เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 454 ดูเหมือนข้าจะเห็นเทพธิดาเข้าเสียแล้ว
- Home
- เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช
- บทที่ 454 ดูเหมือนข้าจะเห็นเทพธิดาเข้าเสียแล้ว
บทที่ 454 ดูเหมือนข้าจะเห็นเทพธิดาเข้าเสียแล้ว
การแลกเปลี่ยนคราวนี้เสี่ยวเป่าได้รับข่าวสารที่ตัวเองต้องการ พ่อค้าหลิวก็ได้เหล้าที่ตนเองอยากได้มานาน กล่าวได้ว่าเป็นที่น่าพึงพอใจสำหรับทั้งสองฝ่าย
รอจนพ่อค้าหลิวจากไปแล้ว เสี่ยวเป่าก็ตระเตรียมออกไปเดินตลาดนัด
วันนี้ตลาดนัดของเมืองหน้าด่านคึกคักเป็นพิเศษ พ่อค้าจากข้างนอกหลั่งไหลมาที่นี่จำนวนมากด้วยความตั้งใจมาดูนกจากหน่วยเสินอิงโดยเฉพาะ
ได้ยินมาว่าจักรพรรดิของต้าเซี่ยไปมาในทุ่งหญ้าได้อย่างเสรีเพราะมีวิหคเทวะเหล่านี้ ดูราวกับปลาได้น้ำยิ่งกว่าชนเผ่าในทุ่งหญ้าพวกนั้นเสียอีก
เนื่องจากนกของหน่วยเสินอิงพวกนี้ดุร้ายอย่างยิ่ง เหยี่ยวทมิฬของพวกซยงหนูยังไม่อาจเทียบเทียมได้ นอกจากพวกมันจะช่วยล่าเหยี่ยวทมิฬได้แล้ว ยังสามารถหลบการโจมตีของเกาทัณฑ์ ทั้งยังบินได้เร็วจี๋อีกต่างหาก
ว่ากันว่านกในหน่วยเสินอิงพวกนี้ยังช่วยโจมตีพวกซยงหนูได้อีกด้วย ตัวที่มีพละกำลังมากหน่อยสามารถขยุ้มคนทั้งคนบินขึ้นฟ้าได้เลยทีเดียว
ได้ยินว่า…
สรุปได้ว่า เสียงลือเสียงเล่าอ้างเกี่ยวกับหน่วยเสินอิงมีมากขึ้นทุกที เมื่อรู้ข่าวว่าทุกเดือนวิหคเทวะเหล่านี้จะมีช่วงเวลาสำหรับออกมาจับจ่ายซื้อของ ทุกคนยิ่งรู้สึกสงสัยอัศจรรย์ใจกว่าเดิม เป็นเหตุให้พ่อค้าที่มาเยือนเมืองหน้าด่านมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะหน่วยเสินอิงพวกนี้ไปเสียทั้งหมด ส่วนหนึ่งยังเป็นเพราะเครื่องแก้วของเมืองหน้าด่านแห่งนี้อีกด้วย
หลังจากเสี่ยวเป่าประดิษฐ์กล้องส่องทางไกลได้สำเร็จ ทักษะการหลอมแก้วของที่นี่ก็ได้รับการพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด
หน่วยงานที่ควบคุมดูแลเป็นหน่วยงานของราชสำนัก ข้อดีก็คือนายช่างที่หลอมแก้วเหล่านั้นจะไม่ถูกพวกพ่อค้าหัวใสหรือพ่อค้าที่มีอำนาจอิทธิพลรังแกเอาได้
ต่อให้พวกเขาริษยาก็ทำได้เพียงซื้อหามาอย่างยุติธรรม ใครก็ไม่กล้าใช้การบีบบังคับให้อีกฝ่ายส่งมอบทักษะทำเครื่องแก้วออกมา ถึงอย่างไรนั่นก็คือกิจการของราชสำนักเชียวนะ
เสี่ยวเป่าเดินไปบนถนนก็ยังคงทำเหมือนที่ผ่านมา นั่นก็คือเห็นสิ่งของที่ชมชอบหรือของอร่อยก็จะแวะซื้อไปตลอดทาง
พ่อค้าประจำหลายคนคุ้นหน้าคุ้นตานางเป็นอย่างดี
“คุณหนูกงออกมาเล่นอีกแล้วหรือ มาชิมเกาลัดคั่วน้ำตาลของร้านข้าสิ สดใหม่จากเตาเลยนะ”
เสี่ยวเป่าตอบรับว่าดี จากนั้นก็เดินไปหยุดตรงหน้าร้านของพวกเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ดูพ่อค้าแม่ค้าสามีภรรยาวัยกลางคนคู่นั้นตักเกาลัดคั่วน้ำตาลใส่ห่อกระดาษด้วยแววตาตั้งอกตั้งใจ
ทุกวันนี้เนื่องจากของหวานและน้ำตาลกลายเป็นของที่หาพบได้ทั่วไป ที่ชายแดนจึงไม่ขาดแคลนน้ำตาลอีกแล้ว พวกเขาจึงใช้น้ำตาลอย่างมือเติบกว่าเดิม การค้าขายก็ดีวันดีคืน
“ขอบคุณลุงหวังกับป้าหวังเจ้าค่ะ”
เสี่ยวเป่าปากหวาน รับสิ่งของมาแล้วขณะจ่ายเงินก็ยังไม่ลืมกล่าวคำขอบคุณ
“ขอบคุณอะไรกัน รีบกินตอนที่ยังร้อนนะ”
สองสามีภรรยาชมชอบเสี่ยวเป่าอย่างเห็นได้ชัด
จากนั้นเสี่ยวเป่าก็กินเกาลัดคั่วน้ำตาลที่ร้อนกรุ่นไปพลางสาวเท้าเดินตรงไปหาท่านปู่ที่ขายมันเผาอยู่อีกฝั่งอย่างเริงร่า
ฝีมือการย่างมันเทศของเขายอดเยี่ยมที่สุดแล้ว คนก็ดียิ่ง เสี่ยวเป่าโปรดปรานมันเผาร้านเขายิ่งนัก
หลังจากเดินซื้อของไปตลอดทาง ตะกร้าในมือเหล่าบ่าวรับใช้ด้านหลังเสี่ยวเป่าก็เต็มไปด้วยของกิน
แน่นอนว่าเด็กน้อยเพิ่งอายุเพียงแปดขวบ ย่อมกินขนมทั้งหมดนั้นไม่ไหวอยู่แล้ว นางเพียงแต่ชิมทุกอย่างอย่างละนิดละหน่อย พอกลับไปแล้วก็จะแจกจ่ายให้แก่บ่าวรับใช้
ยามนี้การค้าขายของเมืองหน้าด่านคึกคักมากขึ้นทุกวัน เสี่ยวเป่าเดินไปก็เจอคนไม่คุ้นหน้าคุ้นตาจำนวนมาก
วันนี้ถือได้ว่ามากกว่าที่ผ่านมาเสียอีก
ข่าวสารของพวกพ่อค้าว่องไวที่สุดแล้ว พวกเขาทราบข่าวว่าพวกซยงหนูถูกกองทัพของต้าเซี่ยโจมตีจนขอเจรจาสงบศึกแล้ว วันนี้จึงกล้าเดินทางมาที่นี่ ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้มีคนมากมายเช่นนี้
ที่ชายแดนมีคนมารวมตัวกันมากขึ้นทุกที ชาวบ้านทั้งหลายเล็งเห็นโอกาสในการทำมาหากิน มีคนจำนวนไม่น้อยครุ่นคิดหาวิธีทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ออกมาขาย ช่วยให้มีรายได้ไม่เลวเลยทีเดียว
“เจ้าของร้าน ข้าขอถามอะไรหน่อยสิ หน่วยเสินอิงของที่นี่ปกติออกมาซื้อของกันตอนไหนหรือ”
เสี่ยวเป่ากำลังซื้อถังหูลู่อยู่ก็พลันได้ยินเสียงคนถามคำถามนี้ขึ้นมา
นางกัดถังหูลู่ขณะหันหน้าไปมอง พบว่าอีกฝ่ายเป็นคุณชายหนุ่มน้อยที่สวมชุดแพรกลุ่มหนึ่ง
ดูจากผิวพรรณขาวผ่องและใบหน้าเรียวตอบก็แน่ใจได้ว่าไม่ใช่คนหน้าด่าน
ในกลุ่มนั้นดูเหมือนจะมีคนสัมผัสได้ว่ามีสายตาจ้องมองพวกตนอยู่ ตอนหันหน้ามองมาทางนี้ก็สบเข้ากับสายตาฉายแววสงสัยใคร่รู้ของเสี่ยวเป่าพอดิบพอดี
จากนั้นเด็กหนุ่มผู้นั้นก็ต้องตะลึงในรูปโฉมของเสี่ยวเป่า
ไม่ใช่ว่าเขาบังเกิดความคิดสกปรกอันใดกับเด็กอายุน้อยแค่นี้ แต่เป็นความตะลึงที่ได้เห็นสิ่งสวยงามอย่างบริสุทธิ์ใจ
เสี่ยวเป่ายิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร พลางกัดถังหูลู่แล้วหมุนกายจากไป
“พวกท่านมาดูวิหคเทวะสินะ เช่นนั้นก็ถามถูกคนแล้วล่ะ ข้าจะบอกอะไรให้…”
เจ้าของร้านแนะนำหน่วยเสินอิงของเมืองหน้าด่านให้พวกเขาฟังด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หน่วยเสินอิงกลายเป็นกลุ่มนกที่มีชื่อเสียงโด่งดังประจำเมืองหน้าด่านของพวกเขาไปเสียแล้ว!
สหายที่มาด้วยกันสังเกตเห็นความผิดปกติของเด็กหนุ่ม มองตามสายตาของเขาไปก็ไม่พบอะไรจึงรู้สึกสงสัย
“เจ้ามองอะไรอยู่หรือ”
เด็กหนุ่มผู้นั้นมีท่าทางใจลอย “ดูเหมือนข้าจะเห็นเทพธิดาเข้าเสียแล้ว รูปโฉมไม่คล้ายชาวบ้านธรรมดา สวมอาภรณ์สีแดง งดงามยิ่งนัก”
ได้ยินคำบรรยายของเขา เจ้าของร้านผู้นั้นก็เอ่ยปากขึ้นมาทันที “โอ๊ะ ผู้ที่คุณชายท่านนั้นเห็นคงเป็นคุณหนูกงกระมัง”
เด็กหนุ่มผู้นั้นค่อยได้สติคืนมา “ไม่ใช่เทพธิดาหรอกหรือ”
เขามีท่าทางกระดากอายอยู่บ้าง
เจ้าของร้านหัวเราะเสียงดัง “คุณหนูกงเป็นแม่นางน้อยที่มีหน้าตางดงามที่สุดในเมืองหน้าด่านของพวกเราแล้ว ที่นี่ยากนักจะมีคนที่มีรูปโฉมงดงามประหนึ่งเทพธิดาปรากฏตัวขึ้นมาสักคน ทุกคนย่อมรู้จักนางอยู่แล้ว”
นอกจากเด็กหนุ่มที่เห็นรูปโฉมของเสี่ยวเป่า คนอื่น ๆ ล้วนมีท่าทางไม่ยี่หระ พวกเขาเกิดและเติบโตมาในสังคมชนชั้นสูง มีคนงามแบบไหนบ้างที่ไม่เคยเห็น พวกเขาคิดว่าคงเป็นเพราะคนในเมืองหน้าด่านเหล่านี้พบเห็นโลกมาน้อยมากกว่าจึงกล่าววาจาเกินจริงเช่นนั้น
“อ้อ จริงด้วย จะว่าไปแล้วหน่วยเสินอิงที่พวกท่านสนใจความจริงแล้วก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหนูกงเหมือนกันนะ”
“หืม?”
เด็กหนุ่มกลุ่มนั้นค่อยมีท่าทางสนอกสนใจขึ้นมา
เจ้าของร้านกล่าวด้วยท่าทางลึกลับ “เรื่องนี้น่ะ คนในเมืองหน้าด่านแห่งนี้มีน้อยคนนักที่รู้ ก่อนที่วิหคเทวะพวกนั้นจะถูกส่งไปที่ค่ายทหาร ล้วนเป็นพ่อค้าแซ่หลิวคนหนึ่งหาซื้อมาแล้วส่งไปที่จวนของคุณหนูกง นางเป็นคนฝึกวิหคเทวะพวกนั้นมาเองกับมือเชียวนะ”