เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 467 ฟันที่หายไป
บทที่ 467 ฟันที่หายไป
ทันทีที่กู๋เหมิงเดินเข้าไปหยุดอยู่เบื้องหน้า หมอผีประจำเผ่าผู้นั้นพลันเอ่ยเสียงเรียบ
“พวกเจ้าพบเทพธิดาแล้ว”
นัยน์ตาฝ้าฟางสีเทาหม่นราวใกล้บอดของหมอผี แต่ก็น่าแปลกที่ดวงตาคู่นั้นเหมือนจะล่วงรู้ทุกสิ่งได้
กู๋เหมิงได้ยินเช่นนั้นก็พลันขนลุกเกรียว
“เทพธิดา… ข้าพบเทพธิดาแล้วอย่างนั้นหรือ”
กู๋เหมิงไม่อยากเชื่อหูตนเอง พยายามนึกอย่างไรก็นึกไม่ออก เขาพบเทพธิดาเมื่อใดกัน
แต่หมอผียังเอ่ยต่อ “คราวหน้า หากเทพธิดาถามเจ้าเกี่ยวกับฉางเซิงเทียน เจ้าจงบอกนางไปซะ”
กู๋เหมิงเกาหัวด้วยความงุนงง “แต่ข้าไม่รู้ว่าเทพธิดาคือผู้ใด”
“เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง ไปเถิด”
กู๋เหมิงมาพบอีกฝ่ายพร้อมใบหน้าสับสนและจากไปพร้อมใบหน้าที่ยังสับสน
แม้วันนี้จะเป็นวันแห่งความสับสนสำหรับกู๋เหมิง ทว่ากลับเป็นวันแห่งความสุขและน่าปลาบปลื้มยินดีสำหรับคนในเผ่าเทียนกู่น่า
เนื่องจากยามนี้พายุหิมะโหมกระหน่ำ สงครามระหว่างต้าเซี่ยกับซยงหนูจึงต้องยุติลงอย่างช่วยไม่ได้
ในสภาพอากาศเช่นนี้ พวกซยงหนูเองก็ไม่กล้าเสี่ยง เกรงว่าจะต้องหลงทางในดินแดนทุ่งหญ้าจนต้องหนาวตาย
แม้จะมีเสื้อผ้าหนาอุ่น แต่ผู้ใดจะชอบใจที่ต้องออกไปสู้รบท่ามกลางหิมะหนาและอากาศหนาวเย็นจับใจ
ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องอยากนอนห่มผ้าอุ่น ๆ บนเตียงกันทั้งนั้น
ด้านเสี่ยวเป่ามีเตาผิงในห้อง นางจึงไม่ต้องเผชิญกับอากาศหนาวเย็น
เสือน้อยทั้งสามเริ่มเดินปีนป่ายสำรวจโลกใหม่ภายในห้องของเสี่ยวเป่าอย่างสนุกสนาน
พลางเดินเตาะแตะดมกลิ่นทั่วห้องพร้อมทิ้งกลิ่นของตัวเองไว้ทุกซอกทุกมุม
พวกมันกำลังเรียนรู้การสร้างอาณาเขตของตน
ทว่าเสือใหญ่ทั้งสองกลับไม่ชอบใจนัก เป็นต้องตามกลบกลิ่นลูกน้อยทั้งสามอยู่ร่ำไป
ยามนี้เข้าสู่ฤดูหนาวเต็มตัว เสือน้อยทั้งสามก็เริ่มฝึกกินเนื้อสด
พ่อเสือทั้งสองจึงได้ทำหน้าที่พ่อเสียที
ออกล่าเหยื่อ หาเนื้อสดให้ลูกน้อยทั้งสามได้ลิ้มลอง
เรื่องพวกนี้เสี่ยวเป่าไม่จำเป็นต้องยื่นมือเข้าไปช่วย ปล่อยให้พวกมันสอนกันเอง
ยามนี้ท่านพ่อเองก็หยุดพักช่วงสั้น ๆ จึงได้กลับออกมาจากค่ายทหาร
อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของเขาแล้ว แต่หนานกงสือเยวียนไม่ได้วางแผนจะจัดงานฉลองยิ่งใหญ่อันใด
เสี่ยวเป่ายังคงเตรียมของขวัญวันเกิดให้ท่านพ่ออย่างตั้งใจเช่นเคย
หลังจากขลุกอยู่ในห้องสมุดจนได้ข้อมูลมากพอ จากนั้นก็สั่งให้ช่างทำอาวุธชนิดใหม่ ซึ่งออกมาเป็นหอกยาวสีดำเงางาม มีดาบสั้นคมกริบซ่อนอยู่ด้านในอย่างแนบเนียน นับเป็นอาวุธที่สามารถใช้ได้ทั้งในระยะใกล้และไกล
อาวุธชิ้นนี้ถูกใจหนานกงสือเยวียนมากจนต้องรีบรุดไปค่ายทหารในเช้าวันถัดไปหลังวันเกิด เพื่อทดสอบอาวุธใหม่
แม่ทัพเซี่ยและแม่ทัพหนุ่มที่เฝ้าดูใกล้ ๆ ต่างบรรยายความรู้สึกอิจฉาที่ตนมีแทบไม่ถูก
หลังจากนั้นเซี่ยสุ่ยอันก็ถูกบิดาเตะ
เซี่ยสุ่ยอัน “???”
“ท่านพ่อ ท่านทำอันใดของท่าน”
แม่ทัพเซี่ยมองค้อน “เจ้าควรเอาอย่างองค์หญิงบ้างสิ ทั้งที่ยังทรงพระเยาว์ถึงเพียงนี้ กลับสรรหาของขวัญที่เหมาะสมกับฝ่าบาททุกครั้งไป แล้วดูเจ้าสิ โตจนป่านนี้แล้ว ไม่คิดจะหาสิ่งดี ๆ ให้ข้าบ้างเลยหรือ”
เซี่ยสุ่ยอัน “…”
“แต่ฝ่าบาทก็ทรงมอบแต่สิ่งดี ๆ แก่องค์หญิง เหตุใดท่านไม่เห็นทำเช่นนั้นกับข้าบ้าง อีกทั้งสำหรับฝ่าบาทแล้วองค์หญิงทรงเป็นดุจสมบัติล้ำค่า แล้วข้าเล่าเป็นสิ่งใดสำหรับท่าน”
แม่ทัพเซี่ยกล่าวด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “เจ้าก็เป็นบุตรชายที่โง่เง่าของข้าอย่างไรเล่า”
เซี่ยสุ่ยอัน : …ท่านที่เป็นเช่นนี้ยังกล้ามาคาดหวังให้ข้ามอบสิ่งดี ๆ ให้ ฝันกลางวันอยู่หรืออย่างไร
พ่อลูกบ้านนี้เป็นศัตรูกันหรอกหรือ
เมื่อหิมะแนวชายแดนเริ่มละลาย อายุของเสี่ยวเป่าก็เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งปี
แต่นางกลับไม่มีความสุขเอาเสียเลย
เหตุเพราะช่วงเวลาบอกลาฟันน้ำนมมาถึง
เช้าวันหนึ่ง ขณะที่นางกำลังแทะขาไก่ ฟันซี่หนึ่งกลับฝังอยู่ที่ขาไก่ เลือดไหลพราก
เสี่ยวเป่าตกใจจนอ้าปากค้าง มองฟันหน้าของตัวเองบนน่องไก่เหมือนไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
ชุนสี่ได้สติก่อนใคร รีบใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปากให้นางทันที
“องค์หญิง รีบบ้วนปากเร็วเพคะ”
เสี่ยวเป่ามองฟันของตนทั้งน้ำตา เลียเหงือกบริเวณที่ฟันหายไป มันไม่ได้เจ็บมาก แต่รู้สึกแปลก ๆ
“อ้าอะอังอินเอื้อไอ้อือไอ่ (ข้าจะยังกินเนื้อได้หรือไม่)”
ผลกระทบแรกจากการสูญเสียฟันก็คือนางจะพูดไม่ชัด เพราะฟันมันหลอ
เสี่ยวเป่า “…”
ฮื่อ…
“องค์หญิงไม่ต้องทรงเป็นกังวลไปหรอกเพคะ เพียงชั่วคราวเท่านั้น ฟันจะงอกใหม่ในไม่ช้าเพคะ”
เสี่ยวเป่าปิดปากเงียบ ไม่พูดไม่จา กลัวว่าตัวเองจะพูดไม่ชัดเพราะฟันหน้าหายไป มันไม่น่าฟังเลยสักนิด
แต่… หากจะไม่พูดทั้งวันคงเป็นไปไม่ได้
ชุนสี่ห่อฟันของเสี่ยวเป่าด้วยกระดาษแผ่นเล็กแล้วซ่อนไว้ใต้ที่นอน
“ทำเช่นนี้แล้วขอพร ฟันขององค์หญิงจะงอกในเร็ววันเพคะ”
เสี่ยวเป่าไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงเฝ้าภาวนาให้ฟันงอกขึ้นมาใหม่เร็ว ๆ
แต่คราวนี้ไม่รู้ว่าสวรรค์จงใจกลั่นแกล้งนางหรืออย่างไร
ฟันที่นางพึ่งสูญเสียไปยังไม่ทันงอก วันรุ่งขึ้นฟันหน้าเล็ก ๆ อีกซี่ก็หลุดออกมา
ครั้งนี้เป็นซาลาเปาที่พรากฟันน้อย ๆ ของนาง
เสี่ยวเป่า “…”
คราวนี้นางยิ่งฟันหลอกว่าเดิมอีก
หนานกงสือเยวียนกลับมาจากค่ายทหารพลันประหลาดใจที่ไม่เห็นเสี่ยวเป่าวิ่งมาหา
“องค์หญิงเล่า?”
บ่าวรับใช้ผู้หนึ่งเอ่ยตอบ “ฟันน้ำนมขององค์หญิงเริ่มหลุดแล้วเพคะ องค์หญิงจึงเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่ยอมออกมาพบผู้ใดเลยเพคะ”
หนานกงสือเยวียนชะงัก ช่วงเปลี่ยนฟันสินะ
เมื่อรู้อย่างนั้นแล้ว เขาจึงรีบสาวเท้าไปที่ห้องของเสี่ยวเป่าทันที