เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 479 ฝึกสัตว์ร้ายยักษ์
บทที่ 480 อานั่วซือ
เสี่ยวเป่าไม่คิดไม่ฝันว่าตนจะพบเรื่องน่าประหลาดใจครั้งใหญ่ในเช้าวันรุ่งขึ้น
เมื่อคืนนางเข้าใจว่าชายคนนี้เพียงบังเอิญมีดวงตาคล้ายเยว่หลี แต่พอได้เห็นเส้นผมขาวราวหิมะของเขา นางก็ยิ่งประหลาดใจ แต่ตอนนี้ได้เห็นใบหน้าเขาแล้ว
เสี่ยวเป่าตกใจจนหัวใจเกือบหยุดเต้น
“เยว่หลี?”
แต่คนผู้นั้นกลับมองนางราวกับตัวประหลาด ก่อนจะเมินด้วยการหยิบนกหวีดกระดูกที่ห้อยอยู่บนคอขึ้นมาเป่า
“บรู้ว~”
หมาป่าทั้งหลายหอนรับทันที
ฝูงหมาป่าในถ้ำวิ่งออกมา รวมทั้งหมาป่าจากทุกสารทิศและฉางเมาที่ถูกไล่กลับเข้าป่าเมื่อคืนนี้ก็กลับออกมาพร้อมกัน
เรียกได้ว่าเป็นภาพที่ดูยิ่งใหญ่เกรียงไกรมาก
เสี่ยวเป่าอดชื่นชมไม่ได้
ทว่าพริบตาต่อมานางกลับเห็นชายหนุ่มกระโดดขึ้นนั่งบนหลังฉางเมา แล้วจากไปทันที ไม่มีบอกกล่าวเสี่ยวเป่าสักคำ
เสี่ยวเป่า “!!!”
เดี๋ยว แล้วข้าเล่า!
“รอด้วย!”
แต่คนผู้นั้นกลับไม่แม้แต่จะหันมองด้วยซ้ำ เขาจากไปพร้อมกับสัตว์ร้ายยักษ์และฝูงหมาป่า
เสี่ยวเป่า “…”
คนที่หน้าตาคล้ายเยว่หลีผู้นี้ใจดำมาก!
หากเสี่ยวเป่าไม่อยากถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง นางจะต้องหาทางตามเขาไปเดี๋ยวนี้
คนผู้นี้หน้าตาคล้ายเยว่หลีมาก ไม่แน่… พวกเขาอาจเป็นญาติกันก็ได้
ในเมื่อเขาไม่พานางไปด้วย หากเป็นผู้อื่นคงไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ไม่ใช่กับเสี่ยวเป่า!
อันดับแรกนางมองหาหมาป่าที่ตัวสูงที่สุดในฝูง ซึ่งก็คือหมาป่าตัวใหญ่ที่อยู่ข้างกายนางตอนอยู่ในถ้ำ เป็นตัวที่นางลองจับขนหน้าอกมัน
เสี่ยวเป่ารีบวิ่งไปปีนขึ้นหลังมันเพื่อไล่ตามคนผู้นั้นไป!
ฉางเมาเดินได้ไม่เร็วนัก เพียงครู่เดียวเสี่ยวเป่าก็ไล่ตามทัน
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนหลังฉางเมาก้มมองนาง
เสี่ยวเป่าชอบอกชอบใจ ยืดอกเชิดหน้าให้เขาทันที
หึ ๆ คิดไม่ถึงล่ะสิ นางนี่แหละคือมนุษย์ผู้เป็นที่รักของเหล่าสัตว์ป่า!
“เจ้าชื่ออะไร”
เสี่ยวเป่ามั่นใจว่าคนผู้นี้ไม่มีวันเป็นเยว่หลี
ยามนี้เยว่หลีคงอยู่ดีมีสุขที่ต้าเซี่ย อีกทั้งเยว่หลีผิวขาวมาก ไม่มีทางตากแดดจนผิวคล้ำขึ้นได้ขนาดนี้ จะว่าไปคนผู้นี้ก็มิได้ดำคล้ำเหมือนโดนแดดเผา แต่เป็นผิวดำธรรมชาติ ผิวเข้มกว่าคนผิวแทนเล็กน้อย แต่ไม่เข้มเท่าชาวผิวดำ
แม้จะมีเส้นผมสีขาวราวหิมะ แต่ผมของเยว่หลีก็ยาวกว่าผมของคนผู้นี้มาก
ถึงนางจะไม่ได้เจอเยว่หลีเกือบห้าปีแล้ว แต่นางคิดว่าคนผู้นี้น่าจะสูงกว่าเยว่หลีเยอะเลย ทั้งร่างกายก็เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง ส่วนเยว่หลีของนางเป็นหนุ่มรูปงาม อ่อนโยนประดุจต้นหลิวพลิ้วลม
“เจ้าเป็นชาวเผ่าฉางเซิงเทียนอย่างนั้นหรือ พูดภาษาจงหยวนไม่ได้ใช่หรือไม่ เช่นนั้นฟังภาษาทุ่งหญ้าออกหรือไม่ ฮาโหลว (สวัสดี) เจ้ามีนามว่าอะไร”
เสี่ยวเป่าถามอีกครั้งด้วยภาษาทุ่งหญ้า แต่…
เขาก็ยังเมินนางอยู่ดี
เสี่ยวเป่า : …
ชักจะโมโหแล้วนะ ถ้าพูดไม่ได้ก็ควรแสดงท่าทางบอกก็ได้นิ
นางหิวจะตายอยู่แล้ว ยังไม่มีสิ่งใดตกถึงท้องตั้งแต่บ่ายวานนี้เลย
เสี่ยวเป่าลูบท้องป้อย ๆ เอนตัวลงนอนบนหลังหมาป่าเหมือนปลาเค็มตากแห้ง
เห็นนางเงียบไป ชายหนุ่มบนหลังฉางเมาจึงหันมองนางอีกครั้ง
ระหว่างทาง เสี่ยวเป่าเฝ้าฝันให้มีอาหารตกลงมาจากฟ้า ทว่าทันใดนั้นนางก็เหลือบไปเห็นหมาป่าหลายตัววิ่งมาแต่ไกล
พวกมันมาพร้อมเหยื่อที่ล่ามาได้และ… ย่ามสะพายหลังของนาง!
เสี่ยวเป่าร้องเสียงหลงเพราะความดีใจสุดขีด และรีบปีนลงจากหลังหมาป่า
ชายหนุ่มก็กระโดดตามลงมา
สัตว์ร้ายยักษ์เหวี่ยงงวงไปมาพร้อมส่งเสียงร้อง ก่อนจะพาฝูงไปหาอาหาร
เสี่ยวเป่าหยิบย่ามสะพายหลังออกจากปากหมาป่าที่คาบมา ก่อนจะกอดหัวหมาป่าตัวใหญ่ และหอมหัวมันหลายครั้ง
ชายหนุ่มรับขาเหยื่อหนึ่งข้างมาถือไว้พลางมองนางด้วยสายตารังเกียจปนแปลกใจ
เสี่ยวเป่าไม่สนใจ วิ่งกลับมาหาเขาพร้อมย่ามสะพายหลังในอ้อมแขน นางหยิบเนื้อวัวแห้งและขนมอบแห้งบางส่วนออกมาจากย่ามแล้วกินอย่างหิวโหย
เนื้อวัวแห้งกลิ่นหอมมากจนชายหนุ่มที่กำลังจะแล่เหยื่อหันมองอย่างห้ามใจไม่อยู่
เสี่ยวเป่าเชิดหน้าใส่อีกฝ่าย “หอมใช่หรือไม่ นี่คือเนื้อวัวแห้งที่ข้าทำเอง หากเจ้ายอมบอกชื่อของเจ้า ข้าจะแบ่งให้เจ้า ตกลงหรือไม่”
“อานั่วซือ”
เดิมทีเสี่ยวเป่าคิดว่าเขาจะเงียบเหมือนเดิม ไม่คิดเลยว่าจะตอบเร็วขนาดนี้
เขาพูดภาษาทุ่งหญ้า
เสี่ยวเป่าตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อมีมือข้างหนึ่งยื่นมาตรงหน้า
ชายหนุ่มขอของที่เขาควรจะได้ทันที
เสี่ยวเป่า “…”
“ก็พูดได้นี่นา”
นางพึมพำกับตนเองก่อนจะทำตามข้อตกลง ไม่มีบิดพลิ้ว พลันหยิบเนื้อวัวแห้งออกมาส่งให้ทันที
“ของเจ้า เจ้าเป็นคนเผ่าฉางเซิงเทียนใช่หรือไม่ มีญาติหรือพี่น้องที่หน้าตาคล้ายเจ้า ผมสีขาวเหมือนหิมะ ดวงตาสีม่วง แต่ผิวขาวหรือไม่”
พออานั่วซือได้ยินคำถามของนาง ก็พลันนิ่งไปครู่หนึ่ง
เขาชะงักเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น พอได้สติก็เริ่มจัดการเหยื่อด้วยมีดสั้นในมือ พลางเคี้ยวเนื้อวัวแห้งในปาก ไม่มีท่าว่าจะตอบคำถามใด ๆ อีก
เสี่ยวเป่าเบะปากใส่ ตอนนี้นางมั่นใจและแน่ใจแล้วว่าคนผู้นี้และเยว่หลีไม่ใช่คนคนเดียวกันแน่นอน
เยว่หลีนิสัยดีกว่านี้ตั้งเยอะ!
จะว่าไปนางก็ไม่ได้เจอเยว่หลีตั้งห้าปีแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เยว่หลีในวัยที่โตขึ้นจะเป็นอย่างไร
อันที่จริง คนผู้นี้กับเยว่หลีในความทรงจำของนางก็มีบางส่วนที่แตกต่างกันเล็กน้อย
ที่เห็นได้ชัดก็… เขาดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเยว่หลีในความทรงจำของนาง ทั้งใบหน้ายังคมเข้มกว่า เป็นความหล่อเหลาที่แฝงไปด้วยดุดันและดุร้าย
โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น ผู้ใดได้สบตาเข้าเป็นต้องหวาดกลัว ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังจ้องตากับสัตว์ร้ายไม่มีผิด