เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 497 เตรียมพร้อมสำหรับการรักษา
บทที่ 497 เตรียมพร้อมสำหรับการรักษา
แม้ว่าหมอผีจะไม่เข้าใจว่าเชื้อโรคคือสิ่งใด แต่เสี่ยวเป่าก็อธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับสุขอนามัยกับโรคภัยอย่างง่ายให้เขาฟังเข้าใจได้ว่ามันมีผลต่ออาการเจ็บป่วยของมนุษย์ โดยเฉพาะเมื่อคนป่วยอยู่ ความสามารถในการต้านทานโรคก็จะต่ำลงมาก สภาพแวดล้อมเช่นนี้มีแต่จะทำให้อาการแย่ลงไปอีก
หมอผี “มีคนป่วยอยู่ที่ถ้ำเจ้าสามารถไปพบพวกนั้นได้ ครอบครัวของพวกเขาก็อยู่ด้วยเช่นกัน”
เสี่ยวเป่า “ก่อนอื่น ต้องเตรียมหน้ากากเพื่อป้องกันติดเชื้อ และสั่งให้พวกเขาต้มน้ำร้อน ทางที่ดีควรต้มไว้จำนวนมาก ๆ ให้พวกเขาอาบน้ำและล้างหน้า เพื่อป้องกันไข้หวัด”
หมอผีไม่เข้าใจเรื่องนั้นเช่นกัน แต่เมื่อเห็นเด็กน้อยเอ่ยเช่นนั้นอย่างมั่นใจ เขาก็พร้อมจะเชื่อนาง
“นอกจากนี้ช่วยหากลุ่มผู้หญิงให้ข้าด้วย เสี่ยวเป่าจะพาพวกนางไปเก็บสมุนไพร”
โชคดีที่นางได้เรียนรู้วิชาแพทย์จากท่านอาจารย์มาเป็นเวลานาน ไม่เช่นนั้น อาจจะไม่สามารถคิดตำรับยาต้มเหล่านี้ และไม่สามารถช่วยคนป่วยให้หายได้
หมอผีออกไปพร้อมกับหัวหน้าเผ่าและเตรียมการตามที่เสี่ยวเป่าแนะนำ
หัวหน้าเผ่าไตร่ตรองสักครู่แล้วถามหมอผีขึ้นว่า “ท่านแน่ใจหรือว่านางรักษาคนในถ้ำได้จริง ๆ”
หมอผี “ตอนนี้เราไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว หลายคนยังมีไข้อยู่ เราไม่ควรรีรอ อย่างน้อยนางก็รู้มากกว่าข้า”
หัวหน้าเผ่าพยักหน้าตามในที่สุด
แม้ว่าเขาจะไม่ชอบใจอานั่วซือและเด็กน้อยต่างถิ่น แต่ในฐานะผู้นำ เขาต้องรับผิดชอบชีวิตทุกคนในเผ่านี้
หากเด็กหญิงตัวเล็กคนนั้นสามารถรักษาทุกคนได้จริง เขาก็ไม่รังเกียจที่จะให้เกียรติและยอมรับนางในฐานะมิตรผู้มีเกียรติของเผ่า
คำสั่งของหัวหน้าเผ่าและหมอผีถือเป็นที่สุด ทุกคนจึงปฏิบัติตามโดยทันที
เมื่อเสวี่ยรู้เรื่องนี้ นางก็อารมณ์เสียและออกไปหาคนรักของนาง
ทางด้านเสี่ยวเป่า ภรรยาหัวหน้าเผ่าเป็นผู้นำกลุ่มสตรีให้ออกเดินทางไปหานาง
พวกนางมองเสี่ยวเป่าอย่างสงสัย และอิจฉาผิวขาวราวหิมะของคนต่างถิ่นผู้นี้
บางคนถึงกับถามตรง ๆ ว่าเหตุใดนางจึงผิวขาวสว่างมากนัก
เสี่ยวเป่า “ข้าเกิดมาเป็นเช่นนี้ แต่จริง ๆ แล้วผิวของทุกคนก็สวยมากเช่นกัน เป็นความงามแบบสุขภาพดี”
“แต่หากรู้สึกว่าผิวกร้านไปเสียหน่อย ข้ารู้มาบ้างว่าสมุนไพรบางชนิดสามารถนำมาใช้ดูแลผิวพรรณได้ หลังจากที่รักษาอาการป่วยแล้ว ข้าจะช่วยทำให้เอง”
เสี่ยวเป่าเป็นเด็กปากหวาน ปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้ดี กลุ่มสตรีจึงเข้ากับนางได้อย่างรวดเร็ว
และพวกเขายังช่วยเสี่ยวเป่าในการป้องกันความหนาวเย็นจากหิมะอีกด้วย
“เสวี่ยมักจะดีกับผู้ชายมาก แต่นางมองข้าไม่ดีเลย”
“นางมีชายหนุ่มมากมายรายล้อม แต่ไม่ตกลงปลงใจกับผู้ใดเลย คนเหล่านั้นจึงพากันส่งของส่งอาหารให้นางอยู่เรื่อย ๆ”
“นางชอบดูถูกเราแต่ก็มักจะออกไปกับพี่น้องของข้า และพูดจาหว่านล้อมให้พวกเขาเอาอาหารไปให้นางที่บ้าน”
“เจ้าเถียงกับเสวี่ยจนนางไม่สามารถโต้แย้งได้ ข้าอยากทำได้บ้างช่วยสอนเราได้หรือไม่”
“เราเองก็อยากเรียนเช่นกัน”
เสี่ยวเป่า “…”
เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่จะสอนกันได้ง่าย ๆ
“เอาไว้ข้าจะสอนทุกคนหลังหาสมุนไพรเรียบร้อยแล้ว”
ให้ตาย เสี่ยวเป่าไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่ได้สอนผู้อื่นด่าคนเช่นนี้
เสี่ยวเป่าพาพวกนางออกไปด้วยกัน และพบว่ามีสมุนไพรหลากชนิด จึงขอให้ช่วยกันเก็บกลับไปเพื่อปรุงยารักษา
“หญ้าเหล่านี้ใช้รักษาโรคได้จริงหรือ”
“นี่กินได้ทั้งหมดเลยหรือ”
“เจ้ามีความรู้มากเหลือเกิน”
แม้ว่าจะได้พบกันเพียงไม่นาน แต่สตรีหลายคนก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมเด็กน้อยผู้นี้
เช่นเดียวกับหมอผี เขาได้ความรู้ใหม่มากมายเช่นกัน
ทุกคนให้การยกย่องแก่คนเช่นนี้เสมอ
สิ่งที่เสี่ยวเป่าพูดออกมาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความรู้
น่าเสียดายที่ท่านต้องอยู่ที่กองทัพเพื่อช่วยรักษาทหารบาดเจ็บ
ว่าไปแล้วเสี่ยวเป่าก็คิดถึงท่านพ่อและพี่ ๆ ขึ้นมาอีกครั้ง
คงจะดีไม่น้อยหากนางช่วยเหลือผู้คนที่นี่จากโรคระบาดได้เร็ว ๆ แล้วนำโสมเหมันต์กลับไปให้ทุกคน
ในช่วงบ่ายทุกคนรวบรวมสมุนไพรได้มากพอแล้วจึงรีบเดินทางกลับไปด้วยกัน
เมื่อกลับมาถึงเผ่า หมอผีและหัวหน้าก็รอพวกนางอยู่แล้ว
หัวหน้าเผ่ายืนอยู่ข้างหมอผีโดยไม่ได้พูดอะไร
“เราทำความสะอาดถ้ำตามที่เจ้าแนะนำแล้ว และให้ทุกคนอาบน้ำร้อนล้างหน้ากันครบทุกคนแล้ว”
การต้มน้ำร้อนอาบค่อนข้างเป็นเรื่องสิ้นเปลือง มีเพียงสตรีและเด็กบางคนเท่านั้นที่ได้ทำเช่นนั้นเป็นครั้งคราว
เสี่ยวเป่าพยักหน้า “ทำน้ำขิงให้พวกเขาดื่มกันก่อนเพื่อบรรเทาอาการ ยาอาจจะยังไม่เสร็จจนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้”
“เข้าใจแล้ว”
หลังจากที่คนป่วยได้จิบน้ำขิงร้อน ท้องเสี่ยวเป่าก็เริ่มร้องเช่นกัน
อานั่วซือนำเนื้อย่างและเห็ดย่างมาให้นาง
เขาเรียนรู้วิธีปรุงอาหารนี้จากเสี่ยวเป่า
เสี่ยวเป่าพุ่งเข้าไปหาทันที นางรู้สึกผิดที่เคยมองเขาเป็นคนหยาบกระด้างก่อนหน้านี้
แต่เมื่อได้กินอาหารเข้าไป…
แหวะ!
นี่เขาใส่เกลือไปมากเพียงใดกันแน่
“ข้าทำกินเองดีกว่า”
อานั่วซือ “กินนี่ก็ได้นี่”
เสี่ยวเป่าหัวเราะแห้ง
ทว่าหมอผีและคนอื่น ๆ ก็ทนไม่ได้กับการเห็นอาหารเหลือทิ้งอย่างสิ้นเปลือง จึงกินมันเข้าไป…
แม้ว่ามันจะเค็ม แต่ดวงตาของทุกคนก็เป็นประกาย
หมอผี “เกลือ มีเกลือจำนวนมากในเนื้อนี่”
ดวงตาของหัวหน้าเผ่าก็เป็นประกาย ไม่เพียงเท่านั้น เกลือยังไม่ขมอีกด้วย
หมอผีมองไปที่อานั่วซือ “เจ้าใส่เกลือมากเพียงนี้ได้อย่างไร มีเกลืออยู่มากมายงั้นหรือ”
อานั่วซือจึงหันไปมองเสี่ยวเป่า
เสี่ยวเป่าไม่ได้พูดอะไร อานั่วซือเริ่มจุดไฟ ส่วนเสี่ยวเป่าก็ย่างเนื้อชิ้นใหม่
จากนั้นหมอผีก็เห็นเสี่ยวเป่าทำอาหารด้วยเครื่องปรุงมากมายในขวดโหล
พวกเขาอยากรู้ว่าเสี่ยวเป่าหยิบอะไรออกมาบ้าง ภายในขวดบรรจุสิ่งใดเอาไว้
“นี่คืออะไร”
เสี่ยวเป่า “ขวดลายคราม”
“ขวดลายครามคืออะไร”
“ใช้สำหรับใส่ของ”
“แล้วข้างในคืออะไรหรือ”
“เครื่องปรุงสำหรับทำเนื้อย่าง”
หมอผีเหมือนจะมีอีกล้านคำถามที่อยากถามราวกับเป็นเด็กเล็ก ๆ หัวหน้าเผ่าเองก็ยืนฟังอย่างสนใจเช่นกัน
กลิ่นเนื้อย่างโชยหอม ทุกคนเริ่มน้ำลายสอ
เสี่ยวเป่าหิวมากจึงกินเนื้อเข้าไปเป็นคนแรก
“เนื้อจะหอมเช่นนี้ได้อย่างไร เห็ดนั้น ไม่มีพิษจริงหรือ”
เสี่ยวเป่าตอบระหว่างกินอาหาร “ไม่ ข้ารู้จักเห็ดที่ไม่มีพิษ เราเคยกินมันมาก่อน อานั่วซือและหน่วยลาดตระเวนก็เคยกินเช่นกัน ดูสิ ตอนนี้ทุกคนสบายดี”
นางชี้ไปที่แผ่นหิน “ย่างเนื้อกันเองเลย ข้าจะได้ไม่ต้องทำให้อีก”