เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช - บทที่ 61 พี่สามชื่นชอบเจ้าขนปุกปุย
บทที่ 61 พี่สามชื่นชอบเจ้าขนปุกปุย
บทที่ 61 พี่สามชื่นชอบเจ้าขนปุกปุย
สุดท้ายเสด็จพ่อก็ตามใจเขา เขาจึงได้อยู่ที่ตำหนักเดิมของเสด็จแม่กับเหล่าขันที
ทว่าในวังหลวง ขันทีดูคนก่อนยกอาหาร*[1] หนานกงฉีอวิ๋นไม่มีมารดาคอยปกป้อง ขันทีบางคนจึงจงใจริบเบี้ยหวัดของเขาเอาไว้เอง บ้างก็บอกว่าเขาเป็นตัวซวย ทำให้เสด็จแม่ของตนเองต้องตาย ซ้ำยังเป่าหูเขาว่าฝ่าบาทไม่ต้องการเขาแล้ว
สำหรับเด็กที่จิตใจบอบบาง ทั้งยังอยู่ในช่วงอ่อนไหวจากการสูญเสียมารดาผู้ให้กำเนิดแล้ว สิ่งเลวร้ายยิ่งฝังลึกในจิตใจจนไม่อาจเลือนหายไปตามกาลเวลา หนานกงฉีอวิ๋นเริ่มตีตัวออกห่างจากผู้คนเรื่อย ๆ จนกลายเป็นคนพูดน้อย และแทบไม่พูดคุยกับผู้ใดเลย
ผ่านไปไม่นานเสด็จพ่อก็รู้เรื่อง ฮ่องเต้กริ้วหนักและจัดการกับขันทีพวกนั้นอย่างสาสม เหล่าซานถึงได้มีชีวิตที่ดีขึ้น
ถึงกระนั้นพฤติกรรมชอบเก็บตัวของเขาก็ไม่อาจแก้ไขได้
หนานกงฉีอวิ๋นยืนจับมือเสี่ยวเป่านิ่ง ไม่พูดไม่จา เขาเพียงพยักหน้าอย่างเย็นชาให้ทุกคนที่ทักทายเขา มันยิ่งทำให้ดูเข้าหายากยิ่งขึ้น
หนานกงฉีโม่ยังคงส่งยิ้มผ่านทางแววตา “ในเมื่อมากันครบแล้ว เช่นนั้นก็รีบไปกันได้แล้ว”
เสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างมีความสุข “ออกเดินทางได้!”
หนานกงฉีเฉินรีบฉวยมืออีกข้างของเสี่ยวเป่ามาครอบครองไว้ด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง พร้อมกับส่งสายตาท้าทายให้หนานกงฉีอวิ๋นอีกด้วย
ทว่าหนานกงฉีอวิ๋นไม่แม้แต่จะปรายตามองมาที่เขา เพราะสายตาของชายหนุ่มยังจดจ่ออยู่ที่เจ้าก้อนแป้ง ประจวบเหมาะกับคนตัวเล็กขยับเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ มืออีกข้างจึงยกขึ้นลูบผมหนานุ่มของนางทันที จากนั้นมุมปากที่เคยเหยียดตรงก็โค้งขึ้นเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าทุกคนพร้อมแล้ว เสี่ยวเป่าก็ออกเดินเพื่อพาพี่ชายทั้งหลายขึ้นไปเที่ยวเล่นบนภูเขาด้วยท่าทางองอาจ
มีบรรดาพี่ชายทั้งหลายเดินตามอยู่ข้างหลัง นางช่างน่าเกรงขามเสียนี่กระไร!
หนานกงฉีโม่เห็นท่าทางอวดดีของคนตัวเล็กก็อดยกยิ้มขบขันนางไม่ได้ เจ้าตัวเล็กนี่แทบจะเขียนทุกอย่างในใจไว้บนใบหน้าแล้วจริง ๆ
แม้ยามนี้จะไม่ใช่ฤดูเก็บเกี่ยว แต่ก็เป็นช่วงที่ดอกไม้บานสะพรั่ง
แม้ดอกไม้ป่าดอกเล็กบนภูเขาจะไม่สวยงามเท่าดอกไม้หายากและล้ำค่า ทว่ายามที่ดอกเล็ก ๆ เหล่านั้นอยู่รวมกันเป็นพุ่ม มันก็ดูสดใสมีชีวิตชีวาในแบบของมัน
หนานกงฉีเฉิน “เสี่ยวเป่า เจ้านี่คือเห็ดชนิดใด กินได้หรือไม่?”
พอรู้ว่าเสี่ยวเป่าสามารถแยกแยะเห็ดได้ กลุ่มชายหนุ่มผู้มีจิตวิญญาณอันสูงส่งจึงตั้งหน้าตั้งตาเก็บเห็ดเพื่อเอามาถามเสี่ยวเป่า
“ท่านพี่ เจ้านี่กินไม่ได้ มันคือเห็ดพิษเจ้าค่ะ”
หนานกงฉีเฉินเกาหัวแกรก ๆ “ก็เจ้าบอกเองว่าพวกที่สีไม่สวยไม่มีพิษไม่ใช่หรือ? เจ้านี่ก็สีไม่สวยเหมือนกันนะ”
เสี่ยวเป่า “เจ้านี่กินไม่ได้จริง ๆ โยนทิ้งเร็วเข้า”
“เข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะไปดูคนอื่นสักหน่อย”
คนส่วนใหญ่หาเห็ดอย่างตื่นตาตื่นใจ แต่หนานกงฉีโม่กลับยืนพิงต้นไม้อย่างไม่สนใจไยดี ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่
พี่สามก็ไม่ต่างกัน ตั้งแต่ก้าวพ้นประตูออกมา เขาก็เอาแต่ตัวติดอยู่ข้าง ๆ นางไม่ห่างเลย
เสี่ยวเป่ามองคนข้างกายตาปริบ ๆ “พี่สาม ไยท่านไม่ลองไปเก็บเห็ดสักหน่อยเล่า?”
หนานกงฉีอวิ๋นหลบตา “ไม่อยากไป”
เสียงของเขาชวนให้คนฟังความรู้สึกเศร้าสร้อย แต่ก็ดูไพเราะน่าฟัง
“แล้วพี่สามอยากทำสิ่งใด?”
หนานกงฉีอวิ๋นเบนสายตากลับมามองนาง “กระรอก กระต่าย”
เสี่ยวเป่าตาเบิกกว้าง ที่แท้พี่สามก็มาที่นี่เพราะเจ้าพวกนี้!
“พี่สามชอบสัตว์ตัวเล็ก ๆ สินะ!”
หนานกงฉีอวิ๋นเริ่มหูแดงอีกครั้ง
เสี่ยวเป่าผุดลุกขึ้นพร้อมเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ “ไปกัน เสี่ยวเป่าจะพาพี่สามไปหาเจ้ากระรอกน้อยเอง!”
พูดจบ นางก็ออกวิ่งพร้อมลากคนข้างกายตามไปด้วย
กระรอกน้อยขี้อาย พวกมันวิ่งหนีทันทีที่เห็นคน บริเวณที่มีผู้คนเยอะขนาดนี้อย่าหวังว่าจะได้เห็นพวกมัน เสี่ยวเป่าจึงพาเขาไปในที่ที่มีคนน้อย
นางไม่ลืมที่จะก้มเก็บลูกสนและลูกโอ๊กที่เจ้ากระรอกชอบกินไปด้วย
“พี่สามรับไปสิ เสี่ยวเป่าพกถั่วกับเมล็ดแตงโมมาด้วย!”
ในระหว่างที่พูด นางก็หยิบถั่วกับเมล็ดแตงโมออกมาจากกระเป๋าใบเล็กของนางจริง ๆ
ของพวกนี้คือของว่างที่นางพกมาด้วย
หนานกงฉีอวิ๋นขมวดคิ้ว ขณะที่ในมือยังถือสิ่งที่เสี่ยวเป่าให้มา“พวกมันจะออกมาจริง ๆ หรือ?”
เสี่ยวเป่าให้คำมั่น “ต้องได้ผลแน่นอน”
คนอื่นไม่สามารถดึงดูดกระรอกตัวน้อยได้ แต่นางเป็นภูตพฤกษาตัวน้อยเชียวนะ จะไม่ได้ผลจริงหรือ?
ดวงตากลมโตมองซ้ายมองขวา ในไม่ช้าเสี่ยวเป่าก็พบเป้าหมาย
“เจ้ากระรอกน้อย… มาทางนี้”
เสี่ยวเป่าพาพี่สามไปยืนใต้ต้นไม้ กวักมือเรียกกระรอกน้อยหางปุกปุยที่อยู่บนต้นไม้
หนานกงฉีอวิ๋นเองก็จ้องกระรอกบนต้นไม้เหมือนกัน มันเป็นกระรอกสีแดงสวยงาม
สัตว์เล็กมองลงมาอย่างระแวดระวัง แต่ก็ไม่ได้วิ่งหนีไป
“ลงมาสิเจ้ากระรอกน้อย มีของอร่อยด้วยนะ~” เสี่ยวเป่าเขย่าถั่วในมือ
หนานกงฉีอวิ๋น “…”
มันจะได้ผลจริงหรือ?
ทว่าภาพตรงหน้าในชั่วพริบตาต่อมาก็ให้คำตอบว่ามันได้ผลจริง ๆ
เพียงเสี่ยวเป่าส่งเสียงเรียก เจ้ากระรอกน้อยก็รีบวิ่งลงมาจากต้นไม้แล้วกระโดดขึ้นไปบนตัวของเด็กน้อยทันที
กระรอกขนสีแดงสวยงาม ตัวเท่าฝ่ามือผู้ใหญ่ แต่สำหรับเสี่ยวเป่าก็ถือว่าใหญ่อยู่สักหน่อย
กระรอกยืนอยู่บนไหล่เล็ก กอดถั่วด้วยอุ้งเท้า จากนั้นก็เริ่มแทะถั่วด้วยฟันหน้าสองซี่ของมัน
เสี่ยวเป่าหันมองพี่สามด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ
“ท่านพี่ดู เสี่ยวเป่าบอกแล้วว่าเจ้ากระรอกต้องมา”
หนานกงฉีอวิ๋นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ม่านตาจะขยายขึ้นเล็กน้อย เขาตั้งใจมองเจ้าตัวน่ารักทั้งสองที่อยู่ตรงหน้า
“มาจริงด้วย”
เสี่ยวเป่าลูบหัวกระรอกน้อยแล้วค่อย ๆ จับมือพี่สามไปลูบมัน
“มันเชื่อง”
หนานกงฉีอวิ๋นพยักหน้าเพราะเห็นด้วยสุด ๆ รอยยิ้มที่หายากฉายออกมาจากแววตาที่เคยหม่นหมองของเขา
พอเห็นว่าพี่สามยิ้มออกแล้ว เสี่ยวเป่าก็ยิ่งคึก
หนานกงฉีโม่ที่กำลังเดินตามหาคน สายตาพลันปะทะเข้ากับคนสองคนที่ล้อมรอบด้วยฝูงกระรอกน้อยใหญ่ ตัวอ้วนผอมแตกต่างกันไป
เสี่ยวเป่ายังดีที่มีเพียงกระรอกตัวเล็กหนึ่งตัวบนหัว สองตัวบนไหล่ หางปุกปุยพันรอบคอนางดูจะอบอุ่นมาก
แต่หนานกงฉีอวิ๋นนั้นถูกรุมอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้เขานั่งอยู่บนพื้น ถือผลไม้แห้งไว้ในมือ และจดจ่ออยู่กับการให้อาหารกระรอกตัวน้อยรอบ ๆ ตัวเขา ท่าทางสนุกสนานกับสิ่งที่ทำอยู่อย่างยิ่ง
เสี่ยวเป่าพยายามควานหาของในกระเป๋าใบเล็ก ก่อนจะเริ่มเบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้
“พี่สาม ของว่างของเสี่ยวเป่าไม่เหลือแล้ว!”
ถั่วเม็ดสุดท้ายในมือหนานกงฉีอวิ๋นถูกกระรอกตัวหนึ่งคว้าไปแล้ว ตัวที่เหลือพากันมาสำรวจมือเขา แต่ก็ไม่พบสิ่งใด ได้แต่มองเขาตาปริบ ๆ ท่าทางน่าสงสารเหลือทน
หนานกงฉีอวิ๋นกล่าว “เดี๋ยวข้าจะไปหามาให้พวกเจ้าใหม่นะ”
หนานกงฉีโม่แทบอยากขยี้ตาตนเอง ที่นี่มีกระรอกเยอะขนาดนี้เลยหรือ?
“พวกเจ้ากำลังทำสิ่งใดกันอยู่หรือ?”
เสียงที่แทรกเข้ามาพาให้กระรอกน้อยขี้อายวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่รีบวิ่งขึ้นไปบนต้นไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ
เสี่ยวเป่าเห็นพี่รองก็ดวงตาเป็นประกาย
“พี่รอง พวกเรากำลังให้อาหารกระรอกน้อย ท่านอยากมาให้ด้วยกันหรือไม่?”
หนานกงฉีโม่ค่อย ๆ เดินเข้าไป กระรอกที่ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้เริ่มโผล่หัวออกมาทีละตัวสองตัว
“ข้าอยากรู้มากกว่าว่าเจ้าตัวเล็กพวกนี้มาจากที่ใด”
หนานกงฉีอวิ๋นเหลือบมองเสี่ยวเป่า เขาแปลกใจที่เห็นนางเดินวนไปรอบ ๆ พวกกระรอกก็วิ่งกลับมา บางทีนางแค่กวักมือเรียก พวกมันก็วิ่งมาหาทันที
เสี่ยวเป่าแสร้งทำเป็นไม่รู้ “เสี่ยวเป่าแค่เรียกพวกเขาก็มาแล้ว”
หนานกงฉีโม่หรี่ตามองคนตัวเล็กทันที เจ้าเด็กโง่งมนี่คิดจะโกหกผู้ใดกัน?
[1] ดูคนก่อนยกอาหาร หมายถึง ปฏิบัติต่อผู้คนแตกต่างกัน