เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 2 ภาคครองใต้หล้า] - ตอนที่ 109
ซินเยว่เยี่ยนหันกลับมองเยี่ยเม่ย เอ่ยเสียงนิ่ง “เจ้าคิดว่าอาศัยแค่พวกเขา จะจับข้าได้อย่างนั้นหรือ”
“แล้วถ้าเป็นเยี่ยนเล่า”
หลังจากสิ้นเสียงน่าฟังลงแล้ว เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ปรากฏกายอยู่หน้าประตูขวางทางซินเยว่เยี่ยนไว้
เยี่ยเม่ยมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน กล่าวว่า “ในเมื่อท่านมาแล้ว ข้าก็คงไม่ต้องลงมือ!”
“พวกเจ้า…” ซินเยว่เยี่ยนรู้สึกเกินความคาดหมาย
เยี่ยเม่ยเลอะเลือนสงสัยว่าซือหม่าหรุ่ยขโมยของก็ช่างเถอะ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็คิดเช่นนั้นด้วยหรือ
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนสงสัยจริงๆ หรือเพราะว่าไม่อยากขัดใจเยี่ยเม่ย
ความจริงซินเยว่เยี่ยนไม่อยากเชื่อว่าเรื่องที่กำลังเกิดอยู่ตรงหน้า สองสามีภรรยาโง่ก็โง่ไปด้วยกัน นี่มันเรื่องน่าขันเหลือเกิน!
เยี่ยเม่ยกล่าว “จับนางไว้ ก่อนซือหม่าหรุ่ยจะตาย ห้ามปล่อยนางออกจากจวนองค์ชายสี่เด็ดขาด!”
“น้อมรับคำสั่งภรรยา!”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนตอบรับ สายตามองไปที่ซินเยว่เยี่ยน
ซินเยว่เยี่ยนที่เดิมทีกำลังจะขัดขืน แต่ในขณะที่นางจะชักกระบี่ออกจากฝัก เป่ยเฉินเสียเยี่ยนแค่ยกมือขึ้นเบาๆ ปราณสีแดงแผ่พุ่งออกมาสะกดซินเยว่เยี่ยนไว้จนนางไม่อาจขยับ!
ระหว่างยอดฝีมือความห่างชั้นแค่ขั้นเดียวก็เป็นความแตกต่างราวฟ้ากับดินแล้ว ยิ่งไม่พูดถึงคนในระดับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เป็นยอดฝีมือที่ห่างชั้นจากตัวนางกี่ขั้นก็ไม่รู้ ซินเยว่เยี่ยนไม่อาจขยับได้ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนปรายตามอง องครักษ์ที่อยู่ด้านข้างก็เข้ามาคุมตัวซินเยว่เยี่ยนไว้
ในขณะที่ซินเยว่เยี่ยนถูกคุมตัว หางตาเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเหลือบเห็นความสั่นไหวที่ต้นไม้นอกหน้าต่าง มุมปากเขายิ้มอ่อนๆ เดินเข้าด้านในห้องโถง
เยี่ยเม่ยเอ่ยปาก “คนแอบฟังจากไปแล้วหรือ”
“อืม!” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพยักหน้า
ตั้งแต่ซินเยว่เยี่ยนกลับมา เยี่ยเม่ยก็รู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้แล้ว แต่ว่าวรยุทธ์ของเขาไม่สูงมาก แม้กระทั่งยอดฝีมือธรรมดาก็ไม่อาจเทียบได้ ดังนั้นคาดว่าไม่ใช่เซียวชิน ไม่ว่าอย่างไรเซียวชินก็เคยเป็นจั่วอี้อ๋องแห่งต้ามั่ว เคยประมือกับนางมาก่อน นางจึงไม่เคลื่อนไหวอะไร จงใจแสดงละครต่อไป
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเดินเข้ามา เอ่ยเสียงยิ้มแย้ม “ดูท่า เซียวชินคงกังวลว่านี่เป็นแผนล่อเขาออกมา ดังนั้นจึงหาคนมาแอบฟัง ดูท่าทีของพวกเรายามอยู่ในจวนว่าต้องการชีวิตของซือหม่าหรุ่ยจริงหรือไม่!”
ยามนี้เมื่อเซียวชินรู้ว่าซินเยว่เยี่ยนเพิ่งกลับมาบอกว่าจะช่วยซือหม่าหรุ่ยก็ถูกจับตัว ดูท่าเขาคงไม่ระแวงสงสัยอีกแล้ว
เยี่ยเม่ยพรูลมหายใจออก เอ่ยด้วยความเบิกบาน “พวกเราตั้งใจแสดงกันถึงขนาดนี้แล้ว เชื่อว่าเซียวชินจะไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง!”
“ยังต้องกันอีกคนหนึ่งไว้!” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเตือนขึ้น
เยี่ยเม่ยเงยหน้ามองเขา “ใคร”
ซือหม่าหรุ่ยอยู่ในคุก วันพรุ่งนี้เช้าก็จะเป็นวันประหาร เยี่ยเม่ยจงใจเลือกเวลาเร่งร้อนเช่นนี้ ก็เพราะกังวลว่าพวกเซียวเซ่อหยางได้ข่าวแล้วกลับมาช่วย
พวกเซียวเซ่อหยางจากไปแล้ว ข่าวก็แพร่สะพัดออกไปนอกเมืองหลวง รอจนถึงหูพวกเซียวเซ่อหยางไม่ว่าอย่างไรก็ต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองวันเพื่อกลับมา เมื่อถึงเวลาแล้วเรื่องของนางก็เสร็จสิ้นแล้ว
เซียวชินย่อมไม่หวังให้เซียวเซ่อหยางกลับมา เวลานี้ซินเยว่เยี่ยนกลับมาอย่างกะทันหัน ถูกนางจับตัวไว้แล้ว…ทว่าสุดท้ายเยี่ยเม่ยก็คิดออกมาได้ “จงรั่วปิง!”
พวกนางต่างก็เป็นสหายสนิทของซือหม่าหรุ่ย
หากรู้ว่าวันพรุ่งนี้เช้าซือหม่าหรุ่ยจะถูกประหาร จงรั่วปิงต้องเสนอตัวออกมาช่วย ขอเพียงใครสักคนหนึ่งลงมือ เซียวชินที่อยู่ในที่ลับก็จะไม่โผล่ออกมา เพียงแต่มองพวกเขาหนีไปเงียบๆ จนกระทั่งปลอดภัยก็พอ
ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ว่าใครก็ห้ามสอดมือเข้ามา ถึงดึงเซียวชินออกหน้ามาช่วยคนเอง
เยี่ยเม่ยคิดมาถึงตอนนี้ เอ่ยปากว่า “ดูท่าคงต้องรบกวนผู้สืบทอดราชาพิษที่ไม่เต็มใจทำงานส่งข่าวช่วยข้าไปจวนตระกูลจงอีกรอบแล้ว ให้ไป๋หลี่ซือซิวช่วยสกัดจงรั่วปิงไว้”
ในเวลานี้เอง อวี้เหว่ยและเสี่ยวกวนวิ่งเข้ามาด้วยความร้อนรน หลังจากเข้ามาแล้วก็รายงานว่า “เกิดเรื่องแล้ว เตี้ยนเซี่ย พระชายา เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองเขาด้วยความแปลกใจ
สายตาเยี่ยเม่ยแฝงไปด้วยความประหลาดใจอยู่ไม่น้อย นางรู้จักพวกอวี้เหว่ยและเสี่ยวกวนดี ทั้งคู่ไม่ใช่คนที่พบเรื่องเล็กๆ แล้วจะร่ำร้องโวยวาย พวกเขาวิ่งเข้ามาอย่างพร้อมเพรียงเช่นนี้ ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องเล็กจริงๆ
ไม่ทันรอให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนและเยี่ยเม่ยถาม
อวี้เหว่ยส่งกระดาษในมือหลายแผ่นให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยน และส่งให้เยี่ยเม่ยเช่นเดียวกัน
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองภาพในกระดาษ สีหน้าที่สบายๆ พลันสงบนิ่งลง ในดวงตาคู่ร้ายมีแสงสีแดงเริ่มเกิดจิตสังหารขึ้นมา
ฝ่ายเยี่ยเม่ยเมื่อก้มมองภาพในกระดาษ กลับยิ้มสนุกออกมา
เสี่ยวกวนเห็นรอยยิ้มของเยี่ยเม่ย ก็รู้สึกว่าตนฝันไปหรือเปล่า เขาเอ่ยอย่างสงสัยว่า “พระชายา เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้แล้ว ท่านยังยิ้มออกอีกหรือ”
เยี่ยเม่ยมองเขาด้วยความไม่ยี่หระ ตอบกลับว่า “เรื่องนี้ใหญ่นักหรือ สำหรับคนที่มีจิตใจเข้มแข็งแล้ว สิ่งที่ไร้ประโยชน์ที่สุด สิ่งที่ไม่อาจทำร้ายคนได้มากที่สุดนั่นก็คือข่าวลือ!”
“แต่ว่าข่าวลือนี้ ไม่น่าฟังเอาเสียเลยนะขอรับ!” อวี้เหว่ยกล่าวไปพลาง มองสีหน้าเตี้ยนเซี่ยอย่างอดไม่ได้
ในใจเขาคิดว่าแม่นางเยี่ยเม่ยช่างใจกว้างนัก ชื่อเสียงตัวเองท่านยังไม่ใส่ใจอีก
แต่ตอนนี้ข่าวลือแพร่สะพัดอยู่ข้างนอก นั่นก็เท่ากับคนทั่วหล้าต่างหลงคิดว่าองค์ชายสี่ถูกสวมเขาเสียแล้ว มีบุรุษคนไหนรับเรื่องเช่นนี้ได้ หรือว่านางคิดว่าองค์ชายสี่ไม่รักศักดิ์ศรีกันเล่า
เยี่ยเม่ยฟังแล้วก็พยักหน้า “ที่เจ้าพูดก็ถูก! ไม่ว่าอย่างไรข้ากับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็เป็นคนมีหน้ามีตา”
สิ่งของพวกนี้ทำร้ายนางได้หรือไม่เป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนเยี่ยเม่ยจะเอาคืนหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เยี่ยเม่ยตวัดสายตามองอวี้เหว่ย เอ่ยนิ่งๆ ว่า “เจ้าไปสืบดู เรื่องเล็กน้อยอย่างกับเด็กทะเลาะกันนี้เป็นฝีมือใคร! ต่อให้จะคิดบัญชีพวกเราก็ต้องหาคนทำเสียก่อนใช่หรือไม่”
ความคิดของเยี่ยเม่ยคร้านจะหยุดอยู่ที่เรื่องประเภทที่สตรีก่อเช่นนี้ ไม่ต้องขบคิดก็รู้ว่าต้องเป็นความคิดโง่ๆ ของสตรีชั้นต่ำที่ต่อสู้ในสนามรบในตระกูลมานาน
คนที่พอมีสมองอยู่บ้างย่อมรู้ว่า ด้วยความสามารถของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนและนาง ไม่มีทางสืบไม่ได้ว่าใครเป็นผู้ก่อกวนอยู่เบื้องหลัง ทั้งไม่มีทางไม่รู้ว่าเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ นางและเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่มีทางปล่อยตัวบงการเบื้องหลังไป
นี่มันตัวต้นแบบของพวกมีใจทะเยอทะยานโลกแคบ ถึงบอกไงว่าสตรีต้องออกไปฝึกปรือข้างนอกบ้าง เห็นโลกมากหน่อย เอาแต่อยู่ในบ้านอบรมอยู่ในห้องหับอันอบอุ่นสบาย ยามนี้คิดจะให้ร้ายคนก็คิดได้แต่แผนการโง่ๆ ที่ทำให้ตัวเองตกตายได้เท่านั้น
“ขอรับ ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้!”
เสี่ยวกวนรับคำสั่งทันที
เขาเห็นเยี่ยเม่ยท่าทางไม่ใส่ใจ และไม่ปฏิเสธ ก็อดบ่นอุบอยู่ในใจไม่ได้ ก็ได้ ถือว่าท่านยอดเยี่ยม! เรื่องเล็กๆ ของเด็กน้อยเช่นนี้ถึงไม่อยู่ในสายตา
เมื่อเสี่ยวกวนจากไป
เยี่ยเม่ยเห็นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองประดาษด้วยหน้าง้ำงอ นางถามว่า “ยังจะดูอะไรอีก หรือว่าท่านเชื่อกัน”