เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 456 ตบหน้าตัวเอง
บทที่ 456 ตบหน้าตัวเอง
พวกนกนักล่าเริ่มหาเลือกซื้อเนื้อของตัวเองอย่างระมัดระวัง มีบางครั้งที่ต้องใช้กรงเล็บเพื่อดึงเนื้อลงมาด้วย
ส่วนใหญ่พวกมันต่างพากันเลือกเนื้อสัตว์ที่ชอบกิน
บ้างก็ชอบกระต่ายหรือตัวอ้นซึ่งมีขนาดเล็ก ตอนบินมาพวกนกนักล่าก็ช่างแสนรู้ที่จะนำตะกร้าติดตัวมาด้วย หลังจากนำเหยื่อใส่ลงในตะกร้าแล้ว พวกมันก็คาบเงินที่ใส่เอาไว้ข้างในนั้นออกมาแล้วโยนให้พวกพ่อค้า จากนั้นจึงส่งสายตาจ้องมองพวกเขาเพื่อให้ทอนเงิน
แน่นอนว่าพวกพ่อค้าเองก็ไม่ได้โกงวิหคเทวะพวกนี้ พวกเขาขายในราคาที่มันควรจะเป็น แต่ก็มีบางส่วนที่ได้เงินไม่ครบ จึงทำได้เพียงเอ่ยตะโกนอย่างไม่พอใจในจำนวนเงินที่วิหคเทวะส่งให้
“ตรงนี้เงินไม่ครบ ผู้ใดมี…”
เขายังไม่ทันเอ่ยจบ ผู้คนจำนวนมากก็เข้ามารายล้อม
“ข้ามี ข้ามี! ข้าจ่ายให้เอง!”
“หลีกไปเสีย ข้ามาก่อน”
“เอาของข้าไป ข้าจ่ายส่วนของวิหคเทวะเอง”
ทุกคนต่างพากันตะโกนเรียกเถ้าแก่อย่างสุดเสียง
ถึงอย่างไร พวกนกนักล่าของหน่วยเสินอิงก็โดนปฏิบัติราวกับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนชื่นชอบเยอะแยะมากมาย หลายคนต่างรีบวิ่งนำเงินไปให้พวกมัน เห็นได้ชัดว่าล้วนเป็นเงินทั้งสิ้นไม่มีอย่างอื่นปะปน
เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้ผู้คนที่เพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกต่างรู้สึกหวาดกลัว แต่ไม่นานนักทุกคนก็พยายามที่จะมีส่วนร่วมด้วย
เพราะถึงอย่างไร มันก็เป็นเงินที่วิหคเทวะคาบมา
สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความฉลาดจนต่างต้องจับตามอง เกรงว่าเจ้าพวกนี้อาจเป็นพาหนะให้เทพสวรรค์ประทับอยู่จริง ๆ
พวกเขาได้รู้จักสัตว์เทพในตำนานจากหนังสือนิทานที่โด่งดังขึ้นชื่อ หากนำนกพวกนั้นไปเปรียบเทียบก็ให้ความรู้สึกไม่ต่างไปจากสัตว์เทพในตำนานแม้แต่น้อย แววตาของทุกคนจึงจับจ้องจดจ่อมากยิ่งขึ้น
สุดท้ายแล้ว คุณชายคนหนึ่งซึ่งสวมใส่ชุดผ้าแพรที่กำลังยืนอยู่บริเวณชั้นบนก็ควักเงินจ่ายให้กับมือพ่อค้าในราคาที่สูงมาก เพื่อทดแทนให้วิหคเทวะตัวนั้น
นกนักล่าได้เหยื่อของตัวเอง และได้เงินทอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกมันจึงคาบตะกร้าแล้วบินจากไป
แม้ว่าบนท้องถนนในตอนนี้จะแสนคึกคัก แต่ส่วนใหญ่แล้วเต็มไปด้วยฝูงนกนักล่าแทบทั้งหมด
มีนกนักล่าบางตัวที่ได้รับมอบหมายให้ซื้อเนื้อไปให้คนเลี้ยง แต่เนื่องจากพวกมันอ่านตัวหนังสือและเข้าใจภาษาของมนุษย์ไม่ได้ทั้งหมด จึงมีทหารในกองทัพที่รู้ตัวอักษรและสามารถเขียนหนังสือได้จดข้อความใส่ลงไปในตะกร้าให้
วิหคเทวะเองก็ฉลาดมากเช่นกัน เมื่อมาถึงแผงขายของก็คาบกระดาษให้ก่อนเป็นอันดับแรก
คนที่รู้หนังสือมีความสุขมาก จึงเอ่ยตะโกนออกมาเสียงดัง
“ผู้เลี้ยงวิหคเทวะตัวนี้ต้องการเนื้อหมูครึ่งจิน เกลือสองเฉียน*[1] น้ำตาล…”
เมื่ออ่านจบ พวกพ่อค้าที่มีสินค้าพวกนี้ก็นำมาใส่ลงไปในตะกร้าของพวกมัน จากนั้นจึงเดินกลับไปด้วยท่าทางเปี่ยมสุขเมื่อได้รับเหรียญทองแดงที่วิหคเทวะมอบให้
แน่นอนว่า พวกเขาเป็นฝ่ายนับจำนวนเหรียญทองแดงด้วยตัวเอง หลังจากที่พวกนกนักล่าใช้จะงอยปากคาบแล้วยื่นส่งให้พวกเขา
ได้มาเห็นวิหคเทวะซื้อของด้วยตัวเอง ผู้คนจากภายนอกที่เข้ามาต่างไม่ตกใจกันเลยสักนิด และยังมองดูด้วยความตื่นเต้นอีกด้วย
ซื้อของด้วยตัวเองได้ ผู้ใดจะไม่ชอบนกนักล่าที่สามารถซื้อของให้ผู้เลี้ยงได้กันเล่า พวกเขาต่างคาดหวังอยากเป็นเจ้าของวิหคเทวะพวกนี้กันทั้งนั้น
โดยเฉพาะพวกคุณชายทั้งหลายผู้ซึ่งเดิมทีมีสิ่งที่หลงใหลสะสมอยู่มากมาย แม้จะรู้สึกอิจฉา แต่ก็ไร้สามารถ
นี่เป็นสิ่งที่ตระกูลของพวกเขามิอาจทำได้แม้ว่าจะร่ำรวยหรือมีอำนาจมากเพียงใดก็ตาม เนื่องจากหน่วยเสินอิงนั้นเป็นของส่วนพระองค์
“คุณหนูกงมาแล้ว หลีกทางเดี๋ยวนี้!”
ทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงคนตะโกนดังขึ้น เมื่อได้ยินดังนั้น คนอื่น ๆ ก็พากันหลีกทางให้ในทันที แม้แต่พ่อค้าก็ไม่เว้น มีเพียงผู้คนที่เพิ่งมาที่แห่งนี้เป็นครั้งแรกที่ไม่ยอมทำ
“ตระกูลกงนี่ช่างเอาแต่ใจและหยิ่งผยองยิ่งนัก ถึงกับบอกให้ผู้คนมากมายหลบหลีกทางให้ หรือว่าอาจจะเป็นผู้มีอิทธิพลประจำเมืองนี้อย่างนั้นหรือ”
มีผู้คนที่ไม่รู้พากันคาดเดาไปต่าง ๆ นานา
“พูดอะไรกันเล่า คุณหนูกงไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลอะไรหรอกนะ”
“เอ๊ะ? ถ้าอย่างนั้น…”
คนในเมืองหน้าด่านเอ่ยขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “วิหคเทวะพวกนี้ชื่นชอบคุณหนูมาก ๆ”
ขณะกำลังเอ่ย ก็เกิดความชุลมุนขึ้นตรงนั้น
ปรากฏว่าเสี่ยวเป่าพาเสือทั้งสองตัวเดินมาด้วยกัน
เมื่อผู้คนที่เพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกและได้เห็นเสือทั้งสองตัว บางคนจึงพากันกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว โชคยังดีที่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ เสี่ยวเป่าก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย เดิมทีนางอยากจะมาให้เร็วกว่านี้ แต่กลับมีคนมารายงานว่าเสือสองตัวที่ชอบหายไปเที่ยวเล่นอยู่บ่อยครั้งกลับมาแล้ว
มันเป็นเรื่องน่าประหลาดใจอย่างยิ่ง เนื่องจากเสือทั้งสองตัวไม่ได้กลับมาเพียงลำพัง แต่ยังพาอีกสามตัวกลับมาด้วย… เป็นลูกเสือน้อย
ตัวหนึ่งสีดำ อีกสองตัวสีขาว
เสี่ยวเป่ารู้สึกตกใจมาก
ช่วงนี้พวกเจ้าหายหน้าหายตาไปบ่อยครั้ง ที่แท้ก็ไปหาเมียนี่เอง!
นอกจากนี้ยังพาลูกน้อยกลับมาด้วย!
เสี่ยวเป่า “…”
ช่วงที่กำลังอยู่ในความวุ่นวาย หลังจากป้อนนมแพะให้กับลูกเสือทั้งสามตัวแล้ว เสี่ยวเป่าก็ยังตัดสินใจที่จะมาหาพวกนกนักล่าของตัวเอง
นอกจากนี้ยังเขียนจดหมายด้วย เพราะนางต้องแจ้งพวกท่านพ่อและท่านพี่ให้ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้!
แต่เสือทั้งสองตัวก็ตามมาเช่นกัน นอกจากนี้เด็กน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลก หลังจากป้อนนมแพะแล้วผล็อยหลับไปก็โดนพามาเดินตลาดด้วยเช่นกัน
พวกมันมีตะกร้าแขวนห้อยอยู่ตรงคอ ส่วนสิ่งที่อยู่ในตะกร้าคือลูกของพวกมัน
เสี่ยวเป่าวางหมอนปุยแสนนุ่มเอาไว้ข้างใน แล้วใช้ผ้าห่มผืนเล็กคลุมกันลม ทำให้ลูกเสือน้อยรู้สึกไม่ค่อยหนาวเท่าใดนัก
หลังจากเห็นเหตุการณ์เช่นนี้
คุณชายที่อยู่ในโรงน้ำชาต่างใจจดใจจ่อกันยกใหญ่เมื่อได้ยินว่าคุณหนูกงกำลังจะมา
ยังไม่ทันได้เห็นตัวบุคคล ก็ค้นพบว่าคุณหนูกงนั้นช่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร ต่างพากันรู้สึกว่านางจะต้องมีนิสัยเย่อหยิ่งมากเป็นแน่
แต่หลังจากได้พบบุคคลนั้น…
เทพธิดาตัวน้อยผู้นี้มาจากแห่งหนใดกัน!
เสือสองตัวตัวใหญ่อะไรขนาดนี้ ดูหล่อเหลายิ่ง!!!
หลังจากนั้น คำตัดสินก่อนหน้าที่บอกว่านางเย่อหยิ่งก็กลับกลายเป็นพลิกผันด้วยตัวของพวกเขาเอง
ช่างเป็นคนที่หน้าตาดีอะไรเช่นนี้ ได้รับการดูแลปรนนิบัติเป็นอย่างดีใช่หรือไม่ คุณหนูช่างตัวเล็กยิ่งนัก สถานที่แห่งนี้คนเยอะมากหากบังเอิญโดนชนเข้าล่ะ ตระกูลของนางจะรู้สึกเจ็บปวดใจสักเพียงใด
ตบหน้าตัวเองเดี๋ยวนี้ ไม่มีข้อโต้แย้ง!
[1] 1 เฉียน เท่ากับ 5 กรัม