เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 472 ขั้นตอนการทำอาหาร
บทที่ 472 ขั้นตอนการทำอาหาร
หลังจากที่กินอาหารเสร็จแล้ว สิ่งที่พวกเขาทำเป็นอย่างแรกคือนำสิ่งของไปแลกเปลี่ยนกับชาวต้าเซี่ย
หนานกงฉีโม่เป็นผู้เจรจาธุรกิจกับพวกเขาในครั้งนี้
เทียบกับครั้งที่ผ่านมา ครั้งนี้เพิ่งจะผ่านพ้นฤดูหนาว เครื่องหนังที่นำมาจึงน้อยลงไปมาก ส่วนใหญ่จะเป็นพวกสมุนไพร
สมุนไพรของพวกเขานับว่ามีค่าอย่างยิ่งสำหรับต้าเซี่ย ด้วยเหตุนี้จึงค่อนข้างมีราคาสูง
นอกจากนี้ยังมีเนื้อสัตว์ป่า หนานกงฉีโม่ก็รับไว้ด้วยเช่นกัน
ข้าวของที่เหลือเป็นหินสวยงามหลายชิ้น ล้วนแต่เป็นหินที่ผู้หญิงกับพวกเด็ก ๆ ในเผ่าเก็บมาเมื่อครั้งออกไปอาหาร พวกนางชอบมันมากเสียจนใส่มากับข้าวของชิ้นอื่น ๆ เผื่อว่าจะใช้แลกกับอะไรได้บ้าง หากว่าแลกไม่ได้ก็แค่นำกลับไป อย่างไรเสียก็ไม่ได้เปลืองพื้นที่อะไรมากมาย
หนานกงฉีโม่มองดูหินเหล่านั้นและพูดอย่างตรงไปตรงมา “หินพวกนี้ลองไปถามพวกผู้หญิงที่แต่งตัวหรูหราดูสิ ไม่แน่ว่าอาจมีคนอยากได้ น้องสาวข้าก็ชอบสะสมหินสวย ๆ พวกนี้ พวกเจ้าจะลองไปถามนางดูด้วยก็ได้”
“น้องสาวท่าน?”
หนานกงฉีโม่ “คราวก่อนพวกเจ้าก็เจอแล้วมิใช่หรือ เด็กผู้หญิงที่ขายนมผงกับสุราให้พวกเจ้าคนนั้นอย่างไรล่ะ”
น้ำเสียงของเขาแฝงความภาคภูมิใจ เป็นความภูมิใจที่มีในตัวน้องสาวของตน
ดวงตาของกู๋เหมิงเบิกกว้างด้วยความตกใจ “เป็นนางเองหรือ พวกข้าติดเงินนางอยู่ ตั้งใจจะนำเงินที่ได้จากการขายสมุนไพรให้พวกเจ้าครั้งนี้ไปคืนนาง หากว่านางชอบหินพวกนี้ละก็ เช่นนั้นพวกข้าจะเอาไปมอบให้นางเอง!”
แววตาหนานกงฉีโม่ดูอ่อนโยนทีเดียวเมื่อเป็นเรื่องของเสี่ยวเป่า
“น้องสาวข้าชื่นชอบของแปลก ๆ เจ้าลองเอาของที่เหลือไปถามนางดูได้ เผื่อว่าจะมีของที่นางชอบ”
กู๋เหมิงพยักหน้า หลังจากตรวจนับเสร็จแล้วก็ไปหาเสี่ยวเป่าพร้อมกับข้าวของที่เหลือ
เสี่ยวเป่าเองก็ได้ยินข่าวการมาของเผ่าเทียนกู่น่า และเตรียมที่จะไปหาพวกเขาเช่นเดียวกัน
ทว่าไปได้เพียงแค่ครึ่งทาง พวกเขาก็เป็นฝ่ายมาหาตนเองเสียอย่างนั้น!
นางกล่าวทักทายกู๋เหมิงอย่างมีความสุข
บอกตามตรงว่าเสี่ยวเป่าตัวเล็กจิ๋วเดียวเท่านั้นเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าพวกกู๋เหมิง
พวกเขาไม่มีปัญญาชดใช้หรอกนะ!
“เช่นนั้นครั้งนี้พวกเจ้ามาเพื่อแลกนมผงกับสุราสินะ”
กู๋เหมิงพยักหน้า “ของสำคัญที่สุดคือนมผง สามารถเลี้ยงเด็กได้หลายชีวิต คนแก่ฟันไม่ดีก็ชอบนมผงเหมือนกัน”
เสี่ยวเป่า “แล้วพวกเจ้ากินอะไรกันบ้างหรือ”
“เนื้อ ข้าวสาลี ถั่วเหลือง ผลไม้ มันเทศกับมันฝรั่งที่แลกกับพวกเจ้าไปคราวก่อนเอาไปต้มและย่าง คนแก่กับเด็ก ๆ ชอบกินกันมาก”
ก่อนหน้านี้พวกเขากินเนื้อสัตว์และธัญพืชอย่างพวกข้าวสาลีกับถั่วเหลืองเป็นหลัก ถั่วเหลืองใช้วิธีคั่วกิน แต่ของพวกนี้แข็งเกินไปทั้งยังทำให้ท้องอืดได้ง่าย คนเฒ่าคนแก่เคี้ยวไม่ได้เพราะว่าฟันไม่ดี หากเด็กกินมากเกินไปก็ทำให้ย่อยยาก
นอกจากนมผงที่นำกลับไปคราวก่อน มันเทศเนื้อนุ่มและมีรสหวานเมื่อนำไปปรุงจนสุกก็ได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ก็ยังมีมันฝรั่ง
เสี่ยวเป่าถามว่าพวกเขากินข้าวสาลีและถั่วเหลืองกันอย่างไร จากนั้นก็ อืม…
วิธีกินแบบนั้น ฟันของคนแก่ต้องเคี้ยวไม่ไหวอยู่แล้ว
เสี่ยวเป่ามองพวกเขาด้วยแววตาเห็นใจ จากนั้นจึงพาพวกเขาไปดูข้าวสาลีที่ถูกบดให้เป็นผง แล้วนำไปทำซาลาเปากับหมั่นโถวเนื้อนุ่ม หรือแม้กระทั่งเกี๊ยว
อีกทั้งยังพาไปดูขั้นตอนการทำเต้าหู้ คาดว่าพวกเขาคงจะชอบน้ำเต้าหู้
สรุปก็คือหลังจากนำธัญพืชทั้งสองชนิดไปแปรรูปก็จะได้ออกมาเป็นเนื้อละเอียดที่ทั้งอร่อยและย่อยง่าย
หลังจากที่ได้เห็น เผ่าเทียนกู่น่าก็กระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้นดีใจจนเกินเหตุ
แน่นอนว่าพวกเขาคอยถามนั่นถามนี่ตลอดการเยี่ยมชม ใช้เวลาถึงสามวันในการดูขั้นตอนต่าง ๆ สาเหตุหลักก็เพราะพวกเขาถามคำถามมากมายหลายอย่าง ทว่าเพียงครู่เดียวก็ลืม
ตัวอย่างเช่นวิธีใช้เครื่องโม่แป้ง หรือต้องเติมน้ำและแป้งเท่าไรขณะนวดแป้ง
มิหนำซ้ำวิธีจดจำสิ่งต่าง ๆ ก็ทึ่มสิ้นดี หนึ่งคนจำหนึ่งสิ่ง จากนั้นก็ท่องจำไปตลอดทาง พริบตาเดียวก็ลืมสิ้น บ้างก็จำปะปนกันมั่วไปหมด
ชนิดที่ว่ามีหลายสิบหัวก็ยังไม่พอ
เสี่ยวเป่าเขียนขั้นตอนการทำให้ พวกเขาก็อ่านไม่ออกอีก!
ล้วนแต่เป็นพวกไม่รู้อักษรของต้าเซี่ยทั้งสิ้น
กู๋เหมิงร้องขอด้วยใจจริง เขาอยากได้หนังสือของต้าเซี่ยกลับไปเพื่อเรียนรู้ภาษาและตัวอักษรของต้าเซี่ย
เขาเรียนรู้ภาษาของชาวทุ่งหญ้าได้ ย่อมต้องเรียนรู้ภาษาของต้าเซี่ยได้อย่างแน่นอน!
ทว่ากู๋เหมิงก็ต้องหน้าถอดสีเมื่อนึกถึงความยากลำบากยามที่ตนเรียนภาษาของชาวทุ่งหญ้า
เสี่ยวเป่าเห็นท่าทางน่าสงสารของพวกเขา นางจึงรับหน้าที่เป็นครูและสอนตัวเลขอารบิกที่ง่ายที่สุดให้ จากนั้นก็วาดลงบนกระดาษ หากว่าพวกเขาอ่านไม่ออกก็ให้ทำตามขั้นตอนที่อยู่ในรูปภาพ
เหตุผลที่ต้องเรียนรู้ตัวเลขเพราะว่าในการนวดแป้งจำเป็นต้องใช้อัตราส่วนของแป้งและน้ำที่ถูกต้อง
ดีเกลือที่ใช้ในการทำเต้าหู้ก็ต้องได้อัตราส่วนเช่นเดียวกัน
เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเสี่ยวเป่าต้องมาสอนนับเลขให้ชายตัวใหญ่เหมือนหมีหลายสิบคน ช่างให้ความรู้สึกราวกับเห็นภาพแมวน้อยเป็นอาจารย์ให้สุนัขทิเบตันหลายสิบตัวอย่างไรอย่างนั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้ชมวิธีการทำซาลาเปา หมั่นโถว และเต้าหู้ ทิเบตันเหล่านี้ก็ให้ความเคารพนางเป็นอย่างมาก ดูตลกขบขันไม่น้อย
ในช่วงเวลานี้เองที่กู๋เหมิงมอบหินทั้งถุงให้เสี่ยวเป่า
“พี่ชายท่านบอกว่าท่านชอบหินพวกนี้ พวกเราเองไม่มีอะไรจะมอบให้ท่าน ดังนั้นรับหินพวกนี้ไว้เถอะ”
คราวนี้ถึงขั้นใช้คำเรียกให้เกียรติกับเสี่ยวเป่าเลยทีเดียว
เสี่ยวเป่ารับไว้ “ขอบคุณเจ้าค่ะ”
นางเปิดดูข้างใน ว้าว…
แค่มองก็รู้แล้วว่ามีแต่ของดีเต็มไปหมด!
สิ่งแรกที่เสี่ยวเป่าเห็นคือแร่ยิปซัม ไม่ต้องพูดถึงประโยชน์อื่นของเจ้าสิ่งนี้ ลำพังแค่คุณค่าที่มีต่อทางการแพทย์ก็มีไม่น้อยแล้ว
ยิ่งมิต้องพูดถึงหินโมรา เพชร รวมถึงหยกเขียวที่อยู่ข้างใน
ยิ่งล้วงลึกลงไป ให้ตายสิ! ก้อนทองคำก้อนโต!