เมื่อผมโดนระบบครองร่าง - บทที่ 190 ดูอาวุธวิเศษของข้าให้ดี
บทที่ 190 ดูอาวุธวิเศษของข้าให้ดี
‘โครม’
เพียงแค่มังกรฟาดหางก็กระแทกเข้ากับฉีเหมยอย่างจัง
กำไลหยกสีขาวบนข้อมือของคู่ต่อสู้ส่องประกายขึ้นมาทันที และเกราะคุ้มกายสีขาวพลันปรากฏขึ้นขัดขวางการโจมตีครั้งนี้เอาไว้
ร่างของมังกรเขียวหดลงเหลือยาวสองเมตรกว่า สายฟ้าสีม่วงเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว ขณะที่พลังของมันไม่ลดลงแม้แต่น้อย
‘ปัง’ ‘บูม’ ‘โครม’…
เสียงต่างๆ ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล้วนแต่เป็นเสียงที่กรงเล็บมังกร หางมังกรและเขามังกร… รุมโจมตีร่างของฉีเหมย
ส่วนเธอพยายามทุกวิถีทาง แม้แต่เกล็ดมังกรชิ้นหนึ่งก็ตัดไม่ขาด
ถ้าไม่ใช่เพราะพลังเวทย์เกราะคุ้มกายที่แข็งแกร่งเพียงพอ ป่านนี้คงเสียหน้าไปนานแล้ว
แม้ว่ายังคงรักษาศักดิ์ศรีไว้ได้ แม้ว่าไม่มีคนที่มุงดูคนไหนวิพากษ์วิจารณ์เหมือนคนที่เดินผ่านไปมา แต่เธอรู้สึกว่าสายตาวิตกกังวลของทุกคนราวกับกำลังเยาะเย้ยเธอ
เธอไม่อาจตั้งสมาธิได้ชั่วขณะ พลันนึกถึงการแข่งขันฟุตบอลที่เคยดูกับครอบครัวก่อนขึ้นเขา ผู้เล่นที่ไปแย่งบอลถูกคู่แข่งสองสามคนเล่น ‘ลิงชิงบอล’ ซึ่งตอนนี้เธอเข้าใจความอัปยศอดสูนั้นแล้ว…
ทันใดนั้นเธอก็หยุดการโจมตีและกระโดดถอยไปหลายสิบเมตร หอบหายใจถี่ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้เป็นเพราะเหนื่อย แต่เพราะความโกรธ…
มังกรเขียวไม่ได้ถือโอกาสไล่ล่า เพียงแต่รักษาระยะห่าง ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจ
ทุกคนต่างมองหน้ากัน พวกเขาล้วนเป็นผู้ฝึกบำเพ็ญระดับหนึ่ง ย่อมมีฐานะทางสังคมและความยับยั้งชั่งใจ ย่อมไม่มีทางร้องอุทานประหลาดใจว่าใครไม่ไหวแล้ว… พวกเขาเพียงแค่ส่งเสียงลับหรือส่งสายตาเท่านั้น
…
ในเวลานี้ เมื่อเห็นท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณกำลังได้เปรียบ ผู้อาวุโสกุ่ยต้าจึงรู้สึกโล่งใจก็ส่งเสียงลับกับผู้อาวุโสกุ่ยเอ้อร์ “ท่านเทพสมคำร่ำลือจริงๆ ไม่แปลกใจที่พระโพธิสัตว์ชมไม่ขาดปาก ดูแค่ทักษะการต่อสู้ในวันนี้ ทั้งเก่งและแม่นยำ ขืนช้าแค่วินาทีเดียวก็อาจบาดเจ็บได้ และถ้าเร็วไปก็จะเปลืองแรง ชำนาญแม่นยำ เกิดมาเพื่อต่อสู้เป็นแน่”
กุ่ยเอ้อร์เองก็รู้สึกโล่งใจเช่นกัน “ถูกต้อง อาวุธวิเศษของฉีเหมยร้ายกาจมาก การฝึกบำเพ็ญก็เหนือชั้นกว่าเรามาก แต่เมื่อต้องต่อสู้ระยะประชิด เมื่อเทียบกับท่านมังกรแล้ว ก็เหมือนความแตกต่างระหว่างนักฟุตบอลสมัครเล่นกับโรนัลโดและเมสซี่
ผู้อาวุโสกุ่ยต้าจนปัญญา “ข้าไม่ค่อยเข้าใจการเปรียบเทียบของเจ้า เปลี่ยนตัวอย่างใหม่หน่อย”
กุ่ยเอ้อร์รู้สึกจนปัญญายิ่งกว่า “งั้นก็ความแตกต่างระหว่างระดับ 18 ที่เป็นระดับต่ำสุดของผู้เริ่มเล่นหมากล้อมกับแอลฟาโกะที่เป็น AI ในเกมหมากล้อม”
กุ่ยเอ้อร์เอ่ยชื่อที่แทบไม่เคยได้ยิน แต่ผู้อาวุโสกุ่ยต้ากลับพอใจกับคำตอบมาก “การเปรียบเทียบอย่างนี้เห็นภาพมาก… จะว่าไปข้าก็อยากแข่งกับแอลฟาโกะตั้งนานแล้ว เพียงแต่ไม่มีเวลา รอจัดการเรื่องสำคัญของพระโพธิสัตว์เสร็จ ข้าจะตั้งใจศึกษาหมากล้อมสักหน่อย ให้พวกเขารู้ว่าด้วยการอัปเกรดฮาร์ดแวร์และอัปเกรดอัลกอริทึมอย่างต่อเนื่องของเครื่อง AI สามารถบดขยี้คนธรรมดาได้ชั่วขณะ แต่หลังจากคนธรรมดาฝึกบำเพ็ญอัปเกรดฮาร์ดแวร์สมองแล้วก็บดขยี้คืนได้”
…
หลังจากฉีเหมยกระโดดถอยไป นิ้วหัวแม่มือบีบนิ้วอื่นท่าทางแบบนักพรตเต๋าพลางท่องมนต์ไม่หยุด
ผู้คนต่างพากันถอยห่างออกไปทันที เพราะรู้ว่าฉีเหมยจะต้องใช้อาวุธวิเศษที่ทรงพลังอย่างแน่นอน…
แต่พวกเขาก็ต้องแปลกใจเล็กน้อยที่ท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณไม่ได้ถือโอกาสขัดขวางฉีเหมยท่องมนต์ แต่เพียงแค่จ้องมองเท่านั้น
จูหงอิงมองดูด้วยความกังวล เธออยากจะยิงผู้หญิงคนนั้น เพื่อไม่ให้เธอใช้ไม้ตายอีก แต่เธอรู้สถานะของตัวเองดี และรู้ว่าตนเองมีกำลังแค่เฝ้ามองเท่านั้น หากเข้าไปสะกิดอีกฝ่ายจริงๆ ก็มีแต่จะถูกเกราะคุ้มกายของอีกฝ่ายสกัดเอาไว้เท่านั้น…
เฉียวจื่อเจียงกลับพยักหน้า ท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณช่างเป็นผู้รอบคอบเสียจริง ให้คู่ต่อสู้เผยไพ่ตายออกมาให้หมด แล้วกำราบในคราวเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกแพ้อย่างสมน้ำสมเนื้อ และกลับมาวุ่นวายอีก
ขณะที่แต่ละคนต่างคนต่างคิด ก็เห็นลูกบอลประหลาดปรากฏขึ้นตรงหน้าฉีเหมย ขนาดเท่าลูกฟุตบอลสีขาวสลับดำ มองแวบแรกดูเหมือนลูกฟุตบอลจริงๆ…
แต่พวกเขาจะมองมันเป็นฟุตบอลได้ยังไงกัน ทุกคนต่างกลั้นหายใจจดจ่อ ไม่ปล่อยให้การเคลื่อนไหวใดๆ คลาดสายตา
ฉีเหมยเรียกลูกบอลออกมา ความมั่นใจก็กลับคืนมา และตะโกนใส่มังกรเขียวที่อยู่ห่างออกไป “หึ ท่านเทพ เสียงคำรามมังกรของท่านทรงพลัง และมีพลังของมังกรจริงๆ สามารถสลัดจิตต้องห้ามบนอาวุธวิเศษทั่วไป แต่ลูกบอลสวรรค์กำเนิดจักรวาลลูกนี้มีจิตต้องห้ามของบรรพจารย์ของฉัน ท่านคือจ้าวแห่งเขาเทียนชิง การฝึกบำเพ็ญเกือบจะ… อย่างไรเสีย ไม่ใช่สิ่งที่มังกรอย่างท่านจะทำลายได้ รู้แล้วก็เชื่อฟังและกลับไปกับฉันดีๆ มิเช่นนั้น ฉันจะ จะ…”
ในคำท้ายๆ นั้น ทุกคนต่างรู้ว่าฉีเหมยพูดอะไรไม่รื่นหูแน่นอน แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเธอไม่ได้พูดมันออกมา
เธอพูดไม่ออกหลายครั้งติดต่อกัน ทำได้แค่ชี้นิ้วไปที่ลูกบอลสวรรค์กำเนิดจักรวาลลูกนั้นทะยานเข้าใส่มังกรเขียวทันที
มังกรเขียวรีบบินหลบ แต่ราวกับว่าลูกบอลนั้นมีดวงตา มันหักเลี้ยวอย่างรวดเร็ว และพุ่งเข้าใส่เจ้ามังกรไม่หยุด
ชั่วเวลานั้น มังกรเขียวทำได้แค่หลบหลีก หมดหนทางโต้กลับ เขาไม่ได้ส่งเสียงคำรามมังกรและไม่พยายามที่จะเก็บลูกบอลนี้อีก
ฉีเหมยพลิกกลับมาได้เปรียบอีกครั้งก็ภาคภูมิใจทันที สายตามองไปรอบๆ เป็นประกายฮึกเหิม
ผู้คนต่างตื่นตกใจเมื่อเห็นฉีเหมยได้ใจราวกับได้เปิดเผยความลับที่ยิ่งใหญ่อะไร จ้าวแห่งเขาเทียนชิงผู้นั้นฝึกฝนใกล้ระดับไหนกันแน่ วิถีแห่งสวรรค์หรือ คงเป็นไปไม่ได้หรอก
แต่เฉียวจื่อเจียงกลับรู้ทัน ไม่แปลกใจที่ฉีเหมยกล้ามาอาละวาด เธอมีผู้หนุนหลังจริงๆ และรู้ดีไม่ว่าจะก่อปัญหาใหญ่โตแค่ไหน เพียงกลับไปซ่อนตัวในเขาเทียนชิง ก็ไม่มีใครทำอะไรได้แล้ว ทัศนคตินี้ไม่ต่างอะไรกับเด็กเกเรที่เมื่อสร้างปัญหาก็วิ่งหนีกลับบ้าน ผู้ปกครองต้องคอยออกมาจัดการปัญหาไม่หยุดหย่อน และปล่อยให้เด็กเกเรรนหาที่ตายครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งวันหนึ่งต้องไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในคุก…
ฟางหนิงเฝ้าดูระบบบินไปมาเพื่อหลบหลีกลูกบอลที่ไล่ติดตามไม่ให้ถูกตัว และไม่ได้โต้ตอบ ก็รู้เลยว่ากำลังจะตกอยู่ในการต่อสู้อันยืดเยื้ออีกครั้ง การรับมือลูกบอลนี้ไม่ง่ายเอาเสียเลย
ในเมื่อเป็นศึกยืดเยื้อ เขาจึงไปที่ ‘เรือนจำพลังมังกร’ หาตัวแอนเดอร์สันซึ่งเป็นผู้อธิบายที่ดีที่สุด และขอให้ระบบเปิดการถ่ายทอดสดและฟังการบรรยายของแอนเดอร์สัน
เขาเล่าถึงที่มาที่ไป แอนเดอร์สันก็รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นทันที
แอนเดอร์สันเอ่ย “ท่านพัศดี ฉันเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเขาเทียนชิง ที่นั่นเป็นดินแดนลึกลับคล้ายกับดินแดนมรดก แต่พื้นที่น่าจะเล็กกว่ามาก บรรพจารย์ของเธอผู้นั้นไม่เคยปรากฏตัวในโลกภายนอก พวกลูกศิษย์ก็แทบไม่ปรากฏตัวเหมือนกัน สมาคมดุลอำนาจแห่งโลกก็ไม่เคยแทรกซึมเข้าไปได้เลย ฉันรู้แค่ว่าพวกเขามีเบื้องหลังที่ล้ำลึกมากๆ ลูกศิษย์ที่ปรากฏตัวทุกครั้ง จะมีผู้หนึ่งที่สามารถต้านทานพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกขณะนั้นได้”
ระบบพูดกับฟางหนิง “มิน่าถึงได้จัดการยากแบบนี้… มหาเศรษฐีโฮสต์ ดูคุณสิ ขี้เกียจสันหลังยาว ปกติมัวแต่พาแอนเดอร์สันเล่นเกม แต่ไม่รู้จักลองถามสถานการณ์มีพลังแข็งแกร่งในโลกนี้กี่สำนัก คุณเป็นกุนซือที่ใช้ไม่ได้เอาซะเลย”
ฟางหนิงได้ยินดังนั้นก็ไม่ยอม กล้าสงสัยตำแหน่งกุนซือของตนเชียว รีบโต้แย้ง “แกจะไปรู้อะไร ฉันจดจำเรื่องนี้ไว้ในใจนานแล้ว ไม่เคยพูดถึงเพราะไม่มั่นใจว่าแอนเดอร์สันกลับตัวกลับใจจริงไหม ฉันกลัวว่าเขาจะให้ข้อมูลเท็จ ขืนเขาหลอกว่าผู้แข็งแกร่งเป็นผู้อ่อนแอ พระเอกกลายเป็นผู้ร้าย เมื่อจับปีศาจผิดตัว ตกหลุมพราง เราจะไม่ดวงกุดเหรอ”
“ตั้งหลายครั้งแล้ว ฉันคิดว่าเขาน่าจะไม่เปลี่ยนใจแล้ว หลังจากนี้ฉันจะแต่งตั้งเขาเป็นรองกุนซือเพื่อจัดการข้อมูลข่าวกรองให้ชัดเจน แกก็ให้สิทธิ์เขาค้นหาเครือข่ายภายนอก ไม่จำกัดเฉพาะแค่เกมนั้น”
ระบบ “ฟังดูแล้วก็พอจะมีเหตุผล แต่คุณอธิบายตั้งมากมาย ฉันคิดว่าคุณกำลังหลอกฉัน… คุณน่าจะลืมต่างหากล่ะ”
ฟางหนิงหมดคำพูด “หลายเรื่องที่ฉันไม่ได้พูดออกมา ก็ไม่ได้แปลว่าฉันจำไม่ได้สักหน่อย… แกยังใส่ร้ายฉันอีก ต่อไปยังอยากยืมเงินฉันอยู่ไหม”
ระบบ “อ้อ ฉันเข้าใจท่านมหาเศรษฐีผิดแล้วล่ะ… คราวนี้ท่านมหาเศรษฐีต้องอดทนมากอีกสักหน่อย ค่อยๆ ดูถ่ายทอดสอดไป ลูกบอลนี้ไม่มีทางถูกตัวฉันแน่นอน แต่ฉันเองก็สู้มันไม่ได้เหมือนกัน มันมีคุณภาพสูงและแข็งแกร่งมาก ไม่เพียงแต่มีจิตต้องห้ามอันทรงพลัง ยังมีจิตวิญญาณด้วย ถ้าเอาชนะมันไม่ได้ก็เก็บมันไม่ได้แน่นอน ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ต้องใช้เวลาหลายเดือนมันถึงจะใช้พลังเวทย์ในตัวหมด…”
ฟางหนิงพูดไม่ออกเมื่อได้ยินดังนั้น ต้องสู้กันถึงหลายเดือนทีเดียว โชคดีที่ตนถูกครองร่าง และระบบต่อสู้แทนทั้งหมด ถ้าเป็นเขาเองล่ะก็ คงเหี่ยวเฉาแย่…
เขาดูไปสิบกว่านาทีก็เบื่อแล้ว นับประสาอะไรกับการสู้เอง… เขาจึงเริ่มพูดคุยกับแอนเดอร์สัน
ฟางหนิง “แอนเดอร์สัน แกคิดว่าเขาเทียนชิงมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่ ลูกบอลลูกเดียวทรงพลังอะไรขนาดนี้ มิน่าผู้หญิงคนนี้ถึงกล้ายโสโอหัง”
แอนเดอร์สันคาดเดาไว้ตั้งนานแล้วจึงกล่าวทันที “จากที่ท่านเล่าเมื่อครู่ ฉีเหมยบอกว่าลูกบอลนั้นมีจิตต้องห้ามของบรรพจารย์ และพูดอีกด้วยว่าอีกฝ่ายเป็นจ้าวแห่งเขาเทียนชิง ใกล้ระดับ… ฉันก็นึกอะไรบางอย่างออก คิดว่าบรรพจารย์ของเธอมีความสามารถสำแดงอิทธิฤทธิ์จากดินแดนลับในเขาเทียนชิง คงจะไม่ต่างจากท่านเทพตอนอยู่ในเรือนจำพลังมังกร ต่อให้เป็นผู้จุติจากสวรรค์เข้าไปในเรือนจำก็มีแต่จะถูกสยบราบคาบทันที ต้องยอมถูกจับโดยดีและมิอาจขัดขืน เธอถึงได้กล้าทำตัวใหญ่โตเช่นนี้”
ฟางหนิงตระหนักได้ในทันที ผู้เชี่ยวชาญก็คือผู้เชี่ยวชาญ เพียงแค่คำพูดของฉีเหมยที่ไม่ได้ตั้งใจพูดออกมา ไม่นานก็สามารถชี้ส่วนสำคัญและค้นพบประเด็นหลักได้… ไม่แปลกใจที่ฉีเหมยหยิ่งผยองแบบนี้ แม้แต่ผู้จุติจากสวรรค์อย่างพระโพธิสัตว์ปีศาจก็ไม่อยู่ในสายตา
แอนเดอร์สันพูดต่อไป “จะเห็นได้ว่า ดินแดนลึกลับแห่งเขาเทียนชิงอันลึกลับแน่นอนว่าต้องมีกฎที่ทรงพลังเหมือนกับในโลกนี้เช่นกัน คล้ายกับเรือนจำพลังมังกรของเรา สำนักงานสัจธรรมมีดินแดนมรดก อาณาเขตของพวกเขากว้างมาก แต่ความเข้มงวดและทรงพลังของกฎในดินแดนแห่งนี้ห่างไกลกับอีกสองแห่ง ดูเหมือนว่าเว้นแต่จะมีขนาดใหญ่ถึงระดับหนึ่งเหมือนจักรวาลภายนอกอันไพศาลไม่มีที่สิ้นสุด มิเช่นนั้น กฎแห่งดินแดนลึกลับทรงพลังหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวข้องมากนักกับดินแดนกว้างใหญ่หรือไม่”
ฟางหนิงรีบส่งเสียงกับระบบ “ได้ยินแล้วยัง ครั้งต่อไปถ้ามีการต่อสู้อีก ก็เปิดถ่ายทอดสดให้แอนเดอร์สันเลย การบรรยายของผู้เชี่ยวชาญมีประโยชน์มาก”
ระบบ “มีประโยชน์อะไร เขาทำได้แค่บรรยาย ก็ไม่เห็นมีวิธีหยุดยั้งลูกบอลนั้นสักหน่อยไม่ใช่เหรอ”
ฟางหนิงหมดคำพูด “แกสนใจแต่ผลประโยชน์ คนเขาชี้ให้เห็นถึงที่มาที่ไปของคู่ต่อสู้ เพื่อให้เรารู้ว่าต้องทำยังไง อย่าเข้าไปในเขาเทียนชิงของพวกเขา จะได้ไม่ตกหลุมพรางจนถูกขังเหมือนอชาฮาน นี่ยังเรียกว่าไร้ประโยชน์อีกเหรอ”
ระบบ “ถึงเขาไม่เปิดเผยข้อมูลของอีกฝ่าย ฉันก็ไม่เข้าไปอยู่แล้ว ถึงยังไงจะเข้าไปก็ต้องให้หลงฝานเข้าไปก่อน”
ฟางหนิง “ให้ตายเถอะ ดูจากนิสัยท่านเทพ มันเป็นแบบนี้จริงๆ.. ฉันจะลองถามเขาดูว่ามีวิธีอะไรไหม”
ไม่ต้องรอให้ฟางหนิงถาม ผู้บรรยายแอนเดอร์สันผู้เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ เสมือนนักพากย์ฟุตบอล ก็บอกวิธีการแก้ไขปัญหาโดยตรง…
แอนเดอร์สัน “ฉันคิดว่าถ้าอยากจัดการกับลูกบอลนั้นยังมีวิธีหนึ่งที่น่าลองดู เขาเทียนชิงมีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง แต่ตรีเทพแห่งเทียนจู๋ก็ทรงอานุภาพเช่นเดียวกัน สองฝ่ายต้องปะทะกันไม่ช้าก็เร็ว สู้ให้ฉันลงไปยั่วยุเขาที่ห้องขังเดี่ยวสักหน่อย ครั้งนี้อชาฮานน่าจะเผยวิธีใช้คทาอัญมณีบ้าง…”
ฟางหนิงพยักหน้า และขอให้เขาไปจัดการทันที
ผ่านไปไม่นาน แอนเดอร์สันก็พิมพ์วิธีใช้คทาอัญมณีบางส่วนบนคอมพิวเตอร์
ฟางหนิงชื่นชมเขามาก ผู้เชี่ยวชาญก็คือผู้เชี่ยวชาญ สมาคมดุลอำนาจแห่งโลกมีวิธีการยั่วยุทางวิทยาศาสตร์และมีประสิทธิภาพจริงๆ…
อชาฮานผู้ซึ่งถูกทรมานวิญญาณและถูกคุมขังนานสิบกว่าวันหัวรั้นอย่างยิ่ง เมื่อสอบสวนถึงวิธีใช้คทาอัญมณี ก็ไม่เคยหลุดออกมาสักคำ เพียงแสดงความโกรธเกรี้ยว…
ค่าความโกรธของเขาเพียงคนเดียวสามารถเติมสล็อตความโกรธทั้งหมดให้เต็มในชั่วพริบตา ซึ่งเทียบได้กับตอนที่ตนเองเดือดดาลทะลุปรอท แต่ก็เข้าใจได้ว่า ผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานระดับทะเลสาบอย่างเขาและยังเป็นเทวทูตด้วย มีความหยิ่งจองหอง เมื่อถูกคุมขังในคุกและถูกทรมาน ความอัปยศอดสูเช่นนี้ไม่โกรธเกรี้ยวสิแปลก…
ฟางหนิงคิดว่าถ้าไม่ถึงร้อยปีอีกฝ่ายคงไม่ยอมจำนน แต่ตอนนี้แค่แอนเดอร์สันหลอกล่อไม่กี่คำ เขาก็ยอมปริปากบอกหลักการบางส่วน…
ฟางหนิงได้แต่ถอนหายใจ ต้องใช้คนให้เต็มความสามารถที่เขามีอยู่จริงๆ แม้ว่าตนจะรู้เคล็ดลับก็ไม่อาจจัดการได้ง่ายๆ เหมือนแอนเดอร์สัน แค่ไม่กี่คำก็เปลี่ยนทัศนคติและจุดยืนของอีกฝ่ายได้ คายความลับออกมา… เรื่องนี้พูดง่ายทำยาก
…
ฉีเหมยเห็นมังกรเขียวตัวนั้นทำได้เพียงหลบหลีกไปมา ผ่านไปนานก็ไม่ตอบโต้ จึงหัวเราะเยาะขึ้นมา “ทำไม ทำไมไม่แผดเสียงร้องอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะท่านบรรพจารย์มีข้อจำกัด ถ้าฉันปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของลูกบอลสวรรค์กำเนิดจักรวาลออกมาล่ะก็ การโจมตีแค่ครั้งเดียว ทุกคนที่อยู่ในระยะร้อยลี้จะถูกบดขยี้แหลกลาญ ไม่มีทางหนีพ้น!”
ทุกคนต่างตื่นตกใจเมื่อได้ยินดังนั้น สมบัติของเขาเทียนชิงทรงพลังอะไรเช่นนี้!
การปฏิบัติของพวกเขาจำต้องนำหน้าทุกคน ในงานแลกเปลี่ยนสมบัติทุกครั้ง วัสดุที่แลกมาจากดินแดนเสินโจวนั้น ไม่รู้ว่าได้หลอมสมบัติให้พวกเขามากมายเพียงใดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นี่คือความร้ายกาจของการผูกขาดทางเทคนิค…
ในเวลานี้ มังกรเขียวหลบการโจมตีของลูกบอลนั้นอีกครั้ง และพูดอย่างใจเย็น “เดิมทีข้าต้องการจะไว้หน้า แต่ไม่คิดว่าเธอจะไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ที่สูงที่ต่ำ ไม่รู้จักขอบเขต คิดเพียงจะสังหารให้ราบ! ดูเหมือนข้าจำต้องแสดงพิโรธแห่งอสนีบาตเพื่อเตือนหนักๆ จึงจะทำให้เธอรู้จักกลับตัวกลับใจ… คอยดูอาวุธวิเศษของข้า!”
ฉีเหมยได้ยินก็ตะลึง ทุกคนตัวสั่นเทา จากนั้นก็เห็นคทายักษ์ยาวกว่า 100 เมตรปรากฏขึ้นใต้ท้องฟ้าในทันใด!
พวกเขาจึงตระหนักได้ว่า ตระกูลมังกรมากด้วยสมบัติ ในเทพนิยายเป็นเช่นนี้ และดูเหมือนในความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน…
เฉียวจื่อเจียงรู้ดีที่สุด ยังไม่พูดถึงเรื่องอื่น อุปกรณ์มิติที่มีความจุมหึมาของอีกฝ่ายนั้น ก็คือสิ่งหายากบนโลกและไม่เคยเห็นมันบรรจุเต็มมาก่อน…
ฟางหนิงปรบมือและส่งเสียงเชียร์ “เจ๋งเป้ง วันนี้จะต้องทำให้คนหยิ่งยโสกลายเป็นคนปัญญาอ่อนให้ได้!”
แอนเดอร์สัน “ท่านพัศดีพูดถูก ด้วยพลังของคทานี้ คู่ต่อสู้จำต้องหนีตายแน่”
ฟางหนิงพยักหน้าพลางเอ่ย “อืม ฟังจากที่แกพูด แอนเดอร์สัน ฉันเชื่อว่าระดับภาษาจีนของแกจำต้องสูงกว่าระดับหก เก่งกว่าโรเบิร์ตแน่นอน”
แอนเดอร์สัน “อ๋อ สไนเปอร์คนนั้น ฉันจำเขาได้ ฉันเป็นคนคัดเลือกเขามาเอง ระดับภาษาจีนของเขาก็ไม่เลวเหมือนกัน”
………………………………………………………….