เมื่อผมโดนระบบครองร่าง - บทที่ 157 รับรองว่าอสรพิษตัวนี้จะไม่มีวันหลอกปีศาจได้อีก
บทที่ 157 รับรองว่าอสรพิษตัวนี้จะไม่มีวันหลอกปีศาจได้อีก
หลังจากอัศวิน A หารือมาตรการการชดเชยกับสำนักงานสัจธรรมแล้วก็เก็บตัวฝึกฝนสามวัน หลังจากนั้นก็รีบไปยังสถานที่นัดหมายเพื่อพบกับอินทรีสวรรค์
อินทรีสวรรค์พอเห็นมังกรเพลิงก็เอ่ยขึ้น “พี่มังกร ข้ามอบหมายตำแหน่งหัวหน้าเผ่าให้คนอื่นแล้ว พวกเราออกไปตามหาอสรพิษตัวนั้นได้แล้ว…”
มังกรเพลิง “ดีมาก สามวันมานี้ข้าค่อนข้างกังวลทีเดียว”
อินทรีสวรรค์ “ขออภัยๆ ข้าทำให้งานใหญ่ปราบอธรรมผดุงคุณธรรมของพี่มังกรล่าช้า ข้าละอายใจจริงๆ เพราะในบรรดาลูกๆ ของข้าหาใครฉลาดเหมือนข้าไม่ได้เลย ทำได้แต่เลือกคนที่เก่งที่สุดเท่าที่จะมี แต่คนโง่มักจะมีวาสนาของคนโง่ อย่างน้อยพวกมันไม่เหมือนข้าที่กำลังเผชิญกับหายนะความชั่วของจิตใจ หลังจากที่กำจัดอสรพิษเจ้าเล่ห์ตัวนั้นได้ พวกมันคงมีปัญญาเพียงพอที่จะดำรงอยู่ในโลกใบนี้ได้”
ฟางหนิงแอบพูดกับระบบ “หมอนี่หลงตัวเองจริงๆ…”
ระบบ “เหมือนกับโฮสต์นั่นแหละ”
ดวงตาของนกอินทรีคมกริบมีประโยชน์กว่าดวงตามังกรตัวปลอมมาก
หลังจากที่อินทรีสวรรค์นำมังกรเพลิงบินไปรอบๆ บนท้องฟ้าเป็นเวลานานแล้วก็บินไปกลับทั่วทั้งดินแดนมรดกที่มีขนาดไม่ใหญ่หลายรอบ และในไม่ช้าก็พบร่องรอยการเลื้อยบนพื้นของงูจงอาง
อีกฝ่ายพยายามพรางตัวเลื้อยไปกลางป่าและภูเขา ไม่ค่อยปรากฏร่องรอยบนที่ราบกว้างเป็นเวลานาน
อินทรีสวรรค์กระพือปีกชี้ไปที่ป่าเบื้องล่างไกลออกไปพลางเอ่ยขึ้น “สุดท้ายเชสเลื้อยเข้าไปในป่านั่น ที่นั่นมีเผ่าปีศาจกิ้งก่ากลุ่มใหญ่และมีอัจฉริยะสองตัว”
มังกรเพลิง “ดี งั้นเรารีบไปกันเถอะ”
อินทรีสวรรค์มองรูปลักษณ์ของมังกรเพลิง สายตาเผยความลำบากใจ “บุคลิกสง่างามของพี่มังกรอย่างนี้ เกรงว่าถ้าพี่เข้าไปใกล้กว่านี้ เจ้างูจงอางจะสังเกตเห็น”
มังกรเพลิง “อ้อ เรื่องนี้ไม่ยาก…”
อัศวิน A พูดแล้วก็เปลี่ยนกลับเป็นร่างเดิมลอยกลางอากาศ กลิ่นอายถูกซ่อนไว้ลึกๆ ไร้ซึ่งร่องรอยของอานุภาพมังกร
อินทรีสวรรค์ตกตะลึงก่อนที่จะชื่นชมมาก “ร่างมังกรแท้เปลี่ยนได้ตามใจต้องการ และไม่ใช่ตัวปลอม น้องชายใช้ดวงตาศักดิ์สิทธิ์มองทะลุความเป็นจริงของสรรพสิ่งในโลกได้ แต่คนที่มังกรแท้แปลงร่าง ไม่ว่าจะมองยังไงก็รู้สึกว่าเป็นคน อีกทั้งปราศจากร่องรอยของมังกรแท้หลงเหลืออยู่เลย…
“เพียงแค่รูปร่างหน้าตาดูเหมือนจะได้รับการปรับเล็กน้อย รูปงามเช่นนี้ มองแล้วยากจะลืมเลือน ดูเหมือนว่าพี่มังกรกับข้าต่างก็มีความคิดเห็นเหมือนกัน”
ระบบ “ระบบฟังไม่เข้าใจว่านกงี่เง่าตัวนี้กำลังพูดถึงเรื่องอะไร โฮสต์ช่วยแปลให้ฟังหน่อยสิ”
ฟางหนิงพูดไม่ออก “มันมีสองความหมาย ข้อแรก มันมองไม่ออกว่ามังกรเพลิงเมื่อครู่แต่เดิมเป็นมนุษย์ที่แปลงร่างมา… ข้อสอง มันเข้าใจเทคนิคการแปลงโฉมของแกเป็นศิลปะการแต่งหน้า คิดว่าแกเป็นคนหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตา”
ระบบ “เอ๊ะ ข้อแรก พูดได้ดี ‘การแปลงร่างมังกร’ เป็นเวอร์ชันที่สมบูรณ์แบบที่ระบบทำได้ มันไม่ใช่สิ่งที่นกโง่ๆ อย่างมันจะมองออก ข้อที่สอง โฮสต์วิเคราะห์ออกมาได้อย่างไร ดวงตาศักดิ์สิทธิ์ของมันร้ายกาจจริงๆ สามารถมองเห็นร่องรอยการแปลงโฉมของระบบได้”
ฟางหนิง “ไร้สาระน่า ตอนที่ฉันเห็นมันหลงใหลกับภาพเหมือนหล่อเหลาของมันจนถอนตัวไม่ขึ้นก็รู้ว่ามันเป็นคนให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตาอย่างไม่ต้องสงสัย”
ระบบ “อย่างนี้นี่เอง มันพูดว่า ‘มองแล้วยากจะลืมเลือน’ ดูท่าระบบจะแปลงโฉมมาถูกต้องแล้ว การแปลงโฉมให้มีหน้าตาหล่อเหลาเพิ่มชื่อเสียงได้ง่ายจริงๆ”
ฟางหนิง “ฉันก็ว่าทำไมแกถึงทำให้อัศวิน A หล่อขนาดนี้ เพราะแกไม่น่าจะมีความรู้สึกเกี่ยวกับความงามและความอัปลักษณ์ ที่แท้ยังมีเหตุผลนี้เอง….
ในเวลานี้ อินทรีสวรรค์พาอัศวิน A ร่อนลงไปชายป่าด้านล่างก็พบทางเข้าของงูที่เลื้อยเข้าไปในป่า
มันถึงค่อยเอ่ยขึ้น”ขอโทษด้วย พี่มังกร ข้าไม่สะดวกที่จะผ่านป่านี้ ข้าจะขึ้นไปคอยช่วยเหลือบนท้องฟ้า”
อัศวิน A “ไม่เป็นไร ข้าจัดการคนเดียวก็พอ”
ในขณะนี้ ฟางหนิงรู้สึกรางๆ ถึงอันตรายที่มาจากป่าด้านหน้าและเขารู้สึกคุ้นเคยกับอันตรายนี้มาก ดูเหมือนว่างูจงอางจะอยู่ข้างใน
ฟางหนิง “น่าเสียดาย ฉันคิดว่านกอินทรีตัวนี้จะทิ้งระเบิดจากมุมสูงได้ ถ้าอย่างนั้นจะได้ปลอดภัย นึกไม่ถึงงูจงอางตัวนี้จะฉลาดแกมโกง เลื้อยตามซอกมุม ช่างมันเถอะ เดี๋ยวเข้าป่าแล้ว แกใช้วิทยายุทธ์ทำนอง ‘มีดบินของลี้น้อย[1]’ และให้หนังสือเกมที่รักของฉันไม่พลาดเป้า อย่าคว้าน้ำเหลวทำให้อัศวิน A ของเราเสียหน้า และทำลายหนังสือเกมที่รักของฉัน”
ระบบ “ไม่มี ‘มีดบินของลี้น้อย’ ‘อัศวินหนังสือบิน’ รอให้หลังจากนี้ทิ้งหนังสือมากแล้ว คุณจะได้เข้าใจความรู้สึกจริงๆ”
เมื่อฟางหนิงได้ยินเรื่องนี้ก็คิดวิธีนี้ใช้หลอกล่อได้นี่นา
เขาหัวสมองแล่นและเอ่ยขึ้น “ถ้าแกเข้าใจได้ แกสอนฉันให้เรียนรู้ได้ แกคิดว่าฉันจะอยู่ในพื้นที่ระบบแล้วใช้มุมมองระบบของแกเพื่อดูว่าศัตรูอยู่ที่ไหน แล้วปาหนังสือออกจากพื้นที่ระบบใส่หัวมันได้ไหม พื้นที่ของแกนำของเข้าออกได้”
ระบบ “โฮสต์ช่างมีความคิดที่แปลกประหลาดจากความเป็นจริง แต่มันก็เป็นไปได้ ขอแค่เปิดทางออกพื้นที่ก็ได้แล้ว แต่ทำไมโฮสต์ไม่นึกถึงวิธีนี้ก่อนหน้านี้ล่ะ”
ฟางหนิง “ก่อนหน้านี้ฉันต้องช่วยแกเพิ่มความโกรธไม่ใช่เหรอ “
ระบบ “ไม่ใช่อย่างนั้น การเพิ่มความโกรธไม่ขัดขวางให้โฮสต์ลงมือซะหน่อย ระบบคิดว่าโฮสต์ขี้เกียจ และดูเหมือนว่าจะเพิ่มขึ้นได้…”
ฟางหนิง “ฉันแค่มีความสุขที่ได้แกล้งคนอื่น…”
ขณะที่ทั้งสองสนทนากัน อินทรีสวรรค์บินขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อเป็นกองหนุน ในขณะที่อัศวิน A ย่องเข้าไปในป่า
ในขณะนี้ งูจงอางที่อัศวิน A กำลังไล่ติดตามอย่างยากลำบากกำลังดูละคร
ที่นี่คือหุบเขาหินที่อยู่ลึกเข้าไปในป่า มีลำธารไหลผ่าน และการโต้เถียงเผ็ดร้อนเกิดขึ้นที่นี่
งูจงอางเชสเชสขดตัวบนก้อนหินไม่พูดจาอะไร
มันเพียงแต่ใช้ดวงตาที่เย็นชาจ้องมองการโต้เถียงของปีศาจกิ้งก่าทรงพลังสองตัว
สีผิวปีศาจกิ้งก่าตัวหนึ่งซีดขาวลายจุดราวกับก้อนหิน ทั้งตัวแสดงท่าทีที่สงบ
ปีศาจกิ้งก่าอีกตัวมีสีเขียวทั่วตัวคล้ายกับต้นไม้สีเขียว ดูมีชีวิตชีวากว่าเล็กน้อย
พวกมันมีพลังพอกันและในเวลานี้พวกมันต่างฝ่ายต่างไม่ยอม
ปีศาจกิ้งก่าหิน “กิ้งก่าป่า เจ้าไว้ใจอสรพิษตัวนี้ได้ยังไง มันบอกว่ามันสามารถทำให้ชาวเทียนจู๋หันมาบูชาพวกเราได้ เจ้าก็เชื่อมันอย่างนั้นเหรอ ชาวเทียนจู๋พวกนั้นมีดีตรงไหน หลังจากที่พวกเขาเข้ามาลับๆ ล่อๆ ทุกวันนี้มีปีศาจกลุ่มไหนบ้างที่ไม่ถูกพวกมันรังควาน พวกมันยังขโมยลูกๆ ของเผ่าเราส่งกลับไปประเทศพวกเขาไม่น้อย พวกเขามีเจตนาแอบแฝง! คนเหล่านี้ไม่สามารถช่วยเหลือเราได้!”
ปีศาจกิ้งก่าป่า “กิ้งก่าหิน ตอนนี้แล้ว ถ้าพวกเขาเต็มใจจะบูชาข้าเป็นเทพ ต่อให้มอบไข่ให้พวกเขาไปฟรีๆ สักสองสามฟองจะเป็นอะไรไป ถึงยังไงฟักออกมาแล้วก็เป็นแค่เด็กโง่ที่คุณสมบัติต่ำมากก็เท่านั้น จะเทียบกับพวกเราได้ยังไง ให้พวกมันเสียสละแทนพวกเราถือเป็นเกียรติของพวกมันแล้ว”
กิ้งก่าหินได้ฟังก็หดหู่ใจ “กิ้งก่าป่า กิ้งก่าป่า… นึกไม่ถึงเจ้าจะเห็นแก่ตัวถึงขนาดนี้ ทั้งข้าและเจ้ายังฝึกฝนตื้นเขิน ภัยพิบัติใหญ่ยังอีกนานกว่าจะมาถึง นานจนไม่เห็นจะต้องกังวล เรายังมีเวลาอีกมากที่จะฝึกฝนและเติมเต็มปณิธานของพวกเรา ถึงตอนนั้นเราจะต้องต้านทานภัยพิบัตินั้นได้แน่ๆ
จะไปยุ่งกับคนของเสินโจวที่อาศัยอยู่ร่วมกับตระกูลของเรามาโดยตลอดเพราะผลประโยชน์ตรงหน้าไปทำไม ชาวเสินโจวมีภูมิหลังที่ลึกซึ้ง ยากที่จะลงมือทำเรื่องต่างๆ อย่างยุติธรรม พวกเขาเป็นมิตรกับเราเสมอมา หากเจ้าเป็นศัตรูกับพวกเขา วันหน้าครอบครัวของข้าจะใช้ชีวิตที่ปลอดภัยได้ยังไงกัน”
กิ้งก่าป่ากล่าวอย่างดูถูก “สิ่งที่เจ้ามามันช่างน่าฟัง การฝึกฝนจิตใจของเจ้ายากแค่ไหน ต่อให้มีวิธีที่เหมาะสมก็ยังต้องทนทุกข์กับความยากลำบากสารพัดและผ่านการขัดเกลานับไม่ถ้วนถึงจะก้าวหน้าได้
แม้ว่าจะมีข้อจำกัดมากมายในการเปลี่ยนมาฝึกฝนเป็นเทพ อย่างน้อยวันหน้าข้าจะได้อยู่อย่างสบาย ไม่ต้องกังวลทั้งวันเหมือนตอนนี้ ชาวเสินโจวไม่เคารพบูชาข้า ข้าจึงหาชาวเทียนจู๋มาบูชาข้าแทน ส่วนครอบครัวจะสงบสุขหรือไม่ เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย ทำไมข้าต้องไปสนใจความเป็นความตายของพวกมันด้วย”
ในเวลานี้เชสเชสก็เอ่ยขึ้น “ท่านกิ้งก่าผู้ปราดเปรื่องทั้งสอง ได้โปรดฟังข้าก่อน”
กิ้งก่าหิน “อย่าพล่ามมาก อสรพิษอย่างเจ้าทำเรื่องชั่วช้ามากี่ครั้งแล้วถึงได้ฝึกฝนรวดเร็วถึงขั้นนี้ เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้รึ ตอนนี้ยังจะมาล่อลวงพวกเราอีก! หากไม่ใช่เพราะเจ้า ครอบครัวของข้ายังได้ใช้ชีวิตสงบสุขในดินแดนเสรีแห่งนี้ ถ้าข้าฟังเจ้า ก็ไม่แน่จะได้รับการบูชาเป็นเทพจริงๆ ส่วนลูกหลานของข้าจะต้องถูกออกคำสั่งอุทิศชีวิตให้ตลอดไป ต่อสู้เข่นฆ่าไม่หยุดหย่อน ไม่ได้ใช้ชีวิตสงบสุขอีกต่อไป!”
อย่างไรก็ตามกิ้งก่าป่าคลานขึ้นไปที่ด้านข้างของเชสและเอ่ยปากช่วย “เหอะ กิ้งก่าหิน ข้าเบื่อที่จะเห็นใบหน้าที่เสียสละของเจ้ามานานแล้ว ท่านเชสไม่ต้องไปคุยกับพวกสมองกลวงพวกนี้ ข้าจะไปกับท่าน ด้วยเวทมนตร์ของข้าช่วยเหลือ ชาวเสินโจวจะต้องรู้สึกหมดหนทางและยอมหลีกทางอย่างเชื่อฟังแน่นอน”
งูจงอางฟังแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก หัวแบนๆ ของมันก็ผงกสองสามครั้ง หากใครได้เห็น จะต้องรู้สึกหวาดกลัวมากแน่นอน
มันหันหลังเลื้อยออกไป ปีศาจกิ้งก่าสีเขียวตัวนั้นก็ตามไปติดๆ
กิ้งก่าหินมองดูร่างที่คดเคี้ยวของทั้งสองหายไปลิบๆ ก็รู้สึกไม่สบายใจ
มันตะโกนไปทางที่อีกฝ่ายจากไป “กิ้งก่าป่า เจ้าถูกมันหลอกแน่ๆ! สัตว์ปีศาจที่เชื่อคำสัญญาของอสรพิษตัวนี้จะไม่มีวันพบกับจุดจบที่สวยงาม!”
ในเวลานี้ก็มีเสียงมาจากระยะไกล
“สหายท่านนี้ หากท่านร่วมมือกับข้า รับรองได้ว่าอสรพิษนั่นจะไม่หลอกปีศาจตัวอื่นอีก!”
…
เมื่อกิ้งก่าหินได้ยินคำพูดก็หันไปมอง มันเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีท่าทางสง่างาม รูปร่างที่แข็งแรงและท่าทางที่ไม่ธรรมดา ลอยอยู่ในอากาศ
มันติดต่อกับชาวเสินโจวหลายครั้งและเคยเป็นตัวแทนของครอบครัวติดต่อบ่อยครั้ง มันมองปราดเดียวก็รู้ว่าคนผู้นี้เป็นคนของเสินโจว
ลักษณะท่าทางของบุคคลนี้นับเป็นคนแรกที่มันเห็นในหมู่ชาวเสินโจวที่มันเคยเห็น
แม้แต่สายตาคมกริบของอินทรีสวรรค์ยังมองเห็นร่องรอยการปรับแต่งโฉมหน้าบ้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันยิ่งมองไม่ออกนี่เป็นตัวเสริมของมนต์ดำการแปลงโฉมของระบบที่ไร้ยางอาย
ฟางหนิงในตอนนี้มีลักษณะเหมือนชายวัยกลางคนค่อนข้างสูงอายุ ส่วนสูงของเขาคือความเจ็บปวด…
ประโยชน์ของชาวเสินโจวที่เข้ามาในสถานที่แห่งนี้ล้วนมาจากระบบของสำนักงานสัจธรรม แต่ละคนถูกผูกมัดโดยกฎหมายทหารและเคารพกฎเกณฑ์ พวกเขาเองได้รับการฝึกฝนมาหลายปีและผ่านการคัดเลือกมาอย่างดี ต่างก็มีความสามารถสูงมาก แต่ไหนแต่ไรทำตัวแบบที่คุณไม่ทำผิดต่อฉัน ฉันไม่ทำผิดต่อคุณ
หลังจากที่ชาวเทียนจู่เข้าสู่ยุคสมัยใหม่ พวกเขามักจะถือว่าตนเองเป็นผู้ครอบครองในท้องถิ่น เมื่อพวกเขาเข้ามาที่นี่วิถีของพวกเขาก็ไม่เปลี่ยนแปลง
ในดินแดนมรดกแห่งนี้ สัตว์ปีศาจที่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างทั้งสองฝ่ายได้ ถือว่าการสังเกตที่มีต่อคนเสินโจวยังดีอยู่
ผู้ฝึกหัดที่มีพรสวรรค์อย่างเช่นกิ้งก่าหิน ซึ่งแตกต่างจากสัตว์ปีศาจที่โง่เขลาบางตัวสามารถแยกแยะระหว่างชาวเสินโจวและคนเทียนจู๋ได้อย่างง่ายดาย
หลังจากที่เห็นอัศวิน A แล้ว น้ำเสียงของมันก็อ่อนลง “สหายท่านนี้จากเสินโจวต้องการร่วมมืออะไรกับกิ้งก่าหิน”
เมื่อครู่เห็นกิ้งก่าหินตัวนี้จากระยะไกลแล้ว ฟางหนิงก็ขอให้ระบบสละร่างกายของเขาและปล่อยให้เขาพูดเอง
กิ้งก่าตัวนี้มีผิวหยาบและหนา มองแวบแรกเป็นเหมือนตัวละครในเกมที่มักจะถูกศัตรูเพ่งเล็ง เหมาะที่จะดึงมาเป็นพันธมิตร…
ฟางหนิงเอ่ยขึ้น “งูจงอางตัวนั้นฉลาดแกมโกงและพลังสูง ถ้ามันเปิดทางได้จริงและสมรู้ร่วมคิดกับคนเทียนจู๋ เกรงว่าจะลากสัตว์ปีศาจในดินแดนมรดกทั้งหมดเข้าไปในไฟสงคราม ถึงตอนนั้นชีวิตจะดับสูญ ข้าทนเห็นสถานการณ์อันน่าสลดใจนี้ไม่ได้ อยากจะขอยืมพลังของเหล่าสหายเพื่อยับยั้งหายนะนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กิ้งก่าหินพยักหน้า “เรื่องนี้แหละที่ข้ากังวล งูจงอางตัวนั้นฉลาดแกมโกงและทะเยอทะยานเป็นที่สุด เมื่อมันสมรู้ร่วมคิดกับชาวเทียนจู๋แล้วล่ะก็ มันจะช่วยให้ชาวเทียนจู๋กร่างเป็นแน่ เที่ยวทำสงครามไปทั่ว พิชิตสัตว์ปีศาจที่นี่ได้
“กิ้งก่าป่าตัวนั้นสนใจแต่ความอยู่ดีมีสุขของตัวมันเอง ไม่สนใจความเป็นความตายของผู้อื่น! มันไม่คิดเลยว่าหากไม่มีครอบครัว มันจะเติบโตอย่างมั่นคงจนถึงตอนนี้ได้ยังไง”
ฝ่ายธรรมะทั้งสองร่วมมือกันในทันทีและตัดสินใจไล่ติดตามอสรพิษร้ายตัวนั้นไปด้วยกัน
ฟางหนิง “ดีแล้ว ตอนนี้มีความช่วยเหลือทั้งบนท้องฟ้าและพื้นดินแล้ว ระบบ แกสามารถจัดการกับงูจงอางที่ทรงพลังนี้ได้อย่างสบายใจ”
ระบบ “เอาล่ะ โฮสต์ ความสามารถในการหลอกล่อของโฮสต์นั้นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แข็งแกร่งกว่างูจงอางตัวนั้นมาก”
ฟางหนิง “ฉันไม่ได้พูดหลอกล่อ ฉันเป็นคนซื่อสัตย์ แต่ไหนแต่ไรไม่ถนัดโกหกคนอื่น… แต่อย่างที่แกเคยพูด ฝ่ายธรรมะจะได้รับความช่วยเหลือเกื้อกูล”
…………………………………………………………..
[1] มีดบินของลี้น้อย หรือ 小李飞刀 หมายถึง มีดบินของลี้คิมฮวงในนวนิยายฤทธิ์มีดสั้นของโกวเล้ง