เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 447 มีแต่เจ้านกอินทรีทองที่ถูกทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว
- Home
- เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช
- บทที่ 447 มีแต่เจ้านกอินทรีทองที่ถูกทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว
บทที่ 447 มีแต่เจ้านกอินทรีทองที่ถูกทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว
เสี่ยวเป่าชอบขนสีทองของเจ้านกอินทรีทองมากเหมือนกัน หลังจากอาการบาดเจ็บของมันดีขึ้นแล้ว ทุก ๆ ช่วงหลายวันก็จะอาบน้ำให้มันจนสะอาดเกลี้ยงเกลา
ตอนเพิ่งซื้อกลับมาเจ้านกอินทรีทองมีอาการขาดสารอาหาร บริเวณที่ได้รับบาดเจ็บก็มีขนร่วงเป็นหย่อม ๆ แต่เสี่ยวเป่าใช้ยาชั้นดี และทุกวันยังใช้พลังวิญญาณช่วยรักษาร่างกายให้มัน แล้วยังได้กินอาหารดี ๆ ร่างกายของมันจึงขยายขนาดเหมือนเป่าลูกหนังอย่างไรอย่างนั้น
ขนปีกดูเงางามมากขึ้น บริเวณที่ขนร่วงโกร๋นก็มีขนบาง ๆ งอกขึ้นใหม่ แต่ถูกขนเก่าปกคลุมเอาไว้จนมองไม่เห็นจุดที่ขนร่วง
ตอนเจ้านกอินทรีทองยืนเต็มตัว ระดับศีรษะของมันแทบจะเท่ากับเสี่ยวเป่าที่อายุห้าขวบอยู่แล้ว ยามสยายปีกทั้งสองออกมาจึงมีขนาดใหญ่กว่าเสียหลายเท่า
แต่มันกลับชอบทำออเซาะ ตอนนั่งอยู่ข้างกายเสี่ยวเป่ารอรับการป้อนอาหารก็จะเอนร่างเข้ามาแนบชิด ติดคนแจยิ่งกว่าไห่ตงชิงที่เพิ่งจะหัดเดินและยังไม่โตเต็มวัยสองตัวนั้นเสียอีก
เสี่ยวเป่าใช้ตะเกียบคีบอาหารป้อนมัน เจ้านกกินเนื้อกระต่ายสองตัวในชามใบใหญ่จนหมดค่อยยอมหยุดกิน ทั้งยังเอาร่างท่อนบนมานอนพาดบนตัวเสี่ยวเป่า
เสี่ยวเป่าลูบขนบนศีรษะของมันแผ่วเบา
“โตป่านนี้แล้วทำไมถึงยังติดคนได้ขนาดนี้”
นกอินทรีทองทารกตัวโตร้องทีหนึ่ง หลับตาพริ้มแล้วเอาตัวเบียดเข้ามาในอ้อมกอดนาง
สาเหตุที่เจ้านกอินทรีทองติดคนได้ขนาดนี้เป็นเพราะก่อนที่มันจะถูกล่ามาได้นั้นเคยถูกพ่อแม่บังเกิดเกล้าทอดทิ้งมาก่อน
ในบรรดาพี่น้องสามตัว ตัวมันมีขนาดใหญ่ที่สุด กินก็เยอะที่สุด
พ่อแม่คาดหวังกับมันไว้มาก ทุกวันจะไปล่าเหยื่อเหนื่อยสายตัวแทบขาดเพื่อหาอาหารมาป้อนมัน สุดท้าย…มันก็กลายเป็นพวกเกาะพ่อแม่กิน
พี่น้องอีกสองตัวในรังเดียวกันเรียนรู้วิธีล่าเหยื่อได้ตั้งแต่ยังเล็ก แต่มันหน้าหนาที่สุด ทุกวันจะอ้าปากรอให้พ่อแม่เอาอาหารมาป้อน
ตัวมันเองยิ่งกินก็ยิ่งอ้วน แต่พ่อแม่นกอินทรีทองกลับไม่พอใจมันมากขึ้นทุกที
ในที่สุดก็จับมือกันขับไสมันออกจากรัง
แต่ทุกครั้งที่ถูกไล่ออกไปเจ้าทารกตัวใหญ่ตัวนี้ก็จะวกกลับมาเกาะพ่อแม่กินทุกคราไป ทั้งไม่กลัวถูกทุบตี เพราะหนังหน้าหนามาก
สุดท้ายพ่อแม่นกอินทรีทองก็อดทนต่อไปไม่ไหว ตัดสินใจทิ้งเจ้าลูกชายที่เกาะพ่อแม่กินตัวนี้เอาไว้ในรัง
ตีก็ตีไปแล้ว ด่าก็ด่าไปแล้ว เจ้าลูกทรพีตัวนี้ยังไม่ยอมไปไหน พวกมันก็ไม่อาจปลิดชีวิตลูกชายได้ เลี้ยงดูมานานเพียงนี้ย่อมรู้สึกผูกพันเป็นธรรมดา
ดังนั้น… พ่อแม่นกอินทรีทองจึงย้ายบ้านหนีในคืนนั้นเอง
ทิ้งให้เจ้านกอินทรีทองที่โง่งมตัวนี้เฝ้ารังอยู่สามวัน สุดท้ายหิวโหยจนทนไม่ไหวจึงยอมไปล่าเหยื่อเอง
ในฐานะที่เป็นนกอินทรีทองที่ยังไม่โตเต็มวัยแต่รูปร่างใหญ่กว่านกอินทรีทองตัวอื่น ปีกของมันใหญ่มาก บินได้รวดเร็วยิ่ง ทั้งยังทรงพลัง เพียงแต่ขาดประสบการณ์เท่านั้น
หลังล้มเหลวหลายครั้งในที่สุดก็จับกระต่ายมาได้ตัวหนึ่ง ทว่ามันกินไม่อิ่ม จากนั้นก็ไปหมายตาแกะของชนเผ่าในทุ่งหญ้า
มันขยุ้มแกะบินมาได้สำเร็จแล้ว แต่กลับถูกคนเลี้ยงแกะในเผ่ายิงธนูทะลุปีกเสียได้
เจ้านกอินทรีทองที่ยังไม่แตกเนื้อหนุ่มและไม่เคยมีประสบการณ์ชีวิตมาก่อน จึงได้ประสบกับความชั่วร้ายของมนุษย์เป็นครั้งแรก
จากนั้นก็จับพลัดจับผลูมาอยู่ในมือของพ่อค้าชาวหูผู้นั้น
ตอนอยู่กับคนเลี้ยงแกะ มันกินไม่อิ่ม เพราะขนาดชนเผ่าทุ่งหญ้าเหล่านั้นยังตัดใจกินเนื้อคำโตไม่ได้ แล้วจะตัดใจเอาเนื้อมาป้อนนกอินทรีทองตัวหนึ่งได้อย่างไรกัน
ด้วยเหตุนี้เจ้านกอินทรีทองจึงผอมโซ บาดแผลที่ไม่ได้รับการรักษาก็เริ่มเน่าเฟะ
ตอนมาอยู่ในมือพ่อค้าชาวหูก็เหลือเพียงลมหายใจรวยริน บนร่างยังมีแผลเพิ่มขึ้นมา ล้วนเป็นฝีมือพิเรนทร์ของบุตรชายพ่อค้าชาวหูทั้งสิ้น
สุดท้ายตอนที่ชีวิตของมันใกล้จะหลุดลอยก็ได้เสี่ยวเป่าช่วยเอาไว้ ทั้งยังรักษาบาดแผลให้มันอย่างเอาใจใส่ แล้วหาอาหารมาให้มันกินจนอิ่มหมีพีมันอีกต่างหาก ในสายตาของเจ้านกอินทรีทอง เสี่ยวเป่าเปรียบเสมือนพ่อแม่คนที่สองของมันเลยทีเดียว
นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมมันจึงชอบเกาะติดเสี่ยวเป่านัก
หลังจากหายดีสามารถบินได้แล้ว เจ้านกอินทรีทองก็บินวนอยู่เหนือเรือนเพื่อเฝ้าอาณาเขตของมัน แต่มีเรื่องไม่น่าพิสมัยอย่างหนึ่ง นั่นก็คือในอาณาเขตของมันไม่ได้มีแค่นกนักล่าแบบมันแค่ตัวเดียว
ยังมีนกเค้าอินทรีจอมดุอีกหนึ่งตัว เสือที่ดุยิ่งกว่าอีกสองตัว รวมถึงไห่ตงชิงที่อยู่ในวัยกำลังโตอีกสองตัว
เจ้านกอินทรีทองอัดอั้นใจยิ่ง มันไม่ใช่ที่รักหนึ่งเดียวของเสี่ยวเป่า!
แต่มันกลับไม่โทษที่เสี่ยวเป่าหลายใจ แต่ใช้เวลาแต่ละวันไปกับการขบคิดว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถขับไล่มารหัวใจใหญ่น้อยที่มาแย่งความโปรดปรานกับมันพวกนี้ให้จากไปได้
แล้วมันก็เริ่มรนหาที่ตายอย่างต่อเนื่อง
มีเพียงเสี่ยวเป่าเท่านั้นที่รู้
เจ้านกอินทรีทองคิดจะใช้รูปร่างที่ได้เปรียบกว่าของมันไปขับไล่นกเค้าอินทรี สุดท้ายกลับถูกนกเค้าอินทรีที่ประสบการณ์ในการล่าเหยื่อโชกโชนกว่าทึ้งขนจนเกือบโล้น
วันนั้นมีคนจำนวนไม่น้อยเห็นว่ามีขนสีทองร่วงลงมาจากบนฟ้า ขนที่สวยงามบางส่วนยังถูกบ่าวรับใช้เก็บมาทำเครื่องประดับให้เสี่ยวเป่า
ชุนสี่นึกเสียดาย “น่าเสียดายที่ขนน้อยเกินไป”
นกอินทรีทอง “…”
มีแต่เจ้านกอินทรีทองที่ถูกทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว
นกเค้าอินทรีลงมืออย่างโหดร้ายจนนกอินทรีทองที่ถูกถอนขนหลบหนีไปซ่อนตัวหัวซุกหัวซุน กระทั่งเสี่ยวเป่าตามหาจนเจอในภายหลัง
เจ้านกตัวใหญ่ใจทารกตัวนี้โถมเข้าหาอ้อมอกของนางพลางร้องเสียงดังอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ ทั้งยังแสดงหลังส่วนที่ขนแหว่งเป็นรอยให้เสี่ยวเป่าดูอีกต่างหาก
เจ้าเค้าอินทรีตัวนั้นดุร้ายเกินไปแล้ว!
เสี่ยวเป่าเห็นแล้วก็ทั้งสงสารทั้งรู้สึกขัน ปลอบโยนไปพลางใส่ยาให้มันไปพลาง
“เจ้าไปหาเรื่องมันทำไมล่ะ ตัวโตขนาดนี้ยังสู้ไม่ชนะก็แล้วไปเถอะ ทำไมถึงได้โง่งมเช่นนี้”
ไม่ผิด เมื่อเทียบกับเจ้านกเค้าอินทรีที่ดวงตาใหญ่โตแฝงแววคมปลาบตัวนั้น ดวงตาที่สมควรจะเรียวยาวแหลมคมของเจ้านกอินทรีทองกลับสะท้อนความโง่งมออกมาอย่างชัดเจน
นางถึงขั้นสงสัยว่าวิญญาณของเจ้านกสองตัวนี้สลับร่างกันหรือไม่นะ
“เอาละ เอาละ ตอนนี้ใส่ยาให้เจ้าแล้ว แผลเก่ายังไม่หายสนิทก็ได้แผลใหม่มาเสียแล้ว เจ้าดูสิขนที่งอกมาใหม่ของเจ้าดูดีกว่าขนเก่าเยอะเลย แลดูหรูหราสูงส่ง ต่อไปขนที่งอกขึ้นมาใหม่จะต้องดูดีเหมือนกันแน่นอน”
นกอินทรีทองได้รับการปลอบใจ ทั้งยังได้กินอาหารมื้อใหญ่
แต่เพราะบทเรียนครั้งนี้ เจ้านกอินทรีทองเห็นนกเค้าอินทรีคราใดก็จะบินอ้อมไปอีกทาง กลัวว่าถ้าเผชิญหน้ากันขึ้นมาแล้วจะถูกอีกฝ่ายตะปบเอาอีก
เจ็บจริง ๆ นี่นา มันทั้งรักทั้งหวงขนของตัวเอง ขนบนหลังแหว่งไปรอยใหญ่ ตอนบินรู้สึกเย็นวาบไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย