เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 57 ญาติผู้พี่เยอะดีทีเดียว
บทที่ 57 ญาติผู้พี่เยอะดีทีเดียว
บทที่ 57 ญาติผู้พี่เยอะดีทีเดียว
หนานกงฉีหลิงมองไปทางด้านหลังคนตัวเล็ก สายตาพลันปะทะเข้ากับเสด็จพ่อที่กำลังมองมาทางเขานิ่ง ๆ
รอยยิ้มบนใบหน้ามลายหายไปในพริบตา เขาอุ้มน้องเดินไปหาเสด็จพ่อด้วยท่าทางกล้า ๆ กลัว ๆ
“ถวายพระพรเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ”
จากนั้นองค์ชายที่เหลือก็ถวายความเคารพเช่นกัน
หนานกงสือเยวียนชำเลืองมององค์ชายทั้งหลาย พยักหน้าให้เหมือนคนไร้อารมณ์ความรู้สึก เมื่อเห็นว่าหนานกงหลีวิ่งมาอย่างร่าเริงเหมือนผีเสื้อ เขาก็เอ่ยเสียงเรียบ
“ในเมื่อมาถึงกันหมดแล้ว เช่นนั้นก็เริ่มปลูกข้าวกันเถอะ”
เซียวเหยาอ๋องวิ่งตัวปลิวเข้ามาหาอย่างหน้าชื่นตาบาน ทว่าได้ยินเสด็จพี่ของตนเอ่ยเช่นนั้น ใบหน้าก็เริ่มถอดสี เขารีบกางพัดปิดบังใบหน้า และค่อย ๆ ก้าวขาถอยหลังอย่างมีชั้นเชิง
“เซียวเหยาอ๋อง…”
แต่ก็ไม่เป็นผล…
เซียวเหยาอ๋องสวมเสื้อผ้าอาภรณ์สีฉูดฉาดเช่นนี้มีหรือผู้ใดจะมองไม่เห็น?
ซ้ำยังมีบุตรชายอีกโขยงหนึ่งตามหลังมาติด ๆ
“ในฐานะผู้อาวุโส เจ้าต้องทำเป็นแบบอย่าง”
หนานกงหลี “…”
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้นกล้ากับต้นหญ้ามันต่างกันอย่างไร!
เขาแค่ได้ยินข่าวว่าเสด็จพี่จะพาเสี่ยวเป่าออกจากวัง หนานกงหลีจึงอยากพาบุตรชายมาที่นาหลวงด้วย
แต่เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำงาน เขาแค่จะมาเล่นกับเสี่ยวเป่า!
หลานสาวโบกมือน้อย ๆ ให้เซียวเหยาอ๋อง
“ท่านอาเจ็ด!”
พอมองผ่านไปก็เห็นเหล่าชายหนุ่มที่กำลังตามหลังอาเจ็ดมา
แต่ละคนเป็นตัวของตัวเองสุด ๆ แต่ทั้งหมดล้วนเป็นพี่ชายที่หน้าตาดี!
“ท่านพี่!”
“ว่าอย่างไร!”
พี่ชายฝาแฝดสองคนเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ เซียวเหยาอ๋องเอ่ยตอบเสียงสดใสในทันที
ชายหนุ่มอีกสิบกว่าคนมองเสี่ยวเป่าเป็นตาเดียว เป็นจริงอย่างที่พี่ใหญ่พี่รองเคยบอก น้องสาวของพวกเขาทั้งน่ารักและอ่อนโยนเป็นที่สุด!
ผู้ดูแลนาหลวงที่กำลังรออยู่ได้รับรายงานว่าพวกเขามาถึงแล้ว
เขาจึงพาข้ารับใช้และชาวนาจำนวนหนึ่งมาถวายความเคารพ
“ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี”
หนานกงสือเยวียนโบกมือ“ลุกขึ้นเถอะ แล้วไปเอาต้นกล้าทั้งหมดลงจากรถม้า”
หนานกงหลีที่ไม่อาจหนีได้ จึงได้แต่ยืนรอข้าง ๆ เสี่ยวเป่า
“มาจุ๊บ ๆ อาเจ็ดหน่อย”
เสี่ยวเป่าที่ยังถูกพี่ห้าอุ้มอยู่ไม่รอช้าโน้มใบหน้านุ่มนิ่มเข้าไปหาอาเจ็ดทันที
“ท่านอาเจ็ด!!!”
หนานกงหลีหัวใจพองโตขึ้นทันทีที่ถูกเจ้าก้อนแป้งเรียกด้วยเสียงหวาน ๆ ของเด็กน้อยฟันน้ำนม สวรรค์! ไยเจ้าตัวเล็กนี่ไม่มาเกิดเป็นบุตรสาวของเขา!
“มา! เดี๋ยวข้าจะแนะนำให้รู้จัก คนเหล่านี้เป็นญาติผู้พี่ของเจ้า”
การแนะนำก็จบลงเพียงเท่านั้น
ญาติผู้พี่ยะ…เยอะจริงเชียว!
เสี่ยวเป่าจ้องมองลูกพี่ลูกน้องของตัวเองด้วยดวงตาที่สดใส จากนั้นก็กะพริบตาให้อาเจ็ดอย่างว่างเปล่า
“ท่านอาเจ็ด คนไหนเป็นญาติผู้พี่คนโต คนไหนเป็นญาติผู้พี่คนรอง และคนไหนเป็นญาติผู้พี่คนที่สาม…”
หนานกงหลี “…เอ่อ ข้าบอกไปเจ้าก็จำได้ไม่หมดหรอก เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าอยากเรียกอย่างไรก็ตามใจเจ้าเลย”
บุตรชายหนึ่งโขยง “…”
เหอะ!… ท่านพ่อเองก็จำไม่ได้ต่างหาก! เขาจำชื่อบุตรชายบางคนไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่ถึงอย่างนั้น ในจวนก็ไม่เคยขาดแคลนอาหารและเครื่องนุ่งห่ม เขาจึงสามารถเลี้ยงดูบุตรมากมายขนาดนี้ได้
เพียงแต่ความสัมพันธ์ฉันพ่อลูกมันห่างเหินเกินไปก็เท่านั้น
เซียวเหยาอ๋องเป็นบุรุษเจ้าสำอางผู้ชื่นชอบสาวงาม แต่เขาก็ไม่ได้หลงใหลในสตรีจนเกินพอดี ยังคงให้เกียรติพระชายาของตนมาก แม้ในจวนจะมีความขัดแย้งเล็ก ๆ น้อยๆ เป็นครั้งคราว แต่ก็หาได้มีความวุ่นวาย
และที่เขามีบุตรชายมากมายถึงเพียงนี้ มันก็มีสาเหตุมาจากเขาต้องการมีธิดา ทุกครั้งที่มีคนตั้งครรภ์ เขาจะภาวนาและรอบุตรสาวอย่างใจจดใจจ่อ แต่สุดท้ายบุตรชายก็ถือกำเนิดอยู่ร่ำไป ทว่าเขาก็ปฏิบัติต่อบุตรชายทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เพราะคิดว่าการที่ตนให้กำเนิดบุตรชายมากมายเช่นนี้ อาจเป็นเพราะฮวงจุ้ยของจวนที่ทำให้เขาไม่อาจมีบุตรสาวได้
และเพราะต้องเผชิญกับโชคชะตาที่หนักอึ้งเช่นนี้ ทุกคนจึงยังคงอยู่อย่างเห็นอกเห็นใจกัน
เสี่ยวเป่าพยายามทำความรู้จักญาติผู้พี่ แล้วนางก็พบว่าญาติผู้พี่มีมากเกินไป นางไม่สามารถใช้เพียงสายตาแยกว่าใครเป็นใครได้ นางกำลังปวดหัวตาลาย
หนานกงเหิงผู้เป็นบุตรชายคนโตของหนานกงหลีปลอบใจนาง “ไม่เป็นไรหรอกญาติผู้น้อง หากพวกข้าไม่ได้โตมาด้วยกันก็คงแยกกันไม่ออกเหมือนเจ้า รอให้ผ่านไปนานกว่านี้เดี๋ยวเจ้าก็จำได้เอง”
ขนาดท่านพ่อที่รู้จักกันมาตั้งแต่พวกเขาเกิดยังแยกพวกเขาแทบไม่ออก
เสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “เป็นเช่นนั้นก็คงดี”
ญาติผู้พี่กลุ่มหนึ่งพิศดูนางอยู่นานสองนาน
ญาติผู้น้องตัวน้อยไม่เพียงบอบบางน่ารักและอ่อนโยนเท่านั้น แม้แต่น้ำเสียงที่นางเปล่งออกมาก็ยังอ่อนหวาน ซ้ำยังเป็นเด็กดีสุด ๆ พวกเขาพอจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใดผู้เป็นบิดาถึงอยากได้บุตรสาวมากถึงเพียงนั้น
ต้นกล้าบนรถม้าถูกขนลงมาทั้งหมด ชาวนาเฒ่าผู้คลุกคลีกับการเพาะปลูกมาเกือบทั้งชีวิตเห็นต้นกล้าที่มีรากเขียวชอุ่ม ต้นโตแข็งแรง ดวงตาพลันเป็นประกายราวกับเจอขุมทรัพย์
หากฝ่าบาทไม่ได้ทรงอยู่ที่นี่ พวกเขาคงรีบเข้าไปกอดต้นกล้าเหล่านั้นแล้วเรียกพวกมันว่า “เจ้าต้นกล้าลูกรัก”
ผู้ดูแลนาหลวงเองก็มองต้นกล้าอย่างตื่นเต้น
“ขอประทานอภัยฝ่าบาท พระองค์จะทรงอนุญาตให้กระหม่อมตรวจดูต้นกล้าเหล่านี้ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
หนานกงสือเยวียนพยักหน้า คนกลุ่มหนึ่งที่ตื่นเต้นแทบรอไม่ไหวรีบไปหยิบต้นกล้าขึ้นมาสังเกตอย่างระมัดระวัง
“งดงาม…งดงามมาก!”
ชาวนาเฒ่าอดไม่ได้ที่จะชื่นชมด้วยความตื่นเต้น พืชพันธุ์ที่มีคุณภาพดีเช่นนี้ถือเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับพวกเขา
หนานกงหลีไม่เข้าใจความรู้สึกพวกนั้น “มันก็แค่ต้นกล้า พวกเจ้าตื่นเต้นอันใดกัน?”
หนานกงสือเยวียนเหลือบมองเขาพร้อมกับนัยน์ตาที่สลักคำว่า ‘ไร้ประโยชน์’
หนานกงหลีเขี่ยจมูกตนเองอย่างเขินอาย
“ท่านอ๋อง ท่านไม่รู้หรอกว่าทั้งชีวิตของชาวนา พันธุ์ข้าวที่ดีนั้นไม่ต่างอันใดกับความสำเร็จสูงสุดของพวกเขา และหากมีพันธุ์ข้าวดีซ้ำยังให้ผลผลิตสูง ก็นับว่าเป็นสิ่งดี ๆ ที่สวรรค์ส่งมาโปรด!”
ได้แต่หวังว่าต้นกล้าเหล่านี้จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง วันข้างหน้าจะเติบโตเป็นต้นข้าวที่แข็งแรง
ฝูไห่กงกงติดตามหนานกงสือเยวียนมาหลายปี เขาย่อมรู้เรื่องต่าง ๆ ไม่น้อย
หนานกงหลีพยักหน้า แม้เขาจะไม่ค่อยเข้าใจสีหน้าตื่นเต้นและมีความสุขของชาวนาเฒ่าที่สวมเสื้อสั้นผ้าดิบสักเท่าไหร่ แต่เขาก็คิดว่ามันคงเป็นเรื่องดี
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ มิทราบว่าต้นกล้าเหล่านี้ได้มาจากที่ใด?”
หนานกงสือเยวียนรีบเรียกหาเสี่ยวเป่า
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของท่านพ่อ เสี่ยวเป่าที่กำลังเล่นจับตั๊กแตนในทุ่งหญ้ากับเหล่าพี่ชายอยู่ดี ๆ ก็ทิ้งพี่ชายแล้ววิ่งมาหาท่านพ่ออย่างเร็วไว
“ท่านพ่อ…”
เสียงหวานละมุนจนคนฟังแทบกระอักน้ำตาลตาย
หนานกงสือเยวียนวางฝ่ามือใหญ่บนศีรษะน้อย ๆ เส้นผมนุ่มนิ่มของเจ้าตัวเล็ก ก่อนจะเอ่ยตอบผู้ดูแลนาหลวง
“ธิดาของข้าเป็นคนปลูกมัน”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูภาคภูมิใจจนปิดไม่มิด
ผู้ดูแลและชาวนาเฒ่า “!!!”
ฝ่าบาทจะทรงโป้ปดกันซึ่ง ๆ หน้าเช่นนี้ไม่ได้!
ทว่าเห็นท่าทางจริงจังของฝ่าบาทแล้ว พวกเขาอดไม่ได้ที่จะทอดสายตาไปยังองค์หญิงน้อยที่ดูใสซื่อไร้เดียงสา
เสี่ยวเป่ายังคงสับสนกับสิ่งที่พวกเขากำลังพูดถึง ใบหน้าฉงนของนางจึงดูโง่งมเป็นพิเศษ
ยิ่งเพิ่งไปเล่นมา ก็ยิ่งเชื่อไม่ได้
หนานกงหลีโบกพัดในมือ “ไยพวกเจ้าจึงไม่เชื่อ เสด็จพี่ของข้าหาได้ล้อพวกเจ้าเล่น หลานสาวข้าเป็นคนปลูกมันจริง ๆ ข้าผู้นี้เห็นกับตาตนเอง”
ในที่สุด เสี่ยวเป่าก็เข้าใจสิ่งที่พวกเขากำลังพูด นางหลังตรงยืดอกด้วยความภาคภูมิใจ
ถูกต้องที่สุด นางเป็นคนปลูกพวกมันเองกับมือ!