เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 496 ออกความคิดแลกเปลี่ยนสินค้า
บทที่ 496 ออกความคิดแลกเปลี่ยนสินค้า
เสวี่ยกัดปากแน่น นางคิดว่าวันนี้ก็ต้องเป็นเหมือนที่ผ่าน ๆ มา จึงตั้งใจจะอ้างว่าตนหวังดีกับคนในเผ่า แล้วพวกเขาก็จะซาบซึ้งใจ แต่กลับต้องมาเจอความผิดหวังครั้งใหญ่
นางเอ่ยกับหมอผีด้วยน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ “ที่ข้าทำไปทั้งหมดก็เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของเผ่า ไม่มีเจตนาอื่นใด ท่านหมอผี นางเป็นแค่คนนอกนะเจ้าคะ”
เสี่ยวเป่าเป็นคนนอกเผ่าที่พึ่งมาขออาศัย ยังไม่มีผู้ใดเปิดใจยอมรับนาง ฉะนั้นแล้วเจ้าเด็กนั่นจะเทียบชั้นกับนางได้อย่างไร
“นางเป็นน้องสาวของอานั่วซือ แล้วอานั่วซือก็ได้รับการยอมรับจากหมาป่ายักษ์ นางเองก็ด้วย”
หมอผีมองเสี่ยวเป่าด้วยสายตาที่ค่อนข้างอ่านยาก “หมาป่ายักษ์เชื่อฟังนางเช่นกัน”
เผ่าที่ตั้งอยู่ในหุบเขาเหมันต์ฉางเซิงเทียนเชื่อว่าหมาป่ายักษ์เป็นเทพเจ้าหมาป่า ทว่าไม่เคยมีผู้ใดได้รับการยอมรับจากหมาป่ายักษ์ แต่อานั่วซือมาอยู่ที่นี่เพียงสองปีก็ได้รับการยอมรับแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทุกคนล้วนเห็นกันถ้วนทั่ว น้องสาวของอานั่วซือก็ได้รับการยอมรับจากหมาป่ายักษ์เช่นกัน
เสวี่ยไม่อยากยอมแพ้ โดยเฉพาะพ่ายแพ้ให้เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ นางมีความรู้เรื่องยาสมุนไพร ทั้งยังรู้วิธีการถนอมอาหารหลายชนิด เสวี่ยจึงคิดว่านางเป็นภัยคุกคามครั้งยิ่งใหญ่
“พาเสวี่ยออกไปก่อน”
แม้ไม่เต็มใจ ทว่าเสวี่ยและผู้คนในเผ่าก็ไม่กล้าขัดคำสั่งหมอผี
ระหว่างที่ถูกพาตัวออกมา เสวี่ยยังเห็นว่านังเด็กนั่นพาหมอผีเข้าไปในกระโจม
มันยิ่งทำให้หญิงสาวร้อนใจ ไม่ได้การแล้ว นางปล่อยให้คนนอกมาแย่งทุกอย่างที่นางพยายามสร้างมาไปไม่ได้เด็ดขาด นางจะต้องได้เป็นหญิงงามที่ได้รับการยกย่องเชิดชูที่สุดในเผ่า
แน่นอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะต้องถูกนำมารายงานผู้นำเผ่า
หัวหน้าเผ่ายังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ตั้งแต่วันที่เขาต่อสู้กับอานั่วซือ สาวน้อยแปลกหน้าคนนั้นบอกว่าเผ่าที่ทำให้น้องสาวของเขาตายถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น
เขาแก้แค้นให้น้องสาวสำเร็จแล้ว จะเหลือก็แต่ความแค้นของเขาเอง
“อืม ท่านหมอผีตัดสินแล้วก็แล้วไป”
ตอนนี้เขาไม่อยากมีปัญหากับอานั่วซือและสาวน้อยแปลกหน้าคนนั้น
หมอผีสนใจสมุนไพรที่นางพูดถึง รวมถึงอาหารที่สามารถเก็บไว้ได้นานพวกนั้นด้วย
เมื่อก้าวเข้ามาในกระโจมเสี่ยวเป่า หมอผีก็เกิดคำถามมากมายผุดขึ้นมาไม่รู้จบสิ้น
แม้เขาจะแก่ แต่ก็ยังรักการเรียนรู้มากกว่าคนในเผ่าเสียอีก
น่าเสียดายก็แต่ความจำไม่ค่อยดีแล้ว
เสี่ยวเป่าจึงต้องตอบคำถามหมอผีอยู่หลายรอบ
“ขิงที่เจ้าว่ามีประโยชน์จริงน่ะหรือ”
จู่ ๆ น้ำเสียงของหมอผีก็จริงจังขึ้น “มันไม่ใช่ไข้หวัดธรรมดา ตอนนี้คนป่วยเริ่มเยอะขึ้น ข้าใช้สมุนไพรที่เคยใช้รักษาได้ผลก็แล้ว อธิษฐานต่อเทพเจ้าก็แล้ว ทว่ากลับได้รับคำทำนายว่าจะมีคนผู้หนึ่งยื่นมือเข้ามาช่วยให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ ระหว่างรอข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขังพวกเขาทั้งหมดไว้ที่ถ้ำทั้งสามนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนป่วยไข้ไปมากกว่านี้ แต่ในเผ่าก็ยังมีคนป่วยไข้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อยู่ดี”
หมอผีจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเสี่ยวเป่า “เจ้าคือคนที่เทพเจ้ากล่าวถึงหรือไม่”
มุมปากของเสี่ยวเป่าพลันกระตุก เมื่อครู่คุยกันเรื่องรักษาโรคอยู่มิใช่หรือ เหตุใดจึงวกเข้าเรื่องเทพเจ้าอีกแล้วเล่า
“เจ้าเป็นศิษย์หมอผีหรือ”
ในความคิดของพวกเขา มีเพียงหมอผีเท่านั้นที่มีความรู้ แต่เสี่ยวเป่ายังเด็กนัก นางจึงอาจจะเป็นลูกศิษย์ของหมอผี
แต่นางมีความรู้มากกว่าหมอผีอย่างเขาเสียอีก
เสี่ยวเป่าส่ายหัว “ข้าก็แค่หมอที่ยังศึกษาไม่จบ”
หมอผี “???”
พอเสี่ยวเป่าอธิบายให้หมอผีฟังว่าหมอมีหน้าที่อันใด ดวงตาของผู้เฒ่าพลันเป็นประกายขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากนั้นหมอผีก็มองเสี่ยวเป่าเหมือนกำลังเสียดาย
“เหตุใดเจ้าไม่เกิดให้เร็วกว่านี้ ข้าจะได้ฝากตัวเป็นศิษย์เจ้าเสียเลย”
ตอนนี้เขาชรามากแล้ว จำสิ่งใดไม่ค่อยได้
แววตาของหมอผีเริ่มสั่นไหว “ยามนี้โลกภายนอกเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง”
เสี่ยวเป่า “พวกท่านออกไปดูด้วยตาตนเองได้นะเจ้าคะ เหตุใดถึงเอาแต่เก็บตัวอยู่ในหุบเขาเหมันต์นี้ล่ะ ข้างนอกมีอาหาร มีเกลือ มีสิ่งของมากมายที่ช่วยให้เผ่าของพวกท่านสะดวกสบายขึ้น”
เหตุผลที่นางพูดแบบนี้ ก็เพราะว่านางอยากได้ยาสมุนไพรจากที่นี่
สมุนไพรหลายชนิดหาได้เฉพาะที่นี่ เพราะข้างนอกนั้นพวกมันสูญพันธุ์ไปแล้ว
“ไม่ได้ เราทิ้งฉางเซิงเทียนไปไม่ได้ เทพเจ้าที่เราเคารพอยู่ที่นี่ ไปไม่ได้”
ไม่บอกเหตุผลว่าเหตุใดถึงออกไปไม่ได้ หมอผีเอาแต่บอกว่าพวกเขาออกไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเผ่าของพวกเขาจะต้องล่มสลาย
เสี่ยวเป่าไม่ซักไซ้ เผ่าเทียนกู่น่าก็พูดเช่นนี้เหมือนกัน นางจึงไม่แปลกใจเท่าใดนัก
เพียงแต่…
เสี่ยวเป่าจึงเสนอวิธีใหม่ “อันที่จริงแล้ว หากพวกท่านไม่อยากออกไปข้างนอกก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถแลกเปลี่ยนเสบียงกับคนข้างนอกได้นี่เจ้าคะ”
หมอผีหันมองเสี่ยวเป่า
“เผ่าข้างนอกเพาะปลูกได้ผลผลิตมากมาย เชิญชวนให้พวกเขาขนสินค้ามาแลกเปลี่ยนที่เผ่าของพวกท่านก็ได้ แต่การเดินทางมาที่นี่อันตรายไม่น้อย ต่อให้มีสมุนไพรหายากหรือมีสรรพคุณดีเพียงใด มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจให้พวกเขาอยากมาที่นี่”
ดวงตาหมอผีเปล่งประกายเมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากเสี่ยวเป่า จริงด้วย! พวกเขาออกจากฉางเซิงเทียนไม่ได้ เหตุใดไม่ให้คนข้างนอกขนข้าวของมาแลกที่ฉางเซิงเทียนแทนล่ะ
แต่พอใคร่ครวญให้ดี หมอผีพลันพบว่ามันมีปัญหาบางอย่าง ก็คือพวกเขาไม่ชอบคนแปลกหน้า
“ช่างเถิด ตอนนี้การเป็นอยู่ในเผ่าก็เริ่มดีขึ้นไม่น้อยแล้ว”
ได้ยินดังนั้น เสี่ยวเป่าจึงไม่เซ้าซี้ ตั้งใจเตรียมของเพื่อไปเยี่ยมผู้ป่วยในถ้ำกับหมอผี
นางหยิบผ้าปิดจมูกสองชิ้นออกมาจากย่ามสะพายหลัง แล้วยื่นให้หมอผีหนึ่งอัน
เดิมทีนางตั้งใจทำไว้เพื่อใส่กันลม
หมอผีทำหน้างง
“โรคหลายชนิดแพร่กระจายทางอากาศ โดยเฉพาะโรคติดต่อร้ายแรง”
เสี่ยวเป่าสอนหมอผีใส่ผ้าปิดจมูก แม้จะยังไม่เข้าใจว่าใส่เพื่อสิ่งใด แต่เด็กคนนี้อาจจะเป็นคนที่เทพเจ้าส่งมา หมอผีจึงยอมทำตามอย่างว่าง่าย
หมอผีที่เดินนำเข้าไปก่อน กลิ่นข้างในถ้ำแรงจนทะลุผ้าปิดจมูกเลยทีเดียว
หมอผีค้นพบประโยชน์ของผ้าปิดจมูกนี้ทันที
คนในเผ่าไม่ค่อยใส่ใจเรื่องสุขอนามัย ถ้ำของตัวเองยังแทบไม่ทำความสะอาดด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถ้ำที่ใช้เป็นสถานที่กักกันผู้ป่วย
เสี่ยวเป่าเห็นภาพด้านในค่อนข้างเละเทะ ทั้งยังมีกลิ่นไม่น่าพิสมัย ตอนนี้นางยืนอยู่ที่หน้าทางเข้า ทว่าจู่ ๆ เท้าก็ไม่อยากขยับ
ให้ตายเถอะ นางจะต้องเข้าไปจริง ๆ หรือ
สภาพมันเกือบจะเหมือนโรงเลี้ยงสัตว์ ทั้งยังมีเสียงไอดังออกมาจากข้างในไม่หยุด
“ไยถึงไม่เข้าไปเล่า”
เสี่ยวเป่าวิ่งกลับออกมาทันที ทั้งยังเอ่ยกับหมอผีน้ำเสียงจริงจัง
“นอนป่วยอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ แต่ยังรอดมาได้ตั้งนาน คงต้องขอบคุณร่างกายที่แข็งแกร่งของพวกเขาแล้ว”
หมอผี “???”
“ก่อนที่เราจะเข้าไปดูคนป่วย ข้าว่าเราต้องทำสิ่งหนึ่งก่อน ท่านหมอผี ท่านช่วยสั่งให้คนมาทำความสะอาดถ้ำนี้ก่อนเถิด ข้างในนั้นเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก ซึ่งมันทำให้เกิดเชื้อโรค อาการป่วยของพวกเขาจะยิ่งรุนแรง!”
เสี่ยวเป่าไม่สามารถอธิบายว่าเชื้อโรคคือสิ่งใดให้เข้าใจได้ในตอนนี้ แต่หากอยากให้ผู้คนหายป่วยก็ต้องทำความสะอาดก่อน