที่นำมากลั่นคือเหล้าขาว ยิ่งมีฤทธิ์แรงเท่าไรก็ยิ่งให้ผลดี
สมุนไพรพวกนั้นล้วนถูกฟูมฟักด้วยพลังวิญญาณของนาง แม้แต่น้ำผึ้งก็เช่นเดียวกัน ล้วนแต่เป็นน้ำหวานที่ได้รับพลังวิญญาณจากนางทั้งสิ้น
แล้วก็ยังมีเขากวางที่นางได้มาจากเสี่ยวไป๋
จมูกของหนานกงหลีไวต่อกลิ่นเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคนขี้เหล้าเช่นเขา กลิ่นหอมของสุราอันเข้มข้นลอยแตะจมูกทันทีที่มาถึงสวนของเสี่ยวเป่า
ดวงตาของเขาพลันเป็นประกาย สองเท้าเดินตามกลิ่นหอมหวานไปจนกระทั่งพบเสี่ยวเป่าที่กำลังขุดหลุมอยู่ใต้ต้นไม้
เสือสองตัวและหมีแพนด้าตัวอ้วนกลมนอนอยู่ไม่ไกล กำลังเลียชามใส่นมแช่แข็งอย่างเอร็ดอร่อย
แต่สายตาของเขากลับจ้องไปที่ไหสุราที่วางอยู่ปลายเท้าเสี่ยวเป่า
“เสี่ยวเป่า~~~~”
เสี่ยวเป่าที่กำลังขุดหลุมด้วยจอบด้ามเล็กสะดุ้งตกใจกับเสียงเรียก จนเกือบทำจอบตกกระแทกเท้า
นางหันไปมองอย่างไม่พอใจ ก็เจอเข้ากับท่านอาเจ็ดผู้มีใบหน้าประจบประแจง
“เสี่ยวเป่าทำอะไรอยู่หรือ ท่านอาเจ็ดมาช่วยแล้ว”
เสี่ยวเป่ามิได้ปิดบังแต่อย่างใด “เสี่ยวเป่ากำลังฝังสุราอยู่ ท่านอาเจ็ดทำเสี่ยวเป่าตกใจหมดเลย อีกนิดจอบก็จะโดนเท้าแล้วนะ!”
นางมิวายยื่นขาสั้นป้อมออกไป พร้อมกับกระทืบเท้าต่อหน้าหนานกงหลี
หนานกงหลีทำหน้าขอโทษอย่างจริงใจ จากนั้นก็หยิบขนมมากมายที่ตั้งใจซื้อมาให้เสี่ยวเป่าออกมา
เสี่ยวเป่านั่งลงบนม้านั่งตัวเล็กพลางกินขนมเข่งไส้ถั่วเหลืองอย่างมีความสุข
หนานกงหลีนั่งขัดสมาธิบนพื้นโดยไม่ห่วงภาพลักษณ์เลยสักนิด เขากอดไหสุราด้วยสีหน้ามึนเมา
“เหตุใดสุรานี่ถึงหอมเช่นนี้”
พูดแล้วก็อยากจะยกซดให้เกลี้ยงเลย
เสี่ยวเป่า “!!!”
ในปากนางเต็มไปด้วยขนมจนพูดไม่ออก จึงรีบร้อนถอดรองเท้าคู่เล็กของตัวเองและโยนใส่เขา
หนานกงหลีที่โดนรองเท้าลอยใส่ “…”
เสี่ยวเป่ารีบกลืนขนมในปากจนสำลักตาเหลือกก่อนจะกลืนลงท้องไป
หนานกงหลีที่คิดว่าเสี่ยวเป่ากลอกตาใส่ “…”
“ทำไมหรือ สุรานี่ดื่มไม่ได้หรือ”
เสี่ยวเป่าพยักหน้า ก็ดื่มไม่ได้น่ะสิ!
“นี่เป็นยาดอง เสี่ยวเป่าเพิ่งใส่สมุนไพรลงไป ตอนนี้ยังดื่มไม่ได้”
เสี่ยวเป่าถลึงตาใส่ท่านอาเจ็ดอย่างดุร้าย
“แล้วก็นะท่านอาเจ็ด ท่านไม่คิดจะดูข้างในหน่อยหรือ เห็นอะไรก็ดื่มเข้าไปหมด”
หนานกงหลีมองเข้าไปในไหสุราอย่างเลื่อนลอย ก็เจอเข้ากับงูเขียวที่กำลังถลึงตาใส่
หนานกงหลี “…”
หนากงหลี “!!!”
“ตัวอะไรเนี่ย!!!!”
นั่นมันหนอนยักษ์!
เขาตกใจจนรีบโยนไหสุราในมือทิ้งไป
เสี่ยวเป่าเบิกตากว้าง “สุราของเสี่ยวเป่า!!!!”
ทันใดนั้นองครักษ์ในชุดดำคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นและรับไหสุราไว้ได้ทัน
เสี่ยวเป่าถอนหายใจอย่างโล่งอกพลางทุบหน้าอกน้อย ๆ “โชคดีไป โชคดีไป”
จากนั้นก็มองท่านอาเจ็ดด้วยสายตาดุร้ายอีกครา
หนานกงหลีปัดจมูกอย่างเก้อเขิน ก็เขาตกใจงูที่อยู่ข้างในไหนี่นา
เสี่ยวเป่าทำเสียงฮึ “ท่านอาเจ็ดต้องชดใช้ให้เสี่ยวเป่า”
หนานกงหลี “…ได้สิ ว่ามาสิจะให้ท่านอาเจ็ดทำอะไร”
หลังจากนั้น เสี่ยวเป่ากับเสือและแพนด้าก็นั่งเรียงแถวอยู่ใต้ร่มเงาต้นไม้ พลางชี้นิ้วสั่งให้ท่านอาเจ็ดขุดหลุมฝังไหสุราโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย
หนานกงหลีฝังไหสุดท้ายลงดินด้วยความอาลัยอาวรณ์ น้ำตาแห่งความผิดหวังแทบจะไหลริน
“ข้าขอเก็บไว้สักไหมิได้หรือ”
เมื่อครู่เขาเห็นว่านอกจากไหที่แช่งูที่ตัวเองหยิบไปในตอนแรก ไหอื่น ๆ ล้วนแต่แช่สมุนไพรชูกำลังทั่วไป
“ไม่ได้”
หนานกงหลี : เสียใจเหลือเกิน (T^T)
เสี่ยวเป่าวิ่งเข้าไปในห้อง และออกมาพร้อมกับไหเล็ก ๆ ในมือ
“อันที่แช่สมุนไพรกินไม่ได้ เสี่ยวเป่าให้อันนี้ก็แล้วกันนะ”
หนานกงหลีตาเป็นประกายในทันที เขาดึงเสี่ยวเป่าเข้ามากอดพร้อมกับหอมไปที่หน้าผากของนางอย่างแรง
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าหลานสาวตัวน้อยน่ารักกับข้าที่สุด”
เสี่ยวเป่าพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอด “ท่านอาเจ็ดปล่อยเสี่ยวเป่านะ!”
หนานกงหลีปล่อยมือพลางหัวเราะร่า จากนั้นก็กอดไหเหล้าขาวราวกับว่ามันเป็นสมบัติอย่างมีความสุข เขาต้องอวดให้ทุกคนได้เห็น ไม่ใช่แค่สุราเท่านั้น แต่รวมถึงหลานสาวตัวน้อยของเขาด้วย!
ทั่วทั้งเมืองหลวงแห่งนี้ จะมีผู้ใดเทียบหลานสาวของเขาได้อีก
เขาดีใจเสียจนเผลอเด็ดผิงกั่วที่ยังไม่สุกดีมากัดเข้าปาก
เพียงกินเข้าไปคำแรก ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงไอสังหารแผ่มาจากทางด้านหลัง
หนานกงหลีหันไปมองด้วยคอที่หนักอึ้ง ก็เห็นถวนจื่อยืนอยู่ข้างหลังของตน ไอสีดำแผ่ไปทั่วร่างพร้อมกับจ้องมาที่เขาด้วยดวงตาสีแดงก่ำ
ถวนจื่อลุกขึ้นยืน บัดนี้มันมีส่วนสูงพอ ๆ กับเขา และยังตัวใหญ่มากด้วย
หนึ่งลมหายใจต่อมา…
“ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าไม่รู้นี่นาว่าผิงกั่วต้นนั้นเป็นของเจ้า!!!”
หนานกงหลีสับขาวิ่งออกจากสวนของเสี่ยวเป่าอย่างว่องไวโดยมีหมีแพนด้าอาฆาตร้ายตามหลังไปติด ๆ
“ถวนจื่อ อย่ารังแกท่านอาเจ็ดสิเกินไปล่ะ”
เสี่ยวเป่ายืนตะโกนไล่หลังเจ้ามีแพนด้าอยู่ที่ประตู จากนั้นก็ได้ยินมันส่งเสียงตอบ
นางเป็นคนเลี้ยงถวนจื่อมา ย่อมรู้นิสัยใจคอของมันเป็นอย่างดี มันไม่มีทางทำอะไรที่เป็นการทำร้ายมนุษย์ สำหรับท่านอาเจ็ดแล้ว หากว่าไล่ตามทันอย่างมากมันก็แค่กดเขาลงกับพื้นเท่านั้น
ถวนจื่อชอบกินผิงกั่ว มันจึงทำเครื่องหมายไว้ที่ต้นผิงกั่วต้นนั้น และคอยแวะเวียนมาดูทุกวัน มันถึงขั้นพรวนดินและถอนวัชพืชให้ต้นผิงกั่วด้วยตัวเอง ทั้งยังจำได้อย่างขึ้นใจว่าต้องรดน้ำ
ก่อนที่ผิงกั่วจะสุกเต็มที่ มันจึงหักห้ามใจความกระหายของตัวเองและเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อทุกวัน
แต่แล้วหนานกงหลีก็มาเด็ดไป แล้วจะไม่ให้มันโกรธได้อย่างไร
ด้วยเหตุนี้เอง เพียงไม่นานเสี่ยวเป่าก็ได้ยินนางกำนัลพูดกันว่ามีคนเห็นเซียวเหยาอ๋องถูกเจ้าถวนจื่อวิ่งไล่ไปทั่วพระราชวัง
เอาเถอะ คราวนี้ท่านอาเจ็ดของนาง ‘โด่งดัง’ เสียแล้ว เพียงแต่คงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขาเท่าไรนัก
ในที่สุดหนานกงหลีก็กลับมาด้วยสีหน้าหดหู่ เสื้อผ้าหน้าผมเลอะเทอะนิดหน่อยโดยมีต้นหญ้าปักอยู่บนหัว
“เสี่ยวเป่า สั่งสอนถวนจื่อของเจ้าบ้างเถอะ ตัวอ้วนขนาดนั้นนั่งทับหลังข้ามาได้ เอวข้าแทบหักแล้วเนี่ย”
เสี่ยวเป่าพยักหน้าหงึก ๆ ขณะฟังท่านอาเจ็ดโอดครวญ “ทราบแล้ว ๆ วันนี้เสี่ยวเป่าจะให้น้ำแข็งมันน้อยลงเป็นการสั่งสอน”
หนานกงหลีปัดผมของตัวเอง จากนั้นก็ถือไหสุราเดินจากไป
หากว่ามองอีกมุม เขาก็เป็นคนที่ง้อได้ง่ายทีเดียว
คราวนี้เจ้าถวนจื่อจึงนอนกินหน่อไม้ใต้ต้นผิงกั่วเสียเลย
ใครก็อย่าคิดจะเด็ดผิงกั่วไปแม้แต่ลูกเดียว!