เมื่อผมโดนระบบครองร่าง - บทที่ 191 ดีดลูกคิดรางแก้ว
ฉีเหมยตกตะลึงแล้วยิ้มเยาะพลางชี้นิ้วเอ่ย “คิดว่าใหญ่แล้วจะข่มขวัญได้หรือไง ลูกบอลสวรรค์กำเนิดจักรวาล อัดมันให้น่วม!”
ทว่าทันทีที่เธอพูดจบ ลูกบอลสวรรค์กำเนิดจักรวาลลอยกลับมา นอกจากไม่ไล่ติดตาม ยังกลับมาขวางหน้าเธออีกด้วย
จากนั้นทุกคนก็เห็นว่าดูเหมือนคนกับอาวุธวิเศษกำลังสนทนากัน
ฉีเหมยตะโกนทันที “ฉันไม่เชื่อ เจ้าเป็นอาวุธวิเศษที่ท่านบรรพจารย์สร้างขึ้นเองกับมือ ทำไมสู้มันไม่ได้! มันก็แค่คทายักษ์ไม่ได้เรื่อง! เจ้าอย่าบังคับให้ฉันต้องใช้คาถาสายเลือด วันนี้ฉันจะต้องระบายแค้นให้ได้!”
การต่อสู้ประชิดตัวเมื่อครู่ถูก ‘เล่นลิงชิงบอล’ พอเรียกลูกบอลออกมาถึงพอกู้หน้าได้บ้าง ขืนมายอมแพ้ตอนนี้ เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!
หลังจากลูกบอลสวรรค์กำเนิดจักรวาลได้ยินก็ส่ายไปมา ผู้คนต่างรู้สึกได้ว่ามันดูเหมือนจะจนปัญญา จากนั้นก็พุ่งปะทะคทายักษ์!
มังกรเขียวเห็นดังนั้นก็ส่ายหัว “ข้าให้โอกาสครั้งสุดท้ายแล้ว แต่ก็ยังกล้าดันทุรังโจมตี รนหาที่ตายชัดๆ ตายซะเถอะ!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ลูกบอลสวรรค์กำเนิดจักรวาลนั่นก็ชนเข้ากับคทาอัญมณียักษ์อย่างรวดเร็วและไร้เสียง
ทุกคนเห็นเพียงเงาร่างมหึมหาเลือนรางสองสายปรากฏขึ้นขณะที่ปะทะกัน ร่างหนึ่งเต็มไปด้วยรัศมีหยิ่งยโส คล้ายว่ามองสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเป็นแค่มด ส่วนอีกร่างดูมีความศักดิ์สิทธิ์ และมีรัศมีของความเป็นหนึ่งเดียวในจักรวาล
โดยสรุปแล้วพวกเขาทำได้เพียงแหงนมองผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง…
เงาร่างทั้งสองปรากฏขึ้นและหายไปในพริบตา ไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองประมือกันยังไง รู้เพียงว่าระหว่างปะทะกันนั้นไม่เกิดเสียงดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหวดังที่จินตนาการไว้ ตรงกันข้ามกลับมีเพียงความเงียบอันน่าสะพรึงกลัวแผ่คลุมทั่วทุกสารทิศ ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลม ราวกับว่าบัดนี้เสียงในโลกใบนี้หายไป
ครู่หนึ่งถึงค่อยมีเสียงปริร้าวดังขึ้นเบาๆ เสียงนั้นแผ่วเบามาก หากทุกคนไม่ได้เพ่งความสนใจก่อนก็จะไม่ได้ยินเลย
ผู้คนจ้องเขม็งก็เห็นลูกบอลสวรรค์กำเนิดจักรวาลแตกร้าวไปแล้ว มันหยุดนิ่งกลางอากาศ ปราศจากจิตวิญญาณก่อนหน้านี้
เมื่อมองไปที่คทาอัญมณีอีกครั้ง มันยังคงใหญ่ยักษ์ ด้านบนไร้ซึ่งพบรอยแตกร้าว ลูกบอลสวรรค์กำเนิดจักรวาลอันน่าเกรงขามก่อนหน้านี้พุ่งเข้าใส่ด้านบนของมัน เหลือเชื่อกลับแตกร้าวเอง!
ในที่สุด สีหน้าฉีเหมยก็หวาดผวา เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าในโลกภายนอกยังมีสมบัติที่ทรงพลังเช่นนี้ ลูกบอลสวรรค์กำเนิดจักรวาลที่ท่านบรรพจารย์ของเธอสร้างเองกับมือ กลับทำอะไรมันไม่ได้เลย!
เธอคิดถึงตรงนี้ก็หันกลับวิ่งหนี
เดิมทีคทาอัญมณีนั้นเพียงหยุดอยู่ใต้ท้องฟ้าไม่ขยับ และเพียงแค่แสดงอานุภาพของมัน
แต่หลังจากถูกลูกบอลสวรรค์กำเนิดจักรวาลโจมตี ดูเหมือนถูกยั่วโมโห หลังจากที่ปะทะลูกบอลแตกร้าว ก็ดูเหมือนจะเกิดมีสติปัญญา พุ่งเข้าอัดเธออย่างจัง ราวกับถูกภูเขาไท่ซานกดทับศีรษะในทันใด มิอาจต้านทานได้
“ได้โปรดไว้ชีวิตเธอ!”
กำไลอีกเส้นบนข้อมือของฉีเหมยพลันปรากฏร่างเงาพลังจิต ดูเหมือนจะเป็นกู่ปู้เหวยนั่นเอง
เขาเพียงชี้นิ้ว ฝ่ามือยักษ์เสมือนหยกขาวก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าขวางหน้าคทาอัญมณี
ทว่าคทาไม่ได้ถูกฝ่ามือยักษ์สกัดกั้น มันแยกออกและโจมตีต่อไป!
“ฟึบ” “ฟึบ” “ฟึบ”…
ร่างกายของฉีเหมยมีเกราะป้องกันหลายสิบชั้นปรากฏขึ้น แต่ละชั้นส่องแสงเจิดจ้า และก่อนหน้านี้แต่ละชั้นสามารถต้านทานการโจมตีนับไม่ถ้วนของมังกรเขียวได้ แต่ตอนนี้กลับพังทลายลงทั้งหมดเพียงการสัมผัสแค่ครั้งเดียว!
เมื่อร่างเงาพลังจิตเห็นดังนี้ ทำได้เพียงส่ายหน้าแล้วหายเข้าไปในร่างของฉีเหมย จากนั้นก็ห่อหุ้มวิญญาณหญิงสาวทะยานขึ้นท้องฟ้าได้ทันเวลา
คทาโจมตีต่อไป ฟาดร่างของฉีเหมยอย่างรุนแรง พริบตากายเนื้อของเธอระเหยไปท่ามกลางไอศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นความว่างเปล่า ไม่เห็นแม้แต่เศษเนื้อและเลือด…
มีเพียงสมบัตินับสิบชิ้นที่ล่องลอยทั่วท้องฟ้า ทั้งกำไล สร้อยคอ แหวนและจี้หยกต่างไม่ได้รับความเสียหาย
จากนั้นผู้ชมทุกคนก็เห็นมังกรเขียวตัวนั้นพุ่งใส่ลูกบอลสวรรค์กำเนิดจักรวาลที่แตกร้าวก่อน ลูกบอลก็หายไปทันที จากนั้นมันก็พุ่งไปยังจุดที่ร่างของฉีเหมยแหลกสลาย คทาอัญมณียักษ์หายวับไปพร้อมกับสมบัติที่กระจัดกระจาย ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นสายฟ้า ไล่ติดตามไปทางเดียวกับที่กู่ปู้เหวยหนีไป…
ทุกคนยืนเซ่อ ผู้อาวุโสกุ่ยต้ากับกุ่ยเอ้อร์มองหน้ากัน เฉียวจื่อเจียงหันไปทางจูหงอิงโดยไม่พูดอะไร
“ท่านเทพกำจัดความชั่วร้ายเสมอมา จริงด้วย ฉันลืมไปเลย เขายังมี…” เฉียวจื่อเจียงไม่พูดต่อ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกตัว รีบส่งข่าวสารไปให้หัวหน้าทีมเหรินผ่านเครือข่ายเทียนหลัว
“ท่านเทพมาจากตระกูลใหญ่บนสวรรค์ แน่นอนว่าอาวุธวิเศษทรงพลังกว่าเขาเทียนชิงมาก” ผู้อาวุโสกุ่ยต้าแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เพียงแต่พยักหน้าและพูดอย่างเป็นกังวล “ดูเหมือนร่างเงาพลังจิตที่ปรากฏเมื่อครู่มีพลังเวทย์ลึกล้ำ ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน หวังว่าท่านเทพไล่ตามไปครั้งนี้จะไม่เป็นอะไร”
…
“ศิษย์พี่ ต้องแก้แค้นให้ข้า!” จิตวิญญาณของฉีเหมยแข็งแกร่ง ราวกับว่ายังมีสมบัติชั้นเลิศปกป้องจิตวิญญาณ แม้ว่าร่างกายจะถูกทำลาย แต่ก็ยังดูเหมือนคนธรรมดา
กู่ปู้เหวยส่ายพลางปลอบใจ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฉันเห็นทุกอย่างแล้ว เธอมีโอกาสรักษาชีวิตอย่างน้อยสามครั้ง แต่เธอใช้สิ้นเปลือง เดิมทีฉันอยากจะห้าม แต่เมื่อเห็นลูกบอลยังไม่สามารถปรามเจ้าได้ จึงไม่ได้เสียเวลาพูดและเตรียมพร้อมเต็มกำลัง ถึงได้คว้าโอกาสช่วยจิตวิญญาณของเธอออกมาจากพลานุภาพนั้นได้ แต่พี่จะไม่ช่วยล้างแค้น ตอนนี้พี่จะส่งวิญญาณของเธอกลับไปเขาเทียนชิงให้อาจารย์ลงโทษ”
ฉีเหมยทั้งตกใจทั้งโกรธ “มังกรตัวนั้นหาเรื่องข้าก่อนแท้ๆ เขาอยากจะไล่ฉันไป และขัดขวางไม่ให้ฉันรับศิษย์!”
กู่ปู้เหวยไม่สะเทือนกับสิ่งที่ได้ยิน และเพียงเกลี้ยกล่อมว่า “ไม่มีประโยชน์ที่จะโต้เถียง ทุกสิ่งย่อมมีชะตากรรมของมันเอง… เมื่อสามปีก่อนคนอื่นเป็นฝ่ายเสียเปรียบ สัตว์ประหลาดของเธอตายไปหนึ่งตัว แต่อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสถึงหกคนและเสียการปกครองทั้งหมด แต่เจ้าได้หน้า ดีใจจนกลับไปเขาเทียนชิงถูกลงโทษกักบริเวณ แต่ครั้งนี้เธอเป็นฝ่ายเสียเปรียบ สูญเสียอาวุธวิเศษทั้งหมด กายเนื้อถูกทำลาย เสียหน้าไปหมด ทุกอย่างมีที่มาที่ไปและยุติธรรมมาก ศิษย์น้องควรระงับความโกรธ กลับไปฝึกฝนอย่างหนัก จดจำบทเรียนให้ดี วันหน้าทำทุกอย่างอย่างระมัดระวัง ชายชราสูญเสียม้า แต่กลับเป็นโชคอันยิ่งใหญ่ บางทีเธออาจจะหลีกเลี่ยงภัยพิบัติที่ใหญ่กว่านี้ได้ในอนาคต”
ฉีเหมยยากที่จะระงับความโกรธ และไม่อาจระบายความแค้นออกมาได้ ชั่วเวลานั้นจึงไม่เคารพแม้กระทั่งศิษย์พี่ของตัวเอง “นี่ถือเป็นความโชคดีอะไรกัน ถ้าพี่ไม่ช่วยฉันล้างแค้น ไม่กลัวจะถูกพี่เขยและพี่สาวของแนลงโทษหรือไง!”
กู่ปู้เหวยส่ายหน้าพลางเอ่ย “ครั้งนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เธอเคยพบมาก่อน เขาคือมังกรแท้จากสวรรค์ มีไพ่ตายเยอะแยะ การเข้าไปยุ่งมีแต่จะทำให้พี่ถูกมัดมือชก ประตูแห่งภูเขาไม่ได้เปิดตามอำเภอใจ พี่จะไม่ยอมให้เรื่องส่วนตัวของเธอเตะถ่วงเรื่องสำคัญแน่นอน ท่านอาจารย์กับอาจารย์แม่ต่างรู้ขอบเขต เป็นไปไม่ได้ที่จะตำหนิพี่หรอก”
ฉีเหมยพูดไม่ออกชั่วขณะ ทำได้เพียงกลั้นโมโห ทันใดนั้นจิตวิญญาณสั่นแล้วบินไปอีกทาง “พี่ไม่ช่วยฉันแก้แค้น ฉันจะไปหาคนอื่น! ถ้าไม่ได้สางแค้น ฉันสาบานจะไม่กลับ!”
เงาร่างพลังจิตของกู่ปู้เหวยชี้นิ้วก็มีกำแพงขาวตกลงมาจากท้องฟ้าขวางหน้าฉีเหมย แต่กลับถูกอีกฝ่ายทำลายกลายเป็นสายรุ้งแล้วจากไป
กู่ปู้เหวยไม่ได้ไล่ตามไป เขามองไปไกลๆ จากนั้นก็เห็นแสงสีม่วงจางๆ วาบผ่านและไล่ตามไป นิ้วหัวแม่มือบีบนิ้วอื่นราวกับกำลังส่งข่าวคราวไปยังที่ไหนสักแห่ง
…
ฟางหนิงและแอนเดอร์สันดูการถ่ายทอดสดบนจอขนาดใหญ่ สุดท้ายสายฟ้าสีม่วงก็ตามสายรุ้งยาวทัน และกลืนมันลงไป
ฟางหนิงถอนหายใจ “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคนรนหาที่ตายถึงขนาดนี้…”
แอนเดอร์สัน “เท่าที่ฉันเข้าใจวิญญาณประเภทต่างๆ คนประเภทนี้ก็ไม่ได้หายาก เพียงแต่ส่วนใหญ่ไม่มีต้นทุนที่จะเหิมเกริม จึงทำได้แค่ระงับความโกรธเอาไว้”
ระบบกล่าวกับฟางหนิง “มหาเศรษฐีโฮสต์ อย่ามัวแต่แสดงความเห็นหลังรับชมอยู่ตรงนั้น ฉันขังวิญญาณของผู้หญิงคนนั้นรวมกับอาวุธวิเศษในห้องขังเดี่ยวห้องสุดท้ายแล้ว คุณคิดว่าตอนนี้ควรทำยังไงดี”
ฟางหนิง “ขังไว้ก่อน รอดูสถานการณ์ก่อนค่อยตัดสินใจ แกรีบไปสร้างอุปกรณ์มิติในตำนานเถอะ ฉันดูการแจ้งเตือนของระบบสักหน่อย ฉันไม่ค่อยเข้าใจตอนที่ต่อสู้เมื่อกี้ แอนเดอร์สันเองก็ไม่รู้ความสามารถของแกเหมือนกัน”
ระบบ “อ้อ เข้าใจแล้ว ฉันเติมค่าประสบการณ์ 10 ล้าน มีเวลาอีกครึ่งวันก็ได้”
ฟางหนิงจึงไปอ่านการแจ้งเตือนของระบบอย่างสบายใจ
เขาอ่านผ่านๆ ส่วนที่เข้าใจแล้วระหว่างการต่อสู้ และอ่านเฉพาะประเด็นสำคัญเท่านั้น
(ระบบใช้ห้าสล็อตความโกรธเพื่อใช้ ‘มังกรคำรามเก้าสวรรค์’
ในเรือนจำของระบบมีนักโทษที่แข็งแกร่งกว่าโฮสต์อยู่มากกำลังสร้างค่าความโกรธมหาศาล สล็อตความโกรธจึงเติมเต็ม…
จิตต้องห้ามของขวดสมบัติหยกมรกตถูกทำลาย
ระบบได้รับสมบัติ
ระบบใช้สล็อตพลังปราณและสล็อตความโกรธไปอย่างละสล็อตเพื่อใช้วิทยายุทธ์ประเภทมังกรที่มีคุณสมบัติสายฟ้า ‘อสนีบาตครองร่าง’ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ‘อัปเกรดความเร็วพุ่งพรวด’
ระบบหลบหลีกการโจมตีของฉีเหมย
ระบบโจมตีฉีเหมย
…
ระบบบังคับใช้ ‘คทาลงโทษศักดิ์สิทธิ์’
‘คทาลงโทษศักดิ์สิทธิ์’ ถูก ‘ลูกบอลสวรรค์กำเนิดจักรวาล’ เป็นฝ่ายเข้าโจมตี
พลังจิตของซังชิงซาน ‘จ้าวแห่งเขาเทียนชิง’ พังทลายหลังต่อสู้กับพลังจิตของ ‘ท้าวมหาพรหม’
ลูกบอลสวรรค์กำเนิดจักรวาลได้รับความเสียหายอย่างหนัก
พลังจิตของ ‘ท้าวมหาพรหม’ ได้รับบาดเจ็บและโกรธเกรี้ยว บังคับคทาโจมตีฉีเหมย
…
ระบบควบคุมอานุภาพของคทา กายเนื้อของฉีเหมยแหลกสลาย วิญญาณของเธอหลบหนีไปได้ สมบัติก็กระจัดกระจาย
ระบบได้รับสมบัติ 43 ชิ้น…
ระบบจับลูกบอลสวรรค์กำเนิดจักรวาล
ระบบได้รับ ‘คทาลงโทษศักดิ์สิทธิ์’ คืน
…
ระบบใช้สล็อตพลังปราณที่เหลือ 31 สล็อตและสล็อตความโกรธ 18 สล็อตเพื่อใช้วิทยายุทธ์ประเภทมังกรคุณสมบัติสายฟ้า ‘อสนีบาตปรากฏฉับพลัน’ ประสิทธิภาพเพิ่มเติมก็คือ ‘ความเร็วปานสายฟ้า’ ซึ่งขณะนี้จะได้ผลนานสิบนาที
ระบบไล่ตามจิตวิญญาณของฉีเหมย
ระบบจับจิตวิญญาณของฉีเหมยขังในห้องขังเดี่ยว)
…
ณ ฐานบัญชาการสำนักงานสัจธรรม
เหรินรั่วเฟิงกำหนดราคาของวัสดุส่วนใหญ่กับกู่ปู้เหวยเสร็จแล้ว ขณะที่กำลังจะพูดคุยเกี่ยวกับราคาของอาวุธวิเศษ เขาพบว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าตกตะลึงและไม่พูดอะไรอยู่พักหนึ่ง
ขณะที่กำลังประหลาดใจ เขาได้เรียกใช้เครือข่ายเทียนหลัวผ่านพลังจิตของตัวเองโดยไม่ได้แสดงท่าทีอะไร และไม่นานก็ได้รับข้อมูลตอบกลับ ‘อีกฝ่ายกำลังใช้คลื่นพลังจิตขนาดเล็กมากควบคุมอาวุธวิเศษบางชิ้นจากระยะไกล’
ที่นี่คือสำนักงานใหญ่ของสำนักงานสัจธรรม ซึ่งเป็นที่ตั้งหลักของเครือข่ายเทียนหลัว เมื่อเปลี่ยนตำแหน่งจะไม่สามารถค้นพบสิ่งนี้ได้เลย
ในขณะนั้น เหรินรั่วเฟิงก็เข้าใจแล้วว่าการฝึกบำเพ็ญของอีกฝ่ายนั้นเหนือกว่าตนมาก เขาจำได้ว่าในแฟ้มข้อมูลบันทึกอายุของอีกฝ่ายยังไม่ถึง 40 ปี ซึ่งเป็นอายุจริง ไม่ได้หลอกลวงเหมือนตน…
เขาเทียนชิงแห่งนี้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าทวยเทพจริงๆ เมื่อเทียบกันแล้ว ดินแดนมรดกดูธรรมดาอย่างมาก
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง กู่ปู้เหวยสีหน้าเคร่งขรึม มองเหรินรั่วเฟิงและเงียบเป็นเวลานาน
ในเวลานั้นเอง เหรินรั่วเฟิงได้รับข่าวจากเฉียวจื่อเจียงแล้ว เขาย่อมเข้าใจสีหน้าของอีกฝ่ายทันที
เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้และเอ่ยถาม “เกิดเรื่องใหญ่อะไรเหรอ ศิษย์น้องของท่านสร้างปัญหาอีกแล้วเหรอ เฮ้อ ฉันไม่ได้จะยุ่งเรื่องของคนอื่น แต่ศิษย์น้องของท่านชอบสร้างปัญหา จึงไม่ควรอนุญาตให้เธอลงเขาอีก เรื่องเมื่อสามปีก่อน โชคดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บล้มตาย มันไม่ง่ายเลยกว่าที่สำนักงานสัจธรรมของเราจะจัดการได้ หากเกิดขึ้นอีกครั้ง พวกเราก็คงไม่มีกำลังพอที่จะช่วยเหลืออะไรได้”
กู่ปู้เหวยส่ายหน้าพลางเอ่ยเสียงเรียบ “กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมตามสนอง มันยุติธรรมแล้วล่ะ ฉันส่งข่าวกลับไปที่เขาเทียนชิงแล้ว ท่านอาจารย์บอกว่า เธอลงเขาครั้งนี้ต้องพบเจอปัญหาแน่ แต่จิตวิญญาณไม่เป็นอะไร เรื่องนี้ฉันไม่ต้องเข้าไปยุ่ง ให้ฉันตั้งใจทำธุระสำคัญ”
เหรินรั่วเฟิงพยักหน้า แต่คิดในใจ ‘ตามที่เฉียวจื่อเจียงพูด ฉีเหมยจำต้องถูกท่านนักปราชญ์มังกรแห่งจิตวิญญาณกุมขังในเรือนจำพลังมังกรเช่นเดียวกับเมลัมครั้งที่แล้ว เป็นไปได้ไหมว่าท่านบรรพจารย์ของเธอน่าจะรู้เรื่องนี้นานแล้ว หากเป็นเช่นนั้นก็น่ากลัวเกินไป ไม่เชื่อว่าจะมีคนสามารถทำนายอนาคตได้จริงๆ’
ดูเหมือนว่าผู้สูงส่งผู้นี้ต้องการให้สาวกของตนลองประสบความยากลำบากเพื่อดัดนิสัย แล้วค่อยไปช่วยเหลือ เพราะเขาใจร้ายไม่ลง จึงต้องการยืมมือคนอื่น ทดสอบลูกศิษย์ของตัวเอง ฉลาดคิดมาก แต่จะเป็นไปตามปรารถนาหรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง