เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 405 ถนนย่านการค้า
บทที่ 405 ถนนย่านการค้า
บทที่ 405 ถนนย่านการค้า
ไม่นานหลังจากที่พวกหนานกงฉีซิวกลับมา เหล่าผู้มีความสามารถทั่วอาณาจักรก็ถูกส่งตัวมาถึงเมืองหลวงในที่สุด
สถานที่สำหรับทำการสอบถูกเตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว เนื่องจากอากาศหนาวดังนั้นภายในจึงมีกระถางไฟมากมาย
แต่ละวิชาชีพมีเนื้อหาการสอบไม่เหมือนกัน ทว่าต่างก็เกี่ยวกับความชำนาญในวิชาชีพของตนเองทั้งสิ้น
เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่มีการสอบเช่นนี้ อีกทั้งคนส่วนใหญ่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการเขียนเลย กระทั่งตัวหนังสือยังไม่รู้จัก ดังนั้นจึงทำได้แต่เพียงให้พวกเขาลงมือปฏิบัติจริง
หลังจากผ่านการตรวจสอบจากเหล่าขุนนาง หนานกงสือเยวียนก็ตรวจสอบดูเองอีกทีจนเหลือคนเพียงแค่สองร้อย
จากนั้นก็มอบตำแหน่งขุนนางขั้นเก้าอันเป็นตำแหน่งต่ำสุดให้กับพวกเขา
ทว่าเพียงแค่นี้ก็เพียงพอจะทำพวกเขาตื่นเต้น ไม่ว่าจะตำแหน่งเล็กเพียงใดก็ยังคงเป็นขุนนาง นับว่าได้ยกระดับตนเองสูงขึ้น เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่กล้าคิดฝันมาก่อน
พวกเขานำเกียรติให้วงศ์ตระกูลแล้ว!
ส่วนการจัดสรรคนเหล่านี้ หนานกงสือเยวียนไม่จำเป็นต้องลงมือเอง เขายังมีสิ่งสำคัญอีกอย่างต้องจัดการ
เมื่อได้อ่านหนังสือจากห้องสมุดของเสี่ยวเป่าแล้ว เขาจึงเข้าใจว่าการค้าขายนั้นสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาอาณาจักร ดังนั้นเขาจึงมอบหมายงานให้กับหนานกงหลีและหนานกงฉีซิว
นั่นคือการสร้างถนนย่านการค้าก่อนที่ราชทูตจากอาณาจักรต่าง ๆ จะมาถึง
หากจะสร้างขึ้นมาใหม่ตั้งแต่แรกย่อมไม่ทันกาลอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกถนนทางทิศตะวันตกช่วงหนึ่งมาเป็นถนนย่านการค้า
เนื่องจากร้านค้าส่วนใหญ่บริเวณนั้นเป็นของตระกูลขุนนางที่ถูกริบทรัพย์ ตอนนี้ร้านค้าเหล่านั้นจึงตกเป็นของราชสำนัก
ส่วนที่เหลือนั้น พวกเขาเพียงแค่ใช้เงินซื้อมา
หลังจากปรับปรุงอย่างเรียบง่ายแล้ว ร้านค้าขนาดใหญ่ก็ถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน สองส่วนใช้เพื่อเป็นเหลาอาหาร สำหรับขายเหล้าผลไม้ที่เสี่ยวเป่าหมักขึ้นมา
สามส่วนแบ่งเป็นร้านขายเครื่องลายคราม มีเครื่องลายครามต่าง ๆ ที่เสี่ยวเป่าทำขึ้นมา รวมทั้งตุ๊กตาดินเผาด้วย
ไม่ว่าจะมีสีหรือรูปร่างอย่างไร สิ่งสำคัญคือต้องดูสวยงาม
สิ่งที่พวกเขาต้องการคือเงินจากเหล่าตระกูลขุนนางและพ่อค้า
ส่วนร้านค้าที่เหลือก็เป็นการเชื้อเชิญให้เข้ามาลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหล่ากิจการเก่าแก่อันมีชื่อเสียงดีงาม
กรมคลังมีเพียงหน้าที่ต้องเก็บค่าเช่าเท่านั้น
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เสี่ยวเป่า ท่านพ่อ ท่านอาเจ็ด และพี่ใหญ่ร่วมคุยปรึกษาหารือกันเป็นเวลาหลายวัน
และเพราะเหตุนี้หนานกงสือเยวียนจึงอ่านหนังสือเกี่ยวกับการค้าขายไปไม่น้อย ทำให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ มากมาย
ภายในพระราชวังเอง เหล่าองค์ชายทั้งหลายก็ต่างได้ยินเรื่องของถนนย่านการค้าเช่นกัน หนานกงฉีจวินกระตือรือร้นเป็นอย่างมากที่จะลองเปิดร้านค้าสักร้าน
เขามีความสนใจในการทำเงินอย่างมาก
“เสี่ยวเป่า พวกเราไปหาเสด็จอาเจ็ดกันเถิด ให้เสด็จอาเจ็ดทิ้งร้านไว้ให้เราสักร้าน จากนั้นพวกเขาก็จะสามารถหาเงินเองได้!”
เสี่ยวเป่าถาม “ท่านพี่ต้องการจะขายสิ่งใด”
หนานกงฉีจวินตบอกตนเองด้วยความมั่นใจ “ข้าสืบข่าวมาก่อนแล้ว ชานมที่เจ้าทำไม่ได้มีขายด้านนอก พวกเราสามารถขายมันได้ เพียงแค่เปิดโรงน้ำชาที่ยามฤดูร้อนมีเครื่องดื่มเย็น ๆ ขาย
แล้วก็หานักเล่านิทานมา เช่นนี้โรงน้ำชาย่อมครึกครื้นตลอดวัน ส่วนชานมของเจ้าจะต้องได้รับการชื่นชอบอย่างมากแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหล่าเด็กหญิง แต่ส่วนมากสตรีมักไม่ค่อยออกจากเรือน พวกเราจะต้องทำให้สามารถนำชานมออกไปดื่มที่อื่นได้…”
เขาเอ่ยออกมาอย่างคล่องแคล่วมีเหตุผล ผ่านการคิดทบทวนมาแล้ว ไม่เพียงแค่เสี่ยวเป่า แต่หนานกงฉีรุ่ยและหนานกงฉีเฉินต่างตกตะลึงไปเรียบร้อย
นี่ยังเป็นน้องแปดที่ค่อนข้างโง่งมและไม่ชอบอ่านหนังสือของพวกเขาอยู่หรือไม่
หนานกงฉีเฉินถึงกับมองหน้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่า “เจ้าเป็นน้องแปดของพวกข้าจริงหรือ”
หนานกงฉีจวินกลอกตา “ข้าไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่ข้าไม่ได้โง่ เพียงแค่เปิดโรงน้ำชาจะยากเพียงใดกันเชียว ผู้ใดคิดไม่ถึงเรื่องนี้บ้าง”
หนานกงฉีเฉินและหนานกงฉีรุ่ยที่ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน “…”
“เป็นอย่างไรบ้าง วิธีการของข้าใช้ได้หรือไม่”
หนานกงฉีรุ่ยพยักหน้า “ย่อมได้ หากเจ้าต้องการทำก็ลองเสีย อย่างไรก็เป็นร้านค้าของพวกเรา หากไม่สามารถทำเงินได้ก็ไม่เป็นอันใด”
“เช่นนั้นพวกเราก็ไปหาเสด็จอาเจ็ดกันเถิด”
พูดแล้วก็พากันไป เมื่อหนานกงหลีรู้ว่าพวกเขาต้องการลองเปิดร้านค้า จึงมอบร้านที่ในทำเลดีทั้งยังมีหลายชั้นให้กับพวกเขา
“ไป ไป อย่าได้กวนข้าอีก ตอนนี้ข้ากำลังยุ่งเป็นอย่างยิ่ง”
เขายุ่งจนหัวหมุน รู้สึกว่าช่วงนี้เส้นผมร่วงมากขึ้น!
หนานกงฉีจวินที่ได้รับร้านมาแล้วพาพี่ชายน้องหญิงของตนเองนั่งรถม้าออกจากวังไปดูโรงน้ำชาของพวกเขาอย่างมีความสุข
เขากำลังจะสำแดงความสามารถของตนเองออกมาแล้ว!
ชานมนั้นทำง่ายเป็นอย่างยิ่ง ไม่ต้องอาศัยฝีมือเฉพาะแต่อย่างใด พวกเขาเพียงแค่ไปหาพ่อครัวอู๋เพื่อขอสูตรขนมและลูกศิษย์ของเขาสักสองคน
หลังจากนั้นก็ไปสอบถามเหล่าลูกพี่ลูกน้องของตนเกี่ยวกับนักเล่านิทาน เรื่องนี้ไม่มีผู้ใดรู้ดีไปกว่าพวกเขาแล้ว
ในฐานะองค์ชาย เพียงใช้แค่คำพูดก็มีคนรวบรวมเงินและสิ่งจำเป็นมาพร้อม หลังจากสนทนากันเล็กน้อย โรงน้ำชาของพวกเขาก็ได้รับการจัดการอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่สำคัญสุดคือพวกเขายังมีเหล้าองุ่นมาขายด้วย หลังจากถนนย่านการค้าเปิดย่อมดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ปีนี้มีราชทูตมายังต้าเซี่ยมากกว่าปีก่อนมากนัก
ประการแรกคือ เพื่อสำรวจตรวจสอบสถานการณ์ภายในของต้าเซี่ย อีกประการก็เพื่อสุรา
ชื่อของเหล้าองุ่นเป็นที่รู้จักไปทั่ว หลังจากกลับไปมีคนจำนวนไม่น้อยทดลองพยายามทำเหล้าผลไม้ ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมาไม่น่าพอใจนัก
หลังจากได้ลิ้มลองเหล้าผลไม้ สุราอื่นที่ดื่มไปก็ไม่อร่อยอีกต่อไป
พวกเขาต้องการจะซื้อเพิ่ม ทว่าปีที่แล้วเสี่ยวเป่าหมักสุราออกมาไม่มาก กระทั่งคนของตัวเองยังแบ่งไม่ค่อยจะพอ เช่นนั้นจะขายให้ผู้อื่นได้อย่างไร
ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าปีนี้จะมีเหล้าองุ่นอีก ทั้งยังมีมากกว่าเดิม ไม่เพียงแต่ราชทูตจากอาณาจักรทั้งหลายที่ตรงมาทันที แม้แต่เหล่าพ่อค้าก็ต่างเดินทางไกลมานับพันลี้
ทันทีที่พวกเขาเข้าสู่ถนนสายหลักของต้าเซี่ยก็สามารถสัมผัสได้ถึงความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ท่ามกลางพื้นหิมะ ถนนดินปูนทอดยาวปรากฏเบื้องหน้า
รถม้าแล่นผ่านอย่างราบรื่น ถนนเรียบไร้ช่องว่างต่างจากถนนหินเช่นนี้ ทำให้พวกเขาตื่นตะลึงด้วยความไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน
“นี่… นี่คือสิ่งใด”
“ดูเหมือนจะเป็นถนน”
“เหตุใดจึงราบเรียบเช่นนี้ กระทั่งช่องว่างยังไม่มี”
“ถนนของต้าเซี่ยเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน”
“รถม้าแล่นบนถนนไม่รับรู้ถึงแรงสะเทือนหนัก ๆ เลย”
ยังไม่ทันจะเข้าไปในเมืองหลวงของต้าเซี่ย แค่ถนนภายนอกก็ทำให้พวกเขาตื่นตะลึงแล้ว
เหล่าชาวนาที่ผ่านทางไปมาอดเชิดหน้าภาคภูมิใจไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางแปลกประหลาดตื่นตกใจของเหล่าคนที่แต่งตัวหรูหรางดงาม
นี่คือถนนอันโดดเด่นของต้าเซี่ย
“พวกท่านมาจากด้านนอกหรือ นี่ไม่อาจนับเป็นสิ่งใด ได้ยินมาว่าถนนทุกสายในเมืองหลวงนั้นปูด้วยดินปูน ราบเรียบเป็นอย่างยิ่ง”
ชาวนาชราที่กำลังภาคภูมิใจมีความกล้ามากพอจะเอ่ยปากกับพ่อค้าที่แต่งตัวดูดีเหล่านั้น อย่างไรเสียปีนี้ก็มีพ่อค้าเข้ามามากจนไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกพิเศษแต่อย่างใด
“ถนนดินปูน?”
ชาวนาชราพยักหน้า “ใช่แล้ว นี่เรียกว่าถนนดินปูน ไม่ว่าคนหรือรถม้าก็สามารถเดินทางได้อย่างราบรื่น พวกท่านเพียงแต่มุ่งหน้าต่อไปตามถนนสายนี้ก็จะไปถึงยังเมืองหลวง ไม่มีหลงทางแน่นอน ทั้งตลอดเส้นทางยังไม่ต้องกังวลกับพวกโจรแต่อย่างใดด้วย”