เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 53 เสี่ยวเป่ารักพี่รองสุดหัวใจ
บทที่ 53 เสี่ยวเป่ารักพี่รองสุดหัวใจ
บทที่ 53 เสี่ยวเป่ารักพี่รองสุดหัวใจ
ชุนสี่ “องค์หญิงถามเจ้าว่าเกิดอันใดขึ้นในตำหนักองค์ชายรอง? แล้วตอนนี้องค์ชายรองอยู่ที่ใด?”
ขันทีเหงื่อแตกพลั่ก “พะ…พระสนมกุ้ยเฟยมาที่นี่”
เขาเป็นแค่ขันทีจึงไม่กล้าพูดมาก ข้ารับใช้ต้องพยายามพูดถึงเจ้านายให้น้อยที่สุดเพื่อจะได้ไม่นำภัยมาสู่ตน
เสี่ยวเป่าไม่ได้อยากให้ผู้ใดลำบากเพราะตน อีกทั้งตอนนี้นางคิดเพียงว่าต้องรีบไปหาพี่รอง จึงไม่ถามต่อให้มากความ และหอบกระโปรงตัวน้อยวิ่งเข้าไปข้างในด้วยความเร็วแสง
แต่ระหว่างทางก็หยุดถามทางจากคนนั้นคนนี้เป็นพัก ๆ จนในที่สุดนางก็ได้พบกับพี่รองของนางเสียที
“พี่รอง!”
หนานกงฉีโม่นั่งพิงข้างเตียง เสื้อผ้ายับยู่ยี่ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ยามนี้ห้องบรรทมของเขาถูกปิดทึบทั้งประตูและหน้าต่าง ตัวคนแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับความมืด
การมาเยือนของเด็กน้อยทำให้ประตูที่ปิดแน่นถูกเปิดออก แสงสว่างพลันสาดส่องเข้ามาภายในห้องที่มืดมิด
หนานกงฉีโม่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตาเหม่อลอยมองเจ้าก้อนแป้งตัวน้อยวิ่งหน้าตั้งตาตื่นเข้ามาหาเขา
“พี่รอง ๆ เป็นอันใดหรือไม่ เสี่ยวเป่ามาหาพี่รองแล้ว!”
คนตัวเล็กตั้งหน้าตั้งตาวิ่งเกินไป จนไม่ได้สนใจสิ่งที่ขวางอยู่ตรงหน้า ขาสั้น ๆ พลันสะดุดธรณีประตู ล้มลงกองบนพื้น
เสี่ยวเป่า “…”
นี่มันครั้งที่สองแล้วสินะ…
ชุนสี่รีบเข้าพยุงนางให้ลุกขึ้น “องค์หญิงเป็นอันใดหรือไม่เพคะ?”
เสี่ยวเป่ายืนขึ้นปัดฝุ่นบนเสื้อผ้าแล้วส่ายหัว “ข้าไม่เป็นไร ๆ”
จากนั้นรีบวิ่งไปหาพี่รองของนางต่อ
หนานกงฉีโม่หัวเราะเบา ๆ “ซุ่มซ่ามจริงเชียว”
เสี่ยวเป่าวิ่งไปนั่งลงข้างกายเขา ชะโงกหน้าน้อย ๆ เข้าไปสำรวจ ดวงตากลมโตกวาดมองอีกฝ่ายอย่างละเอียด
“พี่รอง เกิดอันใดขึ้นกับใบหน้าของท่าน”
คนตัวเล็กสายตาดีไม่น้อย มองเห็นบาดแผลบนใบหน้าพี่รองทั้งที่มีแสงเพียงนิด เห็นเช่นนั้นแล้วหัวใจพลันเจ็บจี๊ด หน้านิ่วคิ้วขมวดปีนขึ้นไปนั่งบนเตียง
“เจ็บมากหรือไม่ ผู้ใดทำร้ายท่าน เสี่ยวเป่าจะไปแก้แค้นให้เอง!”
คนเลว! ทำร้ายพี่ชายนางได้ลงคอ!
เจ้าก้อนแป้งโน้มเข้าไปใกล้ใบหน้าของพี่รอง ทำแก้มป่องและเป่าลมใส่แผลเบา ๆ
“เสี่ยวเป่าเป่าให้แล้ว หายเจ็บนะ”
หนานกงฉีโม่รู้ตัวว่าตนเองถูกเจ้าก้อนแป้งตัวน้อยปลอบประโลมอย่างกับเขาเป็นเด็กถึงกับพูดไม่ออก
ทว่า…ความเจ็บในใจกลับทุเลาลงหลายส่วน
“ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว”
เสี่ยวเป่าล้วงเข้าไปในกระเป๋าใบเล็กหมายจะหาผ้ามาเช็ดหน้าพี่ชาย แต่กลับไม่พบผ้าสักผืน นางจึงหยิบลูกอมออกมายัดใส่ปากเขา
“ท่านพี่กินลูกอมนี่ก่อน ของหวาน ๆ จะช่วยให้ไม่เจ็บ เสี่ยวเป่าจะไปขอยาจากท่านพ่อมาให้”
หนานกงฉีโม่ถูกจู่โจมด้วยการเอาลูกอมยัดปากนั่งอึ้งไปชั่วขณะ “…”
จากนั้นก็รีบคว้าตัวเจ้าก้อนแป้งที่กำลังจะวิ่งแจ้นไปหายามาให้เขา
“ที่นี่ก็มียา”
รสหวานจากลูกอมแผ่ซ่านไปทั่วทั้งปาก ชายหนุ่มใช้ปลายลิ้นกดเข้ากับเพดานปากอย่างไม่คุ้นชิน
เสี่ยวเป่าร้องอ๋อก่อนจะคลานกลับมา “แล้วยาของท่านพี่อยู่ที่ใดเล่า?”
หนานกงฉีโม่ “เดี๋ยวให้คนไปเอามา”
พูดจบเขาก็เรียกให้ขันทีข้างกายเข้ามา
“ไปเอายาจินชวง*[1]มา”
ขันทีได้ยินดังนั้นก็ดีใจเป็นที่สุด ในที่สุดองค์ชายก็ยอมรักษาตัวแล้ว
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
ขันทีกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมยาขวดสีทองในมือ เสี่ยวเป่ารีบขันอาสาทันที
“ข้าเอง ๆ ข้าจะทายาให้พี่รองเอง จะทำเบา ๆ ไม่เจ็บแน่นอน แต่ถ้าพี่รองเจ็บต้องรีบบอกเสี่ยวเป่าเลยนะ เสี่ยวเป่าจะได้เอาลูกอมให้อีก”
นางเอ่ยปลอบเหมือนกล่อมเด็กน้อยทายาพลางตบกระเป๋าใบเล็กที่ห้อยอยู่ข้างเอว “มีอีกเยอะเลย”
หนานกงฉีโม่ “…อันเดียวก็พอแล้ว”
เสี่ยวเป่าทายาให้พี่รองอย่างนุ่มนวล สัมผัสของนางแผ่วเบามาก ซ้ำยังเดี๋ยวทาเดี๋ยวเป่าสลับกันอยู่อย่างนั้นคล้ายกลัวว่าเขาจะเจ็บ
เพราะต้องทายาให้เขา หน้าต่างในห้องจึงถูกเปิดออกทั้งหมด บาดแผลและรอยฝ่ามือบนใบหน้าก็ยิ่งเห็นได้ชัดขึ้น
เจ้าก้อนแป้งหัวใจบอบบางน้ำตาไหลรินออกมาทันใด ราวกับบาดแผลทั้งหมดอยู่บนร่างกายตนเอง
หนานกงฉีโม่พูดขำ ๆ “ข้าเป็นคนเจ็บ ไม่ใช่เจ้า เหตุใดถึงเป็นเจ้าที่ร้องไห้ขี้มูกโป่ง?”
เสี่ยวเป่าสูดน้ำมูกกลับเข้าไป “ท่านพี่เจ็บ”
เสียงใส ๆ ของเด็กน้อยไร้เดียงสาเปล่งออกมาอย่างน่าสงสาร
เด็กน้อยเม้มปากบ่นพึมพำ “ผู้ใดชั่วร้ายถึงเพียงนี้ กล้ามาทำร้ายท่านพี่ของข้า!”
ใบหน้าเสด็จแม่แวบเข้ามาในหัวของหนานกงฉีโม่ ดวงตาคมเฉี่ยวดุจสุนัขจิ้งจอกหรี่ลง เพียงไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ
เขายกมือขึ้นบีบแก้มนุ่มนิ่มของคนตัวเล็กเบา ๆ รอยกัดบนแก้มนางที่เขากัดไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ยังคงมีอยู่
ทั้งที่เขากัดเบา ๆ แต่ผิวของเด็กน้อยอ่อนโยนเกินไป ตอนนี้มันจึงยังแดงอยู่เล็กน้อย
“จำได้หรือไม่ว่าเมื่อวานนี้ผู้ใดกัดตรงนี้?”
หนานกงฉีโม่จิ้มลงไปบนแก้มเจ้าตัวน้อยพร้อมเอ่ยถาม
เสี่ยวเป่าถามกลับอย่างใสซื่อ “เมื่อวานมีคนกัดเสี่ยวเป่าด้วยหรือ?”
ไยนางถึงจำไม่ได้เลย?
หนานกงฉีโม่ยกยิ้มมุมปากพร้อมเอ่ยตอบนางอย่างไม่รู้สึกผิดสักนิด “อืม… ไม่มี”
ส่วนเสี่ยวเป่าก็เชื่อสนิท ตั้งอกตั้งใจทายาให้พี่ชายต่อ ในระหว่างที่ทายานางยังส่งพลังวิญญาณให้ซึมเข้าไปในบาดแผลพร้อมกับยา ดังนั้นมันจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้แน่นอน
“ท่านพี่ เจ็บหรือไม่?”
หนานกงฉีโม่ “ไม่เจ็บ”
เฮ้อ… เจ้าตัวน้อยนี่พูดมากเสียจริง
แต่ตัวเขาหารู้ไม่ว่าเป็นเพราะคำพูดของนางที่ทำให้เขาลืมความขุ่นหมองในใจ
“พี่รองบาดเจ็บที่ใดอีกหรือไม่?”
หนานกงฉีโม่ “หมดแล้ว”
เมื่อทายาให้พี่รองเสร็จ เสี่ยวเป่าก็ใช้มือเล็ก ๆ รวบผมที่ยุ่งเหยิงไว้ก่อนจะพยายามมัด แต่มือของนางเล็กเกินไป พยายามอยู่หลายครั้งก็ยังไม่สำเร็จ
สุดท้ายก็เป็นนางกำนัลที่มาช่วยทำผมให้เรียบร้อยและช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า
ทันทีที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จและเดินออกมา เขาก็ถูกเจ้าก้อนแป้งกึ่งลากกึ่งจูงออกมาด้านนอกอย่างอุกอาจ
“พี่รอง ไปกันเถอะ!”
หนานกงฉีโม่ “ไปที่ใด?”
เสี่ยวเป่าโกรธมาก พองแก้มพร้อมส่งเสียงฮึดฮัดด้วยโทสะ
“ก็ไปหาคนที่ทำร้ายท่านพี่น่ะสิ เสี่ยวเป่าจะไปช่วยท่านล้างแค้น!”
ตัวกระจ้อยแค่นี้ยังคิดจะปกป้องเขา ช่างดุดันได้น่ารักเสียจริง
แต่ก็ทำให้เขาอบอุ่นหัวใจอยู่ไม่น้อย
ใบหน้าของหนานกงฉีโม่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่สื่อออกมาทั้งทางแววตาและริมฝีปาก ครั้งนี้มันไม่ใช่รอยยิ้มเสแสร้งเหมือนที่ผ่านมา
“ไม่ต้องหรอก ขนาดข้ายังสู้ไม่ได้ เจ้าไปแล้วจะสู้ได้หรือ?”
เสี่ยวเป่าได้สติและพยักหน้าอย่างขัดใจ
“จริงสิ…”
ทว่าผ่านไปเพียงครู่เดียวนางก็คว้ามือผู้เป็นพี่พร้อมออกเดินอีกครั้ง
“ไม่กลัว ถึงเราสู้ไม่ได้ก็ยังมีท่านพ่อ!”
หนานกงฉีโม่ “…”
เขาสอดมือเข้าไปใต้รักแร้เพื่ออุ้มเจ้าก้อนแป้งขึ้นมา
เสี่ยวเป่าตัวลอยพร้อมเตะขาไปมากลางอากาศ
“ท่านพี่ ท่านทำอันใดของท่าน?”
หนานกงฉีโม่อุ้มนางไว้ด้วยแขนข้างเดียว และใช้มืออีกข้างเคาะหน้าผากนางเบา ๆ
“ไม่ต้องไปหรอก แผลพวกนี้เสด็จแม่ของข้าเป็นคนทำ”
เขาบอกนางไปตรง ๆ ยามที่เสด็จแม่จะตบตีเขานางไม่เคยหลบหน้าผู้ใด ทำร้ายเขาต่อหน้าข้ารับใช้มากมายก็เคยทำมาแล้ว
อีกไม่นานเรื่องนี้ก็คงจะรู้กันทั่วทั้งวังหลวง เสด็จพ่อก็คงจะได้รู้เรื่องนี้เช่นกัน
เสี่ยวเป่าเบิกตากว้างเลิ่กลั่กทำสิ่งใดไม่ถูก พอเห็นสีหน้าพี่รองในตอนนี้ นางทั้งปวดใจและโมโหมากยิ่งขึ้น
“เพราะเหตุใด นางไม่ใช่ท่านแม่แท้ ๆ ของท่านหรือ? ถึงได้ทุบตีท่านพี่เช่นนี้!”
ท่านแม่ของเสี่ยวเป่ารักเสี่ยวเป่ามาก จึงไม่เคยตีนางเลยสักครั้ง
เด็กเล็กไม่เข้าใจเลย
หนานกงฉีโม่ “เพราะนางไม่อยากให้ข้าไปเมืองชายแดน”
เสี่ยวเป่ายังคงจ้องเขาไม่วางตา
หนานกงฉีโม่บีบจมูกน้อย ๆ ของน้องสาว “เมืองชายแดนอันตรายมาก นางกลัวว่าข้าจะเอาชีวิตไปทิ้งที่นั่น”
นางกลัวว่าหากเขาตายแล้วนางจะไม่มีบุตรชายมาแย่งชิงตำแหน่งให้นาง
[1] ยาจินชวง หมายถึง ยารักษาบาดแผล